14 ส.ค. 2023 เวลา 00:37 • ปรัชญา

แบบทดสอบ MBTI (Myers’s-Briggs Type Indicator)

MBTI criticism ข้อถกเถียงเกี่ยวกับแบบทดสอบนี้ว่ามีความน่าเชื่อถือมากน้อยเพียงใด
Mbti ย่อมาจาก Myers's Briggs type indicator เป็นแบบทดสอบบุคลิกภาพที่ได้รับความนิยม ซิ่งแบ่งบุคลิกภาพออกเป็นที้งหมด 16 แบบ โดยผู้จัดทำแบบทดสอบคือ Myers’s กับ Briggs โดยการจัดทำแบบทดสอบได้ผ่านการทำวิจัยสถิติ และนำความรู้ทฤษฎีทางจิตวิทยาของ Carl Jung ซึ่งเป็นนักจิตวิทยามาเป็นพื้นฐานในการใช้อธิบายบุคลิกภาพทั้ง 16 แบบ
ซึ่งจะประกอบด้วยตัวอักษร 4 คู่ (binary) มาประกอบเป็นลักษณะของบุคลิกภาพ คือ Extroversion-Introversion , Sensing-Intuition , Thinking-Feeling , Perceiving-Judging ซึ่งผู้อ่านสามารถไปหาอ่านได้ตามเว็บไซต์ต่างๆที่มีอยู่มากมาย เพราะผู้เขียนจะไม่ได้มาอธิบายว่า MBTI ทั้ง 16 แบบ เป็นยังไง แต่ละแบบมีความเฉพาะเจาะจงยังไง แต่ผู้เขียนจะมาอธิบายให้เห็นข้อดี และ ข้อเสีย ของแบบทดสอบนี้ และข้อถกเถียงที่คนนิยมพูดถึงกัน
ซึ่งแบบทดสอบนี้นำมาใช้ทั้งในโรงเรียน สถานที่ทำงาน องค์กร ในการอธิบายบุคลิกภาพของแต่ละคน เพื่อให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และสามารถทำงานร่วมกันได้ ลดปัญหาและความขัดแย้งจากความไม่เข้าใจกันได้
ข้อดีของแบบทดสอบนี้ คือ
1. ทำให้เราเข้าใจตนเองและเข้าใจผู้อื่นมากขึ้น และรู้วิธีที่จะทำงานพูดคุยกับคนที่บุคลิกภาพต่างกันได้ ทำให้บุคลิกภาพของคนที่คิดว่าจะเข้ากันไม่ได้กลายเป็นว่าสามารถเข้ากันได้จากความรู้เรื่องนี้
2. แบบทดสอบนี้ทำให้รู้จุดแข็งและจุดอ่อนของตัวเองและผู้อื่น ทำให้เรารู้ว่าเราเก่งด้านไหน และ เราควรพัฒนาตนเองในด้านไหน เพื่อให้เป็น healthy personality มากกว่าที่จะเป็น unhealthy personality เช่น บางคนอาจใช้หลักการตัดสินใจด้วยตรรกะ (Thinking) ในขณะที่บางคนใช้ความรู้สึก (Feeling) ในการตัดสินใจมากเกินไป ก็อาจจะต้องฝึกใช้ตรรกะบ้างในบางสถานการณ์ที่สำคัญและจำเป็นอย่างเช่นในการทำงาน
3. ทำให้เราเข้าใจพฤติกรรมและแรงจูงใจของผู้อื่น และในมาใช้เป็นเกณฑ์ส่วนหนึ่งในการเลือกเพื่อน คัดคนเข้าองค์กร เลือกสังคมที่จะอยู่ เลือกคู่ครอง หรือ คนที่จะคบหากัน
ผู้เขียนคิดว่าการใช้แบบทดสอบนี้สามารถนำมาใช้เป็นเกณฑ์วัดคร่าวๆจะดีกว่า เพราะถือเป็นการอธิบายแบบภาพรวมทั่วไป (General) มากกว่าการเฉพาะเจาะจงว่าใครเป็นแบบไหน (Specific)
ข้อเสียของแบบทดสอบนี้ (รวมข้อปลีกย่อยเป็นข้อถกเถียงสนับสนุนกัับข้อเสีย)
1. แบบทดสอบอาจไม่ได้มีความน่าเชื่อถือมากนัก ทั้งจำนวนข้อที่ไม่ครอบคลุม การตัดสินว่าคนมีบุคลิกภาพแค่แบบเดียว เช่นคนทดสอบแล้วได้ INFJ ก็คิดว่าตัวเองเป็น INFJ แบบ 100% ทั้งๆที่ตัวเองอาจจะมีบุคลิกภาพแบบอื่นอยู่ด้วยก็ได้ โดยไปทำให้เฉพาะเจาะจงมากเกินไป ทั้งที่คนเราหนึ่งคนมีความซับซ้อนหรือมีหลายมุมที่เรามองไม่เห็น ไม่ได้สุดโต่งอย่างที่คิด
1st criticism
จากคำพูดของ Carl Jung ไมีมีใครเป็น introvert 100% และก็ไม่มีใครเป็น extrovert 100% คนเราอาจจะอยู่ตรงกึ่งกลาง คือ ambivert เสียมากกว่า คือทุกคนมีทั้งมุมเก็บตัวและมุมเปิดเผยของตัวเอง ไม่ได้สุดโต่งขนาดนั้น
2. การใช้ MBTI มาคัดพนักงาน อาจจะไม่ใช่วิธีการที่ถูกนัก เพราะ MBTI เป็นการอธิบายลักษณะของคนมากกว่าที่จะนำมาใช้ทำนายว่าคนนั้นเป็นแบบนี้ บุคลิกแบบนี้น่าจะทำงานเก่งกว่าหรือประสบความสำเร็จมากกว่า ทั้งๆที่เราอาจจะรู้จักเขาเพียงผิวเผิน ไม่ได้รู้ลึกว่าพวกเขาผ่านอะไรมาบ้าง ทำอะไรมาบ้าง จึงไม่ควรใช้มาเป็นตัวชี้วัดพนักงานมากเกินไป
2nd criticism
อย่างที่ Carl Jung บอกว่าคนเรามีหลายมุม มีความซับซ้อน สิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็น คนที่มีบุคลิกภาพแบบเดียวกันอาจมีบุคลิกภาพย่อยๆลงไปอีกที่ทำให้คนเป็นปัจเจก (individual) และไม่มีใครเหมือนใคร 100% เราใช้ MBTI มา describe มากกว่า predict ไม่ควรนำไปใช้ตัดสินหรือตั้งสมมุติฐานกับใคร ไม่ควรไปอิงกับกฎหรือทฤษฎีมากเกินไป ควรเรียนรู้ สังเกต ทำความเข้าใจ เปิดใจ คนต่างๆกัน จะดีกว่า
3. 3rd criticism
MBTI ที่คนเขียนให้เราอ่านตามเว็บไซต์เป็นการเยินยอบุคลิกแต่ละแบบมากเกินไป หรือเขียนเกินดีเกินจริงมากเกินไป ทั้งๆที่ไม่มีใครดีกว่าใครหรือแย่กว่าใคร เราควรจะคำนึงให้อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงว่า No one better , No one worse
1
สรปุ คือ ทุกๆอย่างมีข้อดี ข้อเสียในตัวของมันเอง ไม่ควรจะยึดติดกับสิ่งๆใดมากเกินไป และเชื่อมั่นเกินไปว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ อย่างแบบทดสอบนี้ใช้เป็น General ก็พอ อย่านำไปตัดสินใครเกินความเป็นจริง โลกเรายังมีแบบทดสอบแบบอื่นๆอีกมากมาย ทั้งวัด IQ , EQ , นพลักษณ์ , DISC , ARCHETYPE และอื่นๆ ควรลองทำและประเมินตัวเองหลายๆแบบมาประกอบกัน เพื่อให้เกิดความแม่นยำมากกว่า และสิ่งที่สำคัญควรพยายามตระหนักรู้ ใช้ประสบการณ์ในการทำความเข้าใจตนเองและค้นหาตัวเองจะเป็นสิ่งที่ดีกว่า
แหล่งอ้างอิง :
โฆษณา