19 ส.ค. 2023 เวลา 08:33 • ประวัติศาสตร์

ที่ต้องรู้ก่อนศึกษาฮวงจุ้ย

โดยสรุปฮวงจุ้ยเป็นวิชาที่ว่าด้วยการหาชี่และตำแหน่งเปิดรับชี่ ชี่นี้ข้าพเจ้าขอเรียกว่าลมหายใจของจักรวาล เพื่อครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยนิยามโดยจีนแสต่างยุคต่างสมัยจากอดีตถึงปัจจุบัน ที่ใดมีชี่สรรพสัตว์บริเวณนั้นจักได้รับพลังจักรวาล ทำให้มีกำลังวังชาสงบระงับ ทั้งร่างกายแลจิตใจ ขวนขวายทำงานร่วมกัน
จุดประสงค์ของฮวงจุ้ย
แต่แรกเริ่มเพื่อจัดหาสถานที่ฝังศพบรรพชนให้กระดูกมากองกันตรงที่มีพลังงานชี่มารวมกัน ส่งผลไปยังกระดูกของลูกหลานที่จะมาบังเกิด ทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองต่อลูกหลานในด้านลาภ ยศ อายุยืน สมัยต่อมาคนออกเงินหรือพี่ชายคนโตเป็นใหญ่เหนือครอบครัว จึงปรับให้เจริญเฉพาะพี่ชายคนโตของครอบครัว ทำให้คนอื่นๆต้องแยกบ้านออกไป ต่อมาก็ปรับให้เจริญเป็นคนๆได้สำหรับทุกคน
ฮวงจุ้ยคนตาย หรือฮวงจุ้ยสำหรับสุสาน จึงค่อยๆเสื่อมความนิยมลง กลับกลายเป็นฮวงจุ้ยสำหรับที่พักอาศัยไป ฮวงจุ้ยสำหรับที่พักอาศัยหากมีคนหลายคนอาศัยอยู่ และมีดวงขัดกันอยู่ด้วยกัน ก็มักจัดให้ดีต่อคนทั้งหมดได้ยาก จึงต้องจัดสุสานคนเป็น จำพวก เจ่าอุ่ง แชกี่ ให้กับบางคนที่มีเงินและความเชื่อ จีนแสจึงต้องปรับวิธีการจัดฮวงจุ้ยตามวัตถุประสงค์ของผู้จ่ายเงิน
จีนแสและตำราฮวงจุ้ย
จีนแสโดยสังเขปมี 3 ประเภทคือ ผู้รักษาตำรา ผู้ใช้ตำรา และผู้เขียนตำรา
ผู้ใช้ตำรามีมากสุด เนื่องจากความจำเป็นทางด้านเศรษฐกิจทำให้จีนแสต้องหาเลี้ยงปากท้อง ทำให้การหมกมุ่นไตร่ตรอง สืบค้น หาเหตุผลทางหลักและวิชาการฮวงจุ้ยเป็นกิจกรรมผลาญเวลา จีนแสส่วนมากจึงเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากความรู้ที่ได้รับมา ประเภทได้มาอย่างไรก็ใช้อย่างนั้น
ทำให้ตำราฮวงจุ้ยในท้องตลาดที่เป็นภาษาไทยกว่า 90% เน้นไปที่การนำไปใช้โดยไม่สนใจที่มาของแต่ละหลักการที่อาจมาจากต่างยุคต่างสมัยต่างความเชื่อ ขอให้เข้าใจและใช้ได้เป็นพอ เราจึงมีจีนแสประเภทนำเสนอวัตถุมงคล กระจกเงา กระจกแปดทิศ กระดิ่ง ยันต์มงคล และอีกสารพัด อย่างเป็นจำนวนมาก เพื่อความอยู่รอดของทั้งจีนแสและผู้รับบริการ
ผู้เขียนตำรา มีมากนับตั้งแต่ราชวงศ์ซ่งเป็นต้นมาที่ระบบการพิมพ์แพร่หลาย มีตั้งแต่การเขียนขึ้นใหม่แล้วอ้างจีนแสชื่อดังในอดีต (ท่านหยางกงถูกอ้างอิงบ่อยสุด) ไปจนถึงเอาของเดิมมาร้อยเรียงกันเข้า บอกที่มา และวิพากษ์วิจารณ์ (อย่างเช่นตำราแก้ไขภูมิศาสตร์​ 地理辨正 ของเจี่ยงต้าหง) ไปจนถึงเอาของเดิมมารวมของที่ตัวเองคิดขึ้นมาแล้วตั้งชื่อใหม่ ทั้งที่บอกและไม่บอกที่มา โดยเฉพาะประเภทไม่บอกที่มามีมากสุด ในตลาดหนังสือฮวงจุ้ยเมืองได้อาจจะราว 99%
ผู้รักษาตำรา มีน้อยมากยังคงพอเห็นในสำนักที่อ้างว่ามีการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น (มักไม่ถ่ายทอดให้ผู้หญิง คนนอกครอบครัว หรือคนต่างแซ่)
เนื่องจากมีช่องให้ถกเถียงถึงความแท้จริงเก่าแก่ของตำราเหล่านี้ จึงยากยืนยันให้แน่ชัดลงไปว่า อะไรคือวิชาฮวงจุ้ยที่แท้จริง ข้าพเจ้าคิดว่าไม่มี เนื่องจากความหมายชี่ก็มิได้มีการนิยามลงรอยกัน แต่เกิดจากองค์ความรู้ที่เพิ่มขึ้นตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทั้งทางด้านภูมิศาสตร์ โหราศาสตร์ ดาราศาสตร์ และจักรวาลวิทยา
จากการนิยามพลังงานชี่ เป็นสสารน้ำที่แปรเปลี่ยนรูป (น้ำแข็ง ไอน้ำ ฝน) ไปเป็นพลังงานแม่เหล็กโลก ตามแนววิทยาศาสตร์สมัยใหม่ ไปจนถึงพลังจักรวาลที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้โดยจีนแสผู้มีจิตสัมผัส ที่ได้อิทธิพลจากลัทธิเต๋า
วิธีการจัดฮวงจุ้ย
ถ้าเป็นสุสานคนตาย ยังคงอิงกับสำนักรูปลักษณ์ ซึ่งสมัยนี้เรียกว่าสำนักซานเหอ (สามประสาน 三合 บ้านเรามักเรียกซาฮะ) ซะมาก จะดูทำเลที่ตั้งของฮวงจุ้ย ภูเขา และทางน้ำเป็นหลัก แต่ดั้งเดิมซานเหอ ถูกนิยามด้วยความสัมพันธ์ระหว่าง ภูเขา​(แหล่งกำเนิดชี่) ทางน้ำ​(แหล่งหยุดและรวมชี่) และจุดฝังศพ (แหล่งรับพลังงานชี่)
ตกมาสมัยราชวงศ์ซ่ง จักรพรรดิองค์แรกรวบอำนาจเข้าศูนย์กลาง จัดสอบจอหงวนเพิ่มตำแหน่งขุนนางบุ๋นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน (จอหงวนใหม่เพิ่มปีละ 200 คน เทียบกับ 20 คนสมัยราชวงศ์ถัง) เพื่อตรวจสอบควบคุมขุนนางฝ่ายบู๊ สามัญชนเลื่อนตำแหน่งขึ้นเกิดเครือข่ายอำนาจใหม่ ความนิยมฮวงจุ้ยมากขึ้น เพราะตำแน่งขุนนางไม่ถ่ายทอดสู่ลูกหลาน ลูกหลานจีนแสบ้างก็ผันตัวไปเป็นขุนนาง
ทำให้นักบวชสำนักเต๋าหันมาเป็นจีนแส นำความเชื่อจักรวาลวิทยาของเต๋ามาใส่ไว้ในฮวงจุ้ย เกิดนิยามพลังงานชี่ที่ชัดเจนขึ้น แต่เป็นนามธรรมธรรม ว่ามาจากดาวเหนือทั้งเจ็ด ส่งผ่านมาจากจักรวาลหรือทางช้างเผือกอีกทีนึง สัมผัสได้เฉพาะผู้ปฏิบัติธรรมตามแนวเต๋า เริ่มเอาเข็มทิศหรือหลัวผานมาหาจุดรับพลังงานชี่ ขยายจากแปดทิศไปเป็น 24 ทิศ ต่อมาก็ ขยายเป็น 60 72 120 64 และ 384 เปลี่ยนแนวคิดจากทิศดีเสียตลอดกาล ไปเป็นทุกทิศล้วนเป็นทิศมงคล ขึ้นกับว่าไปใช้กับอะไร กับใคร ในเวลาไหน​
นิยามซานเหอจึงเพิ่มเติมแปรเปลี่ยนเ​ เป็นความสมคล้องระหว่าง​ฟ้า​ (ฤกษ์เข้าอยู่อาศัย)​ คน​ (ดวงชะตาผู้อยู่อาศัย)​ และดิน​ (ชัยภูมิ​ที่ตั้ง)​
ต่อมาแนวทางสำนักนี้ได้รับความนิยมมากขึ้นเพราะไม่ต้องรอเก็บศพบรรพชนไว้ 3 ปี 5 ปี เพื่อแสวงหามังกรกำหนดจุด สามารถกำหนดพื้นที่ใกล้น้ำเป็นจุดรับพลังงานชี่ได้ (วิชามังกรน้ำ 撼龙经) ขยายขอบเขตจากสุสานบรรพชน ไปเป็นที่อยู่อาศัย
วิชาก็มีพัฒนามากขึ้นจนเป็นแนวทางใหม่ มีทั้งนำดาวเหนือทั้ง 9 ดวง (เห็นได้ด้วยตาเปล่า 7 ดวงและดาวสมมติอีก 2 ดวง คือดาวเก้าและดาวแปด) ตามผังหลอซูที่ฝ่ายเต๋าใช้ในวิชาทำนายทายทัก มาใส่ไว้ในฮวงจุ้ย (บางสำนักเชื่อว่า แต่เดิมผังหลอซู-หลังฟ้าจะใช้การพยากรณ์ก่อนทำการปรับตำแหน่งบ้าน แล้วใช้ผังเหอถู-ก่อนฟ้าที่อ้างอิงกับตำแหน่งภูเขาทางน้ำที่เป็นชัยภูมิจริงมาทำการปรับตำแหน่งบ้าน)
กำหนดทิศส่งพลังงานชี่มีระดับความเข้มอ่อนไม่เท่ากันตามแต่ละยุค แบ่งยุคใหญ่ราว 180 ปี และยุคย่อยออกเป็นสามยุค ยุคละ 60 ปี จึงเรียกแนวทางนี้ว่าซานหยวน (3 ยุค 三元 บ้านเรามักเรียกซำง้วน) วิชาที่ต้องใช้ดวงชะตาของบุคคลล้วนมาจากซานหยวนทั้งสิ้น ภายหลังฮวงจุ้ยพื้นบ้านไม่อยากน้อยหน้าเลยเอาปีเกิดตามกะจื้อมาใช้กำหนดทิศปีชงบ้าง
ฮวงจุ้ยที่อยู่อาศัยมีการพัฒนาการมากขึ้นตามความต้องการและความเชื่อของผู้ใช้ประโยชน์ มีการแบ่งแยกพลังงานชี่ประเภทหยินและหยางออกจากกัน (หยินมาจากภูเขามีลักษณะไหลลง หยางมาจากน้ำมีลักษณะไหลขึ้น ทั้งคู่ถ่ายต่างถ่ายเทให้กันจนเกิดภาวะสมดุล) แม้กระทั่งปัจจุบัน
บางสำนักนิยามพลังงานชี่ว่าคือคน นิยามถนนคือน้ำที่ส่งผ่านพลังงานซี่ อีกไม่นานคงครอบคลุมถึงรถไฟฟ้า และระบบขนส่งสาธารณูปโภคต่างๆ ผิดถูกล้วนแล้วแต่ศรัทธาของจีนแสและผู้รับบริการ ในยุคดอกไม้บานสะพรั่ง ร้อยสำนักประชันความคิด ย่อมมีแต่ของแท้ (正 ตัวนี้ถ้ามีมากในท้องตลาดแปลว่าธรรมดา!)
徐华发
19 สิงหาคม 2566
โฆษณา