10 ส.ค. 2023 เวลา 14:10 • การเมือง

เกิดใหม่ทั้งที...ก็กลายเป็นสลิ่มไปซะแล้ว

ตอนที่ 25 : นะครับลุง (3)
"ลื้อจะเอาเท่าไหร่นะ ?"
ชายร่างอ้วนฉุหัวเกรียนในชุดสีเหลืองเอ่ยถามกลับมาด้วยเสียงที่โคตรจะชวนหงุดหงิด ก่อนสิ่งที่ชายคนนั้นทำจะทำให้ราวัลล่าหงุดหงิดยิ่งกว่าเดิม เพราะแทนที่ชายคนนัันจะดูมีมาดเท่ๆ ร้ายๆ หรืออะไรแบบนัันหน่อย ชายคนนี้กลับทำได้เพียงให้ลูกน้องพาเดินโขยกๆ มาตรงหน้าราวัลล่า พลางยื่นมาหน้าฟังคำตอบของพวกเขา
ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนั่นตั้งแต่ลุกขึ้นจากเตียง จนกระทั่งเดินมายื่นหน้า และถามคำถามเดิมออกมาอีกครั้งใช้เวลาไปเกือบ 1 ชั่วโมงเลยทีเดียว
"ลื้อจะเอาเท่าไหร่นะ"
"อั้วจะ...."
ในขณะที่ราวัลล่ากำลังจะตอบสลิ่มแก่กลับไปด้วยสำเนียงและคำพูดคล้ายๆ กับสลิ่มแก่ สาวกะบังลมก็ส่งสัญญาณมาบอกให้ราวัลล่าหยุดพูดในทันที ก่อนเธอจะเป็นฝ่ายเจรจาต่อด้วยตนเอง
"ดิฉันอยากได้ประมาณ 3,000 ค่ะ"
"3,000 เรอะ ไม่น้อยไปเรอะ ทำไมไม่เอาไปสัก 30,000 ล่ะ ว่าแต่นี่พวหเรากำลังคุยกันเรื่องอะไรนะ ?"
แน่นอนว่านั่นก็ต้องใช้เวลาเกือบ 30 นาที กว่าสลิ่มแก่คนนี้จะกลับมาเข้าใจว่าที่พวกเราราวัลล่ามาวันนี้ต้องการจะคุยเรื่องอะไร
หลังจากนั้นไปๆ มาๆ ราวัลล่าและสาวกะบังลมก็เดินออกมาจากบ่อนการพนันที่โคตรจะใหญ่พร้อมกับยาเม็ด 10,000 เม็ดเป็นค่ามัดจำ ตามมาด้วยสัญญาว่าจ้างในการตามหาคนคนหนึ่ง ที่อาจจะทำให้พวกเขาได้รับยาเม็ดเพิ่มอีก 20,000 เม็ด หรือไม่ก็โดนสับแขนสับขาทิ้งเหมือนคนอื่นๆ ที่กำลังต่อแถวกันอยู่หน้าบ่อน
"เมื่อกี้นายจะทำอะไรกันแน่"
จู่ๆ สาวกะบังลมก็หยุดเดิน พลางเอ่ยถามขึ้นหลังจากที่ทั้งคู่เดินออกมาจากบ่อนมาไกลพอสมควร ราวัลล่าที่กำลังงงอยู่ว่าจากตอนแรกที่พวกเขาต้องการเงินสดแค่ 3,000 มันกลายมาเป็นเงินมัดจำ 10,000 ได้ยังไง ก็ยิ่งงงเข้าไปอีกว่าคำถามที่สาวกะบังลมเอ่ยถามหมายถึงอะไร
"ทำอะไรเหรอ ?"
"ก็เมื่อกี้นายจะไปพูดว่า อั๊ว ลื้อ ใส่สลิ่มแก่นั่นใช่ไหมล่ะ ?"
"ก็ใช่ไง จะได้ดูเหมือนคนบ้านเดียวกัน ไม่ดีเหรอ ?"
"ไม่ดี"
สาวกะบังลมตอบกลับสั้นๆ ก่อนเธอจะอธิบายต่อออกมาว่า
"เอาจริงๆ ฉันก็ไม่รู้ว่ามันดีหรือเปล่านะ แต่ในสลิ่มแลนด์ แดนกะลาถ้านายจะพูดแบบนั้น นายต้องอยู่เหนือกว่าคนที่นายจะพูดด้วย หรือไม่ก็สนิทมากๆ หรือมีฐานะเท่าเทียมกันข้ามเขตกันแล้วตายแน่อะไรประมาณนั้น ถ้านายไปใช้คำพูดแบบนั้นกับคนที่อยู่เหนือนาย นายได้ตายแน่"
"เอาจริงดิ"
"ก็ใช่น่ะสิ คำพวกนี้มันเป็นคำของพวกสลิ่มจาจาที่เหล่าบรรพบุรุษหนีจากการตกเป็น 'จาจา' ซึ่งคล้ายๆ กับสลิ่มของที่นี่ที่ประเทศจาจา แล้วบรรพบุรุษของพวกนี้ก็เข้ามาตั้งรกรากในสลิ่มแลนด์นานมากๆ แล้ว แต่ไม่รู้ทำอีท่าไหน ลูกหลานดันกลายเป็นสลิ่มซะอย่างนั้น"
"บรรพบุรุษสลิ่มพวกนี้คงได้ร้องไห้เป็นสายเลือดแหงๆ"
"ก็ถ้านายทำทุกอย่างให้ลูกหลานตัวเองไม่กลายเป็น 'จาจา' แต่ลูกหลานนายดันกลายมาเป็น 'สลิ่ม' ที่ก็ไม่ได้ต่างจาก 'จาจา' เลย เป็นนายนายจะเสียใจไหมล่ะ ?"
สาวกะบังลมเอ่ยถามกลับมา แต่เมื่อเห็นว่าราวัลล่าไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเธอก็ไม่พยายามคาดคั้นคำตอบจากเขาต่อ และเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่องคุยด้วยการเอ่ยถามกลับมาว่า
"แล้วนายจะเอาไง ไปร้านขายของเก่านั่นก่อนเลยไหม ?"
"ก็คิดอยู่"
ราวัลล่าตอบกลับเพียงสั้นๆ ก่อนเขาจะลงไปนั่งสมาธิข้างๆ สาวกะบังลม แล้วมองไปยังร้านขายของเก่าด้านหน้า ซึ่งเป็นหัวข้อของการพูดคุยในครั้งนี้ ก่อนเขาจะพูดออกมาว่า
"แต่เธอบอกว่าถ้าเราเข้าไปตอนนี้ตาลุงนั่นได้ชาร์จเราหนักกว่าเดิมแน่ไม่ใช่เหรอ ?"
"แน่นอน"
"ใช่ไหมล่ะ ? ฉันก็เลยคิดว่าเราน่าจะทำเป็นไม่สนใจมันก่อน แล้วอีกสิบกว่าวันตอนเราจะออกจากเมือง เราค่อยไปที่นั่นอีกทีน่าจะดีกว่า"
"ก็ถ้านายว่างั้น"
สาวกะบังลมตอบรับ ก่อนเธอจะหยิบกระดาษโน็ตแผ่นเล็กๆ ขึ้นมาอ่าน จากนั้นก็ส่งต่อกระดาษแผ่นนั้นที่ด้านในเขียนไว้ว่า 'ผมสีดำ ตัวคล้ำๆ สูงประมาณ 176 เซนติเมตร และเป็นคนในพื้นที่' มาให้ราวัลล่า
ที่น่าแปลกก็คือแม้กระดาษโน็ตแผ่นนัันจะเล็กนิดเดียว แถมตัวอักษรบนนั้นก็มีไม่เยอะ แต่ราวัลล่ากลับอ่านมันวนไปวนมาอยู่เกือบ 10 นาที
จนในที่สุดเขาก็เลือกถามอีกฝ่ายกลับไปว่า
"เธอว่าเราจะหาคนแบบนี้เจอจริงๆ เหรอ ?"
"ไม่เจอหรอก คนแบบนี้ถึงจะตามหาไปก็ไม่มีทางเจอหรอก"
สาวกะบังลมตอบกลับมาทันทีที่ราวัลล่าพูดจบ ก่อนเธอจะหันมาส่งรอยยิ้มสยองให้เขาอยู่นานพอสมควร แล้วพูดต่อออกมาว่า
"โชคดีที่เราไม่จำเป็นต้องตามหา"
โฆษณา