21 ส.ค. 2023 เวลา 08:03 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์

100 สิ่งที่อยากทำก่อนกลายเป็นซอมบี้

ผมเพิ่งดูอนิเมะเรื่องใหม่ที่ชื่อ Zom 100 นี้ใน netflix ไปได้สามตอน เป็นเรื่องราวของหนุ่มน้อยที่เพิ่งเริ่มทำงานในญี่ปุ่นที่ต้องเจอกับสภาพที่ทำงานอันโหดร้าย ทำจนดึกๆดื่นๆ เช้าก็ต้องมาใหม่ ป่วยก็ห้ามลาห้ามขาด ทำงานจนโงหัวไม่ขึ้น จากหนุ่มน้อยไฟแรงกลายเป็นพนักงานไร้ความฝัน แค่เอาตัวรอดไปวันๆ ไม่รู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร
1
จนวันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนแทบทั้งเมืองกลายเป็นซอมบี้ ทุกคนต้องหนีเอาชีวิตรอด หนุ่มน้อยคนนี้ตื่นมาเจอโลกใหม่ที่ไม่ต้องไปทำงานในสภาพโรงงานนรกอีกต่อไปเป็นครั้งแรกในรอบสามปี ได้เจออิสรภาพที่แท้จริงแต่ก็ไม่รู้ว่าวันไหนจะโดนซอมบี้กัดแล้วกลายเป็นซอมบี้ไปอีกคน
หนุ่มน้อยคนนี้ก็เลยทำ bucket list เขียนสิ่งที่อยากทำก่อนกลายเป็นซอมบี้ เขาเขียนเป็นร้อยอย่างที่สมัยทำงานไม่มีโอกาสทำแม้แต่จะคิดก็ไม่กล้าคิด เป็นเรื่องเล็กๆน้อยๆ อย่างไปกินอาหารแพงๆ คืนดีกับเพื่อนเก่า เดทแอร์โฮสเตส ได้ขับบิ๊กไบค์ เป็นความฝันส่วนตัวมากๆ แต่ทำให้เขามีความหวัง มีเหตุผลที่จะดำรงชีวิตอยู่ แถมอยู่อย่างสนุกอีกด้วยโดยการพยายามเก็บ list ที่ละอย่างแม้จะเป็นการอยู่แบบวันต่อวันก็ตาม
ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตน ผมก็เลยมาคิดว่า การที่เราเขียน bucket list ในสิ่งที่เราอยากทำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ บ้าๆบอๆแค่ไหน เป็นความชอบเป็นความฝันส่วนตัวของตัวเองนั้น มันทำให้ชีวิตมีความหมาย มีความสนุกขึ้นมากจากการทำอะไรซ้ำๆ น่าเบื่ออยู่ไปวันๆ ใช้ชีวิตเหมือนเดิม
นอกจากนั้นการมีลิสต์ของตัวเองที่เขียนไว้ชัดๆก็ยังทำให้เราดูจะมีเป้าหมายไว้พุ่งจน เป็นเป้าหมายที่อยากทำ ยิ่งเขียนลงไป ใครถามเราก็ยิ่งพูดก็เหมือนสะกดจิตตัวเองให้มุ่งไปในทางนั้นอีกด้วย ทำให้ไม่ช้าไม่นาน ความฝันหรือสิ่งอยากทำใน bucketlist บางอย่างก็อาจจะเป็นจริงได้ ความรู้สึกตอนที่ได้ขีดฆ่า bucket list นั้นออกก็เป็นความรู้สึกที่ดีมากๆ เหมือนกับเรามีความคืบหน้ากับการทำตามที่เราอยากทำได้บ้าง ไม่ใช่ทำตามที่คนอื่นอยากให้เราทำแต่อย่างเดียว
ผมเองไม่ได้มีความฝันอะไรมากมายเท่าไหร่ เลยลองเขียนออกมาก็ได้แค่สี่ห้าข้อ เป็นความฝันบ้าๆบอๆและเป็นส่วนตัวมากๆ ที่อยากจะชวนก็คือให้ลองเขียน bucket list ของตัวเองกันแล้วไม่ต้อง judge ใคร อ่านของผมก็อ่านเพลินๆเป็นตัวอย่างว่าแต่ละคนมีความชอบจากภูมิหลัง จากความสนใจไม่เหมือนกัน
ผมเขียนมาได้สองอาทิตย์แล้ว พอเขียนออกมาจริงๆก็ดูจะหมกมุ่นและสนุกไปกับ list ว่าเราจะทำให้ความฝันเราคืบหน้าไปได้อย่างไรบ้าง นึกทีไรก็ครึ้มอกครึ้มใจทุกที
อย่างแรกใน list ของผม เป็นอย่างแรกที่กำลังจะขีดฆ่าออกได้ในไม่ช้า ก็คือการมีร้านชาบูแบบที่เราชอบกินเป็นของตัวเอง ผมชอบไปกินชาบูร้านนึงที่โตเกียวเวลาไปญี่ปุ่นชื่อร้าน shabusen เป็นชาบูที่เรียบง่าย เนื้อบางๆใหญ่เท่าหน้า จิ้มกับน้ำจิ้มงาหรือพอนสุ ไม่ต้องมีน้ำดำ ไม่ต้องมีหมาล่า ไม่ต้องมีอะไรที่ไม่จำเป็นทั้งสิ้น
อยากจะกินแบบนี้ทุกอาทิตย์เลย หากินในไทยก็ไม่มี พูดเรื่องความฝันนี้ซ้ำๆจนรอบข้างเบื่อ แต่ในที่สุดก็มีรุ่นน้องสองคนทนไม่ไหวยอมมาช่วยกันเริ่มจนกลายเป็นร้าน shabu nashi ร้านเล็กๆที่เพิ่งเป็นมาได้ไม่ถึงเดือน เป็น list แรกที่จะถูกขีดออกนี่มันเป็นความรู้สึกที่ดีและอยากทำ list ต่อไปมากๆ
1
List ที่สองน่าจะใช้เวลาอีกนานมาก ผมเพิ่งกลับมาเล่นกีฬากอล์ฟหลังจากหยุดไปเกือบยี่สิบปี ตัวเองก็ตีไม่ได้ดีอะไร ไม่เคยเรียนจริงจัง มี handicap ก็คงประมาณ 18 แต่อยากที่จะตีให้ดีเหมือนกับคนที่เราเคยไปออกรอบด้วยหลายคน ก็เลยอยากจะมี single handicap กับเขาบ้างก็คงจะเล่นได้สนุกไม่น้อย
ผมก็เลยออกรอบบ่อยมาก ไปหาครูสอนจริงจัง มีความพยายามโดยที่ไม่รู้สึกเบื่อเลย พอทุ่มเทมากๆก็เริ่มมีก๊วน มีสังคมคนเล่นกอล์ฟ ได้เจอเพื่อนใหม่ๆมากขึ้น ได้คุยกับคนที่ไม่ได้คุยกันยาวๆหลายคน ฝีมือก็เริ่มดีขึ้นทีละนิดแม้หนทางจะอีกยาวไกลก็ตาม
List ที่สามนั้นยากกว่าสอง list แรกมาก ก็คือการชนะ premier fantasy league ของไทย premier fantasy เป็นเกมส์ที่เล่นกันทั่วโลก ฤดูกาลหนึ่งมีคนเล่นกว่าสิบล้านคน โดยเป็นการเลือกตัวนักเตะพรีเมียร์ลีกตามงบประมาณที่มีให้แล้วได้คะแนนจากผลการแข่งขันจริงของนักเตะแต่ละคน ในไทยก็น่าจะมีคนเล่นหลายแสน เราต้องจัดตัวทุกๆอาทิตย์ก่อนการแข่งจริง ผมเล่นมาสิบปีแล้วก็ดีบ้างไม่ดีบ้าง
แต่ก็ทำให้ดูฟุตบอลสนุกขึ้นมากๆ เคยใกล้ที่สุดคืออันดับประมาณ 19-20 ของไทยอยู่สองสัปดาห์ แต่นอกนั้นก็ห่างไกลมาก เกมส์นี้ต้องอาศัยดวงบ้าง การวิเคราะห์และสถิติ รวมถึงฝีมือก็มีส่วนไม่น้อย แต่ระหว่างทางก็มี minileague ที่เล่นกับเพื่อนฝูง ก็อาจจะมีโอกาสชนะเพื่อนได้เช่นกัน แค่นี้ก็ทำให้เสาร์อาทิตย์ค่ำมีอะไรทำไปยาวๆ ละครับ
List ที่สี่ของผมก็คือ อยากนั่ง fist class ของสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์จากสิงคโปร์ไปนิวยอร์คที่ว่ากันว่าสะดวกสบายหรูหราที่สุดในโลก แน่นอนว่ามีสตางค์ก็คงไปนั่งได้ แต่วาระโอกาสและเหตุผลในการใช้สตางค์แบบนั้นก็คงไม่มีง่ายๆ ภรรยาก็คงไม่บ้าจี้ตาม แต่วันหนึ่งอาจจะสะสมไมล์ได้มากพอ หรือ ถูกรางวัลอะไรกะเขาก็เป็นไปได้ ช่วงนี้ว่างๆก็นั่งดูยูทูบเบอร์รีวิวไปพลางๆก่อน
List สุดท้ายของผมก็คือการที่มี BMI เข้าเกณฑ์ปกติคือประมาณ 24-25 ซึ่งก็หมายความว่าผมควรจะน้ำหนักน้อยกว่านี้อีกประมาณ 5-7 กิโล จะว่ายากก็ยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็คงต้องรวบรวมพลังและวินัยเป็นอย่างมากในการกินและออกกำลัง list นี้ก็คืออยากหล่อตอนแก่ ใส่เสื้ออะไรก็ไม่มีพุง ดูดีกับเขาบ้างเพราะผมไม่เคยมี BMI ปกติมาสามสิบปีแล้ว
หลายคนอาจเขียน bucket list ได้มากกว่าผมมากซึ่งน่าจะเป็นเรื่องดีเพราะจะได้มีอะไรให้ฝันให้พยายามและให้พิชิตมัน อาจจะเป็น list ที่ตลกๆ ดูไร้สาระกับคนอื่นแต่กับเรานั้นทำให้หัวใจสูบฉีด อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากพยายามและระหว่างทางที่พยายามนั้นก็มีความสุขไปด้วยเพราะเป็นสิ่งที่เราอยากทำจริงๆ วันนี้ก็เลยมาชวนให้ลองเขียนกันดู ของผมเองก็ดูตลกในสายตาหลายคน แต่ผมก็เชื่อว่าทุกคนก็มีลิสต์ที่ไร้สาระกับคนอื่นแต่มีความหมายกับตัวเองอยู่ไม่น้อยเช่นกัน
1
ไม่ judge กันนะครับ ลิสต์ใครลิสต์มันครับ…
โฆษณา