16 ส.ค. 2023 เวลา 16:49 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

"The Many Saints of Newark" 2021

ปฐมบทของตระกูลอาชญากรรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งนิวเจอร์ซีย์
เรื่องราวความสัมพันธ์ของอากับหลานที่หล่อหลอมวิถีชีวิต
ก่อนจะมาเป็น โทนี่ โซปราโน มาเฟียผู้ทรงอิทธิพลแห่งยุค
"The Many Saints of Newark"
จากที่เกริ่นหัวข้อหลายคนก็คงจะงงว่ามันเกี่ยวกับอะไร แน่นอนว่าภาพยนตร์เรื่องนี้คือภาคเสริมที่เท้าความปูมหลังของซีรีส์น้ำดีแห่งยุคอย่าง The Sopranos สู่ภาพยนตร์ดราม่าอาชญากรรม กำกับโดย Alan Taylor และเขียนบทโดย David Chase เจ้าเก่าเจ้าเดิมที่ได้สร้างซีรีส์ระดับตำนานอย่าง The Sopranos มาแล้ว
ซึ่งหลังจากเว้นช่วงตอนจบของซีรีส์มาเกือบ 15 ปี ทั้งคู่ก็ได้สานต่อกับโปรเจกต์นี้ ซึ่งแม้ว่าจะขาดทุนยับเยินในด้านของทุนสร้าง แต่ก็ประสบความสำเร็จในการฉายผ่านทางสตรีมมิ่งและได้รับคำวิจารณ์เชิงบวกมากมาย อีกทั้งผู้ที่มารับบท โทนี่ โซปราโน ในวัยหนุ่มก็คือ ไมเคิล แกนโดลฟินี ลูกชายคนโตของ เจมส์ แกนโดลฟินี เจ้าของบทบอสใหญ่แห่งตระกูลโซปราโนผู้ล่วงลับไปเมื่อปี 2013
เรื่องราวเล่าย้อนไปยังช่วงปี 1967 ช่วงที่มีการก่อจราจลจากเหตุการณ์ตำรวจคนขาวทำร้ายแท็กซี่คนผิวสี ทำให้ปัญหาการเหยียดสีผิวในนวร์กทวีความรุนแรงขึ้น ดิ๊กกี้ โมลติซานติ (Alessandro Nivola) ที่มีศักดิ์เป็นอาของ แอนโทนี่ โซปราโนในวัยเด็ก (Michael Gandolfini) จึงได้เข้ามารับช่วงต่อควบคุมกิจการของตระกูลดิมีโอแทนที่ จอนห์นี่ บอย (Jon Bernthal) พ่อของแอนโทนี่ที่ถูกจับกุมข้อหาทำร้ายร่างกาย
ระหว่างนั้น ดิ๊กกี้เองก็เริ่มระหองระแหงกับ แฮร์โรล (Leslie Odom Jr.) ลูกน้องชาวผิวสีที่คิดจะตั้งตนเป็นใหญ่ ทั้งยังเริ่มกระท่อนกระแท่นกับแฟนสาวของตน โดยที่แอนโทนี่เองก็เริ่มโตเป็นหนุ่มและติดดิ๊กกี้แจยิ่งกว่าญาติแท้ๆอย่างลุงจูเนียร์ (Corey Stoll) ทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวเริ่มเกิดรอยร้าว ดิ๊กกี้ต้องคอยแก้ปัญหารอบตัวอีกทั้งยังต้องระวังไม่ให้แอนโทนี่หลานรักหลงเดินทางผิด
ความรู้สึกหลังดูจบทำให้คิดถึงบรรยากาศตอนดูซีรีส์ไม่น้อย ต้องขอชมการคัดเลือกนักแสดงที่ทำได้ดีมากๆ ทั้งคาแรคเตอร์ บทพูด ไดอะล็อก เรียกว่าถอดแบบมาจากซีรีส์กันเป๊ะๆ แม้ว่าเส้นเลือกจะย้อนกลับไปหลายสิบปีแต่จากตัวละครต่างๆที่อยู่ในช่วงวัยหนุ่มยังคงทำให้สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเก่าๆตลบอบอวลไปตลอดทั้งเรื่อง หนังเก็บรายละเอียดเล็กๆที่เคยกล่าวไว้ในฉบับซีรีส์ได้อย่างหมดจด พอเอามาเล่าใหม่ก็ทำให้ผู้ชมเหมือนกับได้พบ Easter Egg ที่ซ่อนอยู่ระหว่างทาง
การดำเนินเรื่องโดยรวมยังคงสไตล์เดิมที่เหมือนกับเล่ากิจวัตรประจำวันที่รายล้อมไปด้วยปัญหาต่างๆขององค์กรและครอบครัว หากใครที่เคยผ่านซีรีส์มาแล้วก็จะสะท้อนการเติบโตของ โทนี่ โซปราโน ให้เห็นผ่านตัวละครลูกชายอย่าง เอเจ ในฉบับซีรีส์ ซึ่งทุกสิ่งที่โทนี่กล่าวติเตียนพร่ำสอนลูก ตัวเขาเองล้วนเคยผ่านมาก่อนแล้วทั้งนั้น
ส่วนบทของ ดิ๊กกี้ โมลติซานติ ที่ในซีรีส์แทบไม่ค่อยกล่าวถึงก็ถูกนำมาเล่าอย่างคมคาย มีมิติ คาแรคเตอร์ของดิ๊กกี้นั้นดูฉลาด สุขุม เยือกเย็น ราวกับโทนี่ตอนเป็นบอสใหญ่ของครอบครัวไม่มีผิด โดยที่ลูกชายแท้ๆอย่าง คริสโตเฟอร์ โมลติซานติ นั้นแทบจะมีนิสัยตรงกันข้ามเลยทีเดียว
สิ่งที่ทำให้เอ็นจอยไปตลอดทั้งเรื่องนอกจากงานภาพแสงสีเสียงที่ยังคงความคลาสสิคแล้ว การแสดงของ Michael Gandolfini ก็คือเสน่ห์อีกอย่างที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ นอกจากจะได้รับบทของพ่อตัวเองแล้ว เขายังถ่ายทอดออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งท่าทางตอนครุ่นคิด ตอนยิ้ม และอากัปกิริยาต่างๆ เรียกว่าเป็นโทนี่วัยเด็กได้อย่างสมบูรณ์แบบ
โดยตอนที่ถ่ายทำนั้นทางผู้กำกับให้ไมเคิลดู The Sopranos แค่คร่าวๆ เพราะกลัวจะเลียนแบบพฤติกรรมของเจมส์ผู้พ่อมากเกินไป ซึ่งบทในหนังนั้นเป็นเพียงเด็กวัยรุ่นเท่านั้น ไม่ใช่บอสใหญ่หัวหน้ามาเฟียแต่อย่างใด ถึงกระนั้นอิทธิพลที่เขาได้รับจากครอบครัวและการพยายามที่จะเป็นบุรุษอย่างดิ๊กกี้นั้นก็ทำให้ผู้ชมปลดล็อกความสงสัยได้ในที่สุด ว่าใครคือต้นแบบของ โทนี่ โซปราโน
และอีกสิ่งที่ชื่นชอบเป็นพิเศษคือการหยิบตัวละครเก่าในครอบครัวโซปราโนมาเล่าให้หายคิดถึง ทั้งลิเวียแม่ขี้บ่น ลุงจูเนียร์จอมเซ่อซ่า, ซิลวิโอวัยหนุ่มที่ยังไม่ได้ใส่วิก, บิ๊กพุซซี่ และ พอลลี่จอมขี้โมโห ทำให้รู้สึกเหมือนได้ระลึกความหลังเหมือนกลับมาเยี่ยมญาติผู้ใหญ่อีกครั้ง นอกจากนั้นยังได้ดารารุ่นใหญ่อย่าง Ray Liotta จาก Goodfellas ที่ตัวละครในซีรีส์มักชอบกล่าวถึงมาวาดฝีไม้ลายมือในบทรับเชิญสุดเก๋าอีกด้วย
แน่นอนว่าหากใครไม่เคยดู The Sopranos ก็คงจะไม่ได้อินไปกับหนังสักเท่าไหร่ คงอารมณ์เหมือนดูหนัง Gangster เกรดบีธรรมดา เพราะเนื้อหาก็แทบไม่ได้มีอะไรซับซ้อน หนังเน้นไปที่ปูมหลังที่มาก่อนจะมาเป็นโซปราโนแฟมิลี่เสียมากกว่า แต่หากใครที่เป็นแฟนซีรีส์เรื่องนี้แล้วละก็ห้ามพลาดเด็ดขาด บอกเลยว่าหนังจะพาคุณย้อนไปยังห้วงอารมณ์เก่าๆของเหล่ามาเฟียแห่งนิวเจอร์ซีย์จนหายคิดถึงกันเลยทีเดียว
ปล. เดวิด เชส ผู้เขียนบทเคยกล่าวไว้ว่าจะทำภาค 2 ต่อจากช่วงโทนี่วัยหนุ่มจนถึงการได้ขึ้นเป็นหัวหน้าแก๊ง แม้ว่าทางสตูดิโอหรือทีมผู้สร้างต่างๆจะไฟเขียว แต่ดูจากผลตอบรับของภาคนี้ที่ขาดทุนยับ คงจะได้แต่ภาวนาให้หนังคลอดภาคต่อออกมาให้แฟนๆได้ติดตามกันต่อไป
โฆษณา