13 ส.ค. 2023 เวลา 10:13 • ไลฟ์สไตล์

"ปฏิเสธคนขาย ด้วยความเป็นมิตร"

เคยเป็นเหมือนกันไหมครับเวลาเราเดินช็อปปิ้งตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ เซ็นทรัล,เทอร์มินอล,เดอะมอลล์ ฯลฯ รวมไปถึงตลาดนัดทั่วไป จะเจอกับนักขายมือฉมังตามจุดต่างๆ ที่เขาจะแนะนำสินค้าสร้างความกดดันให้เราซื้อ จนเรารู้สึกเข็ดขยาดและพยายามเลี่ยงจะเผชิญหน้ากับพนักงานขาย
มี 108 วิธีอาจจะเป็นวิธีที่ 99 ก็ได้ ที่นักขายสรรหาคำพูดใช้กลยุทธ์ในการโน้มน้าว ให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อตามที่นักขายได้วางแผนเอาไว้ จนทำให้คนธรรมดาอย่างเราๆต้องตัดสินใจซื้อตาม ทั้งๆที่เราไม่ได้ตั้งใจอยากจะได้สินค้านั้นตั้งแต่แรก
ขอบคุณภาพจาก Thai SEMs Centre
เราทุกคนมีสิทธิ์จะซื้อหรือไม่ซื้อก็ได้ อย่าเพิ่งมองนักขายในแง่ร้าย อย่าเพิ่งรู้สึกผิดถ้าไม่ได้ซื้อของ
ผมมีเรื่องเล่าจากประสบการณ์ตัวผมเองครับ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมต้องการที่จะซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ และได้ศึกษาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตแล้วว่า ผมอยากได้มือถือรุ่นนี้ในราคา 11,000 บาท
ขอบคุณภาพจาก S snook
ผมรอเวลาที่จะให้ถึงวันหยุดทำงานเร็วๆ เพื่อจะได้ไปเดินช็อปปิ้งตากแอร์เย็นๆและซื้อโทรศัพท์มือถือเครื่องใหม่ที่ผมได้หมายตาไว้
จินตนาการที่จะได้ใช้โทรศัพท์เครื่องใหม่สเปคการเล่นเกมสุดแรง มันอยู่ในหัวของผมและผมมีความสุขกับจินตนาการนั้น
ครั้นถึงวันหยุดงานผมกุลีกุจอแต่งตัวใส่กางเกงยีนส์ตัวเก่ง รองเท้าผ้าใบและเสื้อเชิ้ตหลวมๆสบายๆ เดินเข้าไปในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง พอไปถึงผมขึ้นบันไดเลื่อนเพื่อชมวิวและตรงไปยังชั้นที่เขาวางขายโทรศัพท์
ขอบคุณภาพจาก WWW.PHACHACHAT.NET
ในชั้นนั้นมีโทรศัพท์มือถือมากมายวางจำหน่ายให้เลือกตระการตาเต็มไปหมด เริ่มตั้งแต่ราคาหลักพันจน ไปถึงหลักหมื่น ผมเดินชมโทรศัพท์มือถือรุ่นต่างๆ แต่ในใจไม่ได้มีความสนใจที่จะซื้อโทรศัพท์พวกนั้นเลยแม้แต่น้อย นอกจากไอ้เจ้าเครื่องโปรดที่ผมได้หมายตาไว้
ผมกวาดสายตามองไปทุกร้านที่วางขายเพื่อหามือถือรุ่นนั้นและแล้วผมก็เจอ
ผมกล่าวทักทายพนักงานขายและกล่าวสวัสดีก่อนที่จะถามว่า "โทรศัพท์เครื่องนี้ราคาเท่าไหร่ครับ?"
พนักงานขายกล่าวต้อนรับและทักทายเป็นอย่างดีก่อนจะตอบว่า "ราคา 11,000 บาทค่ะคุณลูกค้า"
ขอบคุณเจ้าของภาพน่ะครับ
ในขณะที่ผมกำลังตัดสินใจอย่างไม่ลังเลและกำลังจะควักตังค์ออกจากกระเป๋า พนักงานขายคนนั้นได้หยุดชะงักผมไว้ด้วยคำพูดที่ว่า "เดี๋ยวก่อนค่ะคุณลูกค้า ตอนนี้มีโทรศัพท์มือถือรุ่นนี้มาแนะนำ ตอนนี้มีโปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้มค่ะคุณลูกค้า"
ด้วยคำว่า "โปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้ม" ทำให้ความคิดที่จะซื้อมือถือรุ่นที่หมายตาเอาไว้หยุดชะงัก ผมหันกลับไปมองโทรศัพท์มือถือที่พนักงานขายแนะนำ แล้วถามว่า "โปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้มยังไงครับ?"
ทีนี้ล่ะครับพนักงานขายก็ร่ายคาถายาวเหยียดราวกับว่าสายน้ำที่ไม่มีวันหยุดไหล
จับใจความคร่าวๆได้ว่า "โทรศัพท์รุ่นนี้ราคาเต็มอยู่ที่ 20,000 บาทแต่ลดเหลือ 15,000 บาท
ด้วยราคานี้ทำให้ผมยืนคิดอยู่ประมาณ 30 วินาที ราคาเต็มมือถือรุ่นนี้อยู่ที่ 2หมื่นห้า ได้ส่วนลดตั้ง ห้าพัน โอ้พระเจ้า เป็นราคาที่เย้ายวนใจผมมาก
แต่ด้วยเป้าหมายที่ผมจะซื้อมือถือรุ่นนั้นรุ่นที่ได้หมายตาไว้ จึงบอกปฏิเสธพนักงานขายไปว่า "ไม่เป็นไรครับ"
ขอบคุณภาพจาก https://ogczaress.com/
เท่านั้นแหละ มีพนักงานขายจากที่ไหนไม่รู้ ใส่กางเกงสแล็คสีดำและเสื้อโปโลเหน็บในทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เดินเข้ามาหา 3-4 คน ยืนล้อมผม
สายตาที่พนักงานขายเหล่านั้นมองมาเหมือนเสือที่กำลังจะตะครุบเหยื่อกินเป็นอาหารยังไงยังงั้น พวกเขายิ้มและกล่าวทักทาย จากนั้นก็ยกเหตุผลต่างๆนานาเพื่อที่จะทำให้ผมซื้อโทรศัพท์มือถือที่แนะนำให้จงได้
ด้วยประสบการณ์ยังน้อยและเกิดความกดดันขึ้นในใจ จึงตัดสินใจซื้อมือถือในราคา 15,000 บาทพร้อมกับอุปกรณ์เสริมรวมเบ็ดเสร็จ 19,000 บาท
ผมเดินออกมาจากร้านด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก คิดโทษตัวเองว่า "ทำไมเราหัวอ่อนขนาดนี้ ทั้งๆที่จะตั้งใจซื้อมือถือรุ่นนั้นแล้วแท้ๆในราคา 11,000 บาท
กลับต้องเพิ่มเงินอีก 8,000 บาท" เลยได้แต่คิดปลอบใจตัวเองว่า "เอาว่ะไหนๆก็ซื้อมาแล้วมันก็น่าจะดีกว่าเครื่องที่ผมหมายตาไว้"
ช่วงหลายปีที่ผ่านมาผมเจอประสพการณ์ประมาณนี้ค่อนข้างบ่อย และเริ่มมีประสบการณ์ที่จะบอกปฏิเสธพนักงานขายมือฉมัง ด้วยความเป็นมิตร มาลองดูวิธีผมกันนะครับ
ปฏิเสธคนขาย ด้วยความเป็นมิตร
1 บอกปฏิเสธตั้งแต่เนิ่นๆ
หลายคนพูดปฏิเสธไม่เป็น ใจอ่อน พอเขาเสนอโปรโมชั่นดีๆหน่อยก็คล้อยตาม ซื้อตามเขาไปหมด โดยเฉพาะคุณสุภาพสตรี หรือพอจะพูดปฏิเสธก็กลัวจะเสียน้ำใจ
การพูดปฏิเสธนั้นก็ต้องมีเจ็บกันบ้างครับ แต่การบอกปฏิเสธตั้งแต่เนิ่นๆจะทำให้ความเจ็บน้อยลงทั้งสองฝ่าย ถ้าเราปล่อยให้นักขายพูดจนจบ เราก็จะเกิดความเกรงใจ ถ้าเราไม่ได้สนใจสินค้านั้นจริงๆ บอกไปเลยว่า
"ขอโทษนะครับ/ค่ะ ไม่เวลาฟังจริงๆต้องขออนุญาตขอตัวไปก่อนนะ" แบบนี้จะทำให้พนักงานขายหยุดชะงัก เขาจะไม่มีทางพูดต่อเพราะเราได้ขออนุญาตไปแล้ว ถ้าเขาฝืนพูดขายต่อให้เรา คงเป็นการเสียมารยาทอย่างมาก
2 บอกปฏิเสธโดยการบอกตรงๆ
เมื่อสถานการณ์บีบบังคับจนเราไม่สามารถจะถอนตัวได้ทัน พนักงานขายเก่งๆเขาจะมีกลวิธีที่ทำให้เราไปนั่งฟังเขาพูด จนเรารู้สึกอึดอัดอยากจะออกจากตรงนั้นเสียให้ได้ เด็กวัยรุ่นหนุ่มสาวจะเกิดความคล้อยตามและตัดสินใจซื้อในที่สุด ผมมีเทคนิคแนะนำแบบนี้ครับ ให้บอกเลยตามตรงประมาณนี้ว่า
"เท่าที่ฟังมาสินค้าของคุณก็น่าสนใจ และเจ้าหน้าที่ขายก็แนะนำดีมากครับ/ค่ะ"
" แต่บอกตามตรงว่าตอนนี้ ยังไม่มีความจำเป็นที่จะซื้อสินค้าตัวนี้ ต้องขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ มีเบอร์โทรศัพท์ (อะไรที่สามารถติดต่อได้) ไหมครับ
ถ้าเกิดว่ามีความจำเป็นที่ต้องการสินค้าแล้วจะติดต่อกลับไปนะครับ/ค่ะ ตอนนี้ต้องขอตัวไปก่อนขอบคุณมากๆครับ"
3 บอกปฏิเสธโดยการถามข้อมูลที่คนขายไม่สามารถหาสินค้าให้เราได้
วิธีนี้จะใช้ถามเช็คราคาก่อนที่เราจะตัดสินใจซื้อ สมมุติเราอยากรู้ว่า โมเดลการ์ตูนตัวนี้ราคาเท่าไหร่ เราก็เดินเข้าไปทำท่าเหมือนสนใจสินค้าตัวนี้และถามราคา "โมเดลการ์ตูนตัวนี้ราคาเท่าไหร่ครับ" คนขายตอบกลับมา สมมุติราคา 20,000 บาทแล้วกัน
เมื่อเราทราบราคาแล้ว มันสูงเกินไปกำลังเงินเราไม่พอ อย่าไปติว่าแพงหรือบอกว่าเงินไม่พอนะครับเพราะพนักงานขายก็จะมีแพ็คเกจสุดคุ้มอีกเพียบมาเสนอขายให้เรา
ให้เราบอกแบบนี้ครับ "พี่มีโมเดลการ์ตูนตัวอื่นที่นอกเหนือจากตัวนี้ไหมครับ"
แต่ก่อนที่เราจะถามต้องเช็คดูให้แน่ใจก่อนนะครับว่า ไม่มีสินค้าตัวนั้นอยู่ในร้านจริงๆ
ถ้าพนักงานขายบอกว่า "ไม่มีเลยค่ะคุณลูกค้า แต่ว่ามีตัวอื่นที่แนะนำได้" ให้เราบอกประมาณนี้ครับ "อ๋อ ไม่เป็นไรครับพอดีว่าผมชอบตัวนี้มากแต่ถ้าทางร้านไม่มีผมก็คงจะไม่ได้ซื้อขอบคุณนะครับ" แล้วเราก็เดินออกมา
สุดท้ายนี้อยากจะบอกว่าโปรดจงระวังเงินคุณในกระเป๋าสตางค์ให้ดีนะครับ เพราะจะมีนักขายมือฉมังมาเอาเงินของคุณไปโดยอย่างแนบเนียน
"ใช้เท่าที่มี อย่าใช้เกินตัว คิดให้มากๆก่อนจะหยิบเงินออกมาใช้"
สำหรับ วันนี้ วุฒ infinity ขอตัวลาไปก่อน ขอบคุณสำหรับการอ่านนะครับ
โฆษณา