10 ส.ค. 2023 เวลา 02:59 • ความคิดเห็น
ให้ลองไปเปรียบเทียบดู เรื่องฐานอะไรต่างๆ ในว่ากัน นั้น มีความแตกต่างในฐานของสมาธิฤาษีอย่างไร สมาธิเพื่อการยึดถือ กับสมาธิเพื่อปลดเปลื้องอารมณ์ นั้นมันแตกกันมามาก สมาธิยึดทรัพย์สินเงินทอง ยึดอิทธิฤทธิ์ปฏิหาริย์ เทวทัตก็ทำได้ แต่ตกนรก เพราะเค้าเรียกว่า มันมีเรื่องราว จิตหนึ่งที่คิดจะเป็นใหญ่ในศาสนาขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หวังยิ่งใหญ่ เป็นผู้ยิ่งใหญ่ในโลกา .หวังร่ำรวย หวังจะไปสวรรค์ชั้นนั้น ชั้นนี้ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ..พระพุทธเจ้าคงนำพาจิตทุกดวงเข้าพระนิพพานไปหมดแล้ว ไม่ต้องมาเกิดมาตาย
เรื่องของสมาธิ ..หากไม่ระมัดระวังจิต ..สิ่งที่จะนำพาให้หลงใหลมันมีมากมาย แล้วจิตแต่ละดวง แต่ละบุคคล มันมีเรื่องข้างใน มุ่งหมายไม่เหมือนกัน มีอารมณ์โลกโกรธหลงปรุงแต่งอยู่ ..เมื่อทำผิด..มีก็มีเรื่องราว ..ที่จะอุปโลกน์ ..เป็นมายา ให้หลงใหล มากมายก่ายกอง เค้่าเรียกว่า ลงเหว ..ที่จะยกกายยกจิตให้รู้จักกรรม พ้นเวรกรรมไปไม่ได้เลย
ทำบุญทำทานก็หวังร่ำรวย ลาภยศ .มันสวนทางกับ ต้นกำเนิด .ให้พระพุทธศาสนา ..ต้นศาสนา เค้าหนีเวียงหวัง สละทรัพย์สมบัติออกบวช แต่สมัยนี้ ..สอนให้ยึด จมอยู่ในเวียงวัง วุ่นวายด้วยกรรมที่ตนหลงใหลเอง
เรื่องราวนี้ ต่างคนก็มีสติปัญญา คัดกรองเหตุผล เรื่องราวต่างๆได้ พระท่านสอนให้ละเรื่องราวโลภโกรธหลงให้ลดน้อยถอยลง กับที่สอนให้ยึด อุปโลกน์ เรื่องนั้นเรื่องนี้ เป็นมายาให้คนหลงใหล ..สอนให้ยึดเรื่องราวโลภโกรธหลง ทะเยอทะยาน อยากเป็นอยากนั้นอย่างนี้ .ทำอย่างนี้ได้บุญ เป็นเทวดา มีสร้อยสังวาล มันจริงหรือ
.. คนเรามันมีความหลงอยู่ในตัวตน คือ อารมณ์ของตนเอง ..ปรุงแต่งที่นำพาให้หลงใหล อยากได้ อยากมี อยากเป็น ฟังเลยก็เชื่อเลย ยึดถือเลย เชื่อเลย ..สติปัญญาที่ตัวเอง ทำไมไม่เอาใช้ .เรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านสอนเรื่องราวอะไร ..ทำไมถึงทำตรงกันข้ามกัน
ที่เขียนนี้ ไม่ได้ไปตำหนิติเตียน เรื่ิองของเค้าน่ะ ..แต่เป็นเรื่องที่ควรใช้ สติปัญญา พิจารณา คัดกรอง ว่าต้นตอของพระศาสนา ท่านกระทำมาอย่างไร..ท่านสอนเรื่องราวอะไรบ้าง ..
โฆษณา