9 ส.ค. 2023 เวลา 16:18 • ท่องเที่ยว
พระราชวังแห่งชาติเปนา

"Palácio Nacional da Pena" พระราชวังฤดูร้อนสีสดใสแห่งเมืองซิงตรา

📍 ตั้งอยู่บนยอดเขาซิงตรา
เมือง - Sintra (ซิงตรา)
ประเทศ - Portugal 🇵🇹
🏰 พระราชวังที่ดูสดใสมีสีแนวพาสเทลแห่งนี้ มีชื่อว่า “Palácio Nacional da Pena” หรือ พระราชวังแห่งชาติเปนา ซึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาซิงตรา สร้างโดยพระเจ้าจอห์นที่สองแห่งโปรตุเกส เพื่อเป็นตัวแทนแห่งความรักของพระองค์ต่อราชินี Eleanor of Viseu ในศตวรรษที่ 15
🤓แต่ต้องบอกว่า ในตอนแรกเลยที่พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างเนี่ย เค้าไม่ได้มีสีสันสวยแบบในภาพนะ เพราะเดิมทีสถานที่แห่งนี้ เป็นเพียงแค่โบสถ์เล็ก ๆ (ของ Lady of Pena)
Lady of Pena
จนกระทั่งพระเจ้าจอห์นที่สองแห่งโปรตุเกส ที่เกริ่นมาด้านบน ได้เข้ามาปรับเปลี่ยนให้โบสถ์เล็ก ๆ กลายเป็นพระราชวังขนาดเล็กแทน (ซึ่งโบสถ์เล็ก ๆ ที่อยู่ข้างใน ก็ยังคงตั้งอยู่นะ และมีบาทหลวงอยู่เหมือนเดิม 🕍)
แรกเริ่มเป็นโบสถ์ขนาดเล็ก(ที่ไม่เล็กมาก)
แต่แล้ว…ในปี ค.ศ. 1755 ก็ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่กรุงลิสบอน (Terramoto de Lisboa) มันยิ่งใหญ่ขนาดที่ว่าเกิดคลื่นสึนามิและอัคคีภัยตามมาอย่างหนัก (ในขณะนั้น แผ่นดินไหวประมาณ 8.5-9.0 ริกเตอร์ ) โดยมีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้มากถึง 100,000 คน 🌊🇵🇹🪦
แน่นอนว่า เมืองซิงตรา (Sintra) ที่ตั้งของพระราชวังแห่งนี้ก็เสียหายไปทั้งเมือง (เพราะอยู่ห่างจากกรุงลิสบอนไม่ถึง 30 กิโลเมตร)
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 1838 กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 แห่งโปรตุเกส (Ferdinand II of Portugal) ที่มีฉายาว่า “กษัตริย์ศิลปิน” ได้เริ่มบูรณะพระราชวังเปนาแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ ให้กลายเป็นพระราชวังฤดูร้อนสำหรับราชวงศ์โปรตุเกส (เพราะจากเมื่อก่อนที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเยอะมาก)
Ferdinand II of Portugal
การบูรณะใหม่ครั้งนี้ ด้วยความที่ศิลปะในช่วงศตวรรษที่ 19 จะเป็นยุคโรแมนติกหรือยุคจินตนิยม ทำให้พระราชวังแห่งนี้ มีการใช้รูปแบบของสีที่หลากหลาย อีกทั้งเป็นการผสมผสานสถาปัตยกรรมหลายรูปแบบเอาไว้อีกด้วย🟨🟧🟥
แต่ถ้าถามถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมพระราชวังแห่งนี้ ก็จะเป็นการสร้างในรูปแบบศิลปะกอทิกสมัยใหม่ (Gothic) ผสมสถาปัตยกรรมมัวร์(อิสลาม)ที่มีอยู่ดั้งเดิม (จริง ๆ มีอีก 2-3 รูปแบบที่ผสมผสานอยู่ภายในพระราชวังเลยละ)
เรื่มปรับให้เป็นพระราชวัง
สำหรับบางส่วนของปราสาทเอง ก็ได้แรงบันดาลใจมาจาก "Neuschwanstein Castle 🏰🇩🇪" ของเยอรมนีอีกด้วยนะ (เพราะว่าศิลปินคนที่กษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 จ้างให้ชาวเยอรมันที่มีชื่อว่า Baron Wilhelm Ludwig von Eschwegeมาสร้างพระราชวังแห่งนี้ จนทำให้พระราชวังแห่งนี้มีอีกหนึ่งฉายา คือ “portugiesische Neuschwanstein” หรือ ปราสาท Neuschwanstein ในโปรตุเกส)
ภายในก็ได้รับกลิ่นอายปราสาทของยุโรปแถบเยอรมนีมาอย่างเต็มที่
นอกจากตัวพระราชวังแล้ว ข้าง ๆ กันเลย ก็ยังมีป้อมปราสาทมัวร์ (Castelo Dos Mouros) ที่ชาวมัวร์สร้างไว้ตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เพื่อปกป้องเมืองซิงตราเบื้องล่าง ซึ่งกษัตริย์เฟอร์ดินานด์ที่ 2 ก็ได้ชุบชีวิตซ่อมแซมป้อมปราการแห่งนี้อีกด้วย (แต่ไม่ได้เปลี่ยนรูปแบบของสถาปัตยกรรม)
Castelo Dos Mouros ส่วนตรงนี้ยังคงความเป็นป้อมแบบแขกมัวร์มากที่สุด
💡ปิดท้ายด้วยเกร็ดความรู้ที่น่าสนใจเกี่ยวกับเมืองซิงตราและศิลปะโรแมนติก 🇵🇹
เมืองซิงตรา (Sintra) เมืองแห่งความโรแมนติก ที่รวมศิลปะจินตนิยมหรือโรแมนติกของยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 19 อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากเมือง Lisbon (ประมาณ 1 ชม.)
เมืองแห่งนี้ยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจากองค์การยูเนสโกในปี 1995 ในฐานะของ” Cultural Landscape” แห่งแรกในยุโรปอีกด้วยนะ !
เมืองซิงตรา
.
อีกสิ่งหนึ่งที่เพื่อน ๆ น่าจะสังเกตกันได้ว่า เวลาพูดถึงพระราชวัง ปราสาท เมืองและเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับยุคสมัยโรแมนติก
ว่าแต่…เจ้าโรแมนติกในที่นี้เนี่ย เราอาจจะนึกถึงกลิ่นความรัก ความหวานเลี่ยน ... หากแต่ว่าความหมายมันไม่ได้เฉพาะเจาะจงไปในรูปแบบของความรัก 💔
ความโรแมนติกในที่นี้ เค้าจะหมายถึง “ศิลปจินตนิยม (Romanticism)” หรือ ศิลปะแบบโรแมนติก
เกิดขึ้นในในยุโรปตะวันตก ตอนปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 จนถึง 19 ต่อจากศิลปะแบบนีโอ-คลาสสิก
เจ้าศิลปะแนวนี้ เป็นศิลปะที่เน้นอารมณ์ความรู้สึก คล้อยตามไปกับจินตนาการที่เต็มไปด้วยความเพ้อฝัน ความแปลกประหลาด (จนไปถึงความสยองแบบน่ากลัวเลยก็มีนะ😱)
จะประมาณนี้สะท้อนความเป็นมนุษย์
สะท้อนความรู้สึกหดหู่สิ้นหวังหรือกำลังมีความหวังได้ดี
เพราะในยุคนั้นชาวยุโรปเริ่มให้ความสำคัญเกี่ยวกับอารมณ์และความรู้สึกของมนุษย์ เช่น งานศิลปะ ดนตรี และวรรณกรรม ที่ให้ความสนใจกับความงามของธรรมชาติและความรู้สึกของมนุษย์ 🎨🎶
(🤓 ว่ากันว่า บางกลุ่มมีการต่อต้านวิทยาศาสตร์ และมองแค่ในเรื่องความดีงามหรือความผิดบาปในตัวมนุษย์…ก็ว่าไปนั้นเลย😇)
(พอผู้คนในยุโรปโฟกัสมาที่ความรู้สึกกันมากขึ้น ความคิดแบบเสรีประชาธิปไตย เหตุการณ์การปฏิวัติในฝรั่งเศส ก็เป็นผลพ่วงมาด้วยเช่นกัน รวมไปถึงยุคการปฎิวัติอุตสาหกรรมก็ด้วยนะ…
ถ้าถามว่าภาพไหนที่บ่งบอกว่าเป็น "Romanticism" ได้ดีในสายตาของคนยุโรปก็จะเป็นภาพนี้ "Liberty Leading the People" ในช่วงปฏิวัติฝรั่งเศส
จนไปถึงภาพชวนหดหู่แบบนี้
แต่...เรื่องนี้จะยาวม๊ากเลยละ ต้องใช้เวลาย่อยอีกพอสมควร เดี๋ยวจะผิดคอนเซ็ปต์ของโพส อันนี้พวกเราแค่ยกมาให้เห็นภาพที่ชัดขึ้นคร้าบ ☺️🙏)
อย่างพระราชวัง "Palácio Nacional da Pena" ในโพสนี้ ก็จะเรียกสถาปัตยกรรมในรูปแบบ “Romanticism Architecture Style”
ตัวอย่างที่ดีที่สุดก็คือปราสาท "Neuschwanstein Castle" ของเยอรมันต้นแบบของพระราชวังเปนาในโพสนี้นี่เอง
(คือ มันรวมหลายรูปแบบของศิลปะ หากว่าอ้างอิงจากในหน้าเว็ปของตัวพระราชวังเอง เค้าก็ระบุว่าสไตล์โรแมนติกของพระราชวังนี้ ก็จะประกอบด้วยสไตล์ Neo-Gothic, Neo-Manueline, Neo-Moorish และ Islamic style)
.
แหล่งอ้างอิงเพิ่มเติม (ขอขอบคุณข้อมูลจาก)
-บทความ “เมืองเล็กในโปรตุเกส ‘ซิงตรา-กัชไกช์’” จากเว็บ themomentum
-บทความ “ซินตราที่แสนตราตรึง” จากเว็บ thepassport
-บทความ “About Pena Palace Sintra” จากเว็บ penapalacetickets
-หนังสือ Lonely Planet Spotter's Guide to Amazing Architecture
โฆษณา