29 ส.ค. 2023 เวลา 12:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

มนุษย์จะตกงานเพราะ AI จริงหรือไม่?

ปัญญาประดิษฐ์ หรือ Artificial Intelligence ที่เรียกสั้นๆ ว่า AI เป็นนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงชีวิตและธุรกิจมากมายในไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ และการใช้ AI ก็น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคตด้วยเพราะบริษัทในหลายประเทศกำลังศึกษาเกี่ยวกับ AI เพิ่มเติมและเตรียมตัวที่จะลงทุนในเทคโนโลยีนี้กันมากขึ้น (แผนภูมิ 1)
การใช้ AI ที่เพิ่มขึ้นเร็วมาก ก็ทำให้เกิดข้อถกเถียงว่าในอนาคต AI จะมาแย่งงานมนุษย์หรือไม่ คำตอบก็มีทั้งใช่และไม่ใช่ เพราะ AI มีแนวโน้มจะเขย่าตลาดแรงงานทั่วโลกสูง แต่ก็ยังมีเหตุผลที่มันจะไม่แย่งงานมนุษย์ไปเสียทั้งหมด และการเติบโตของ AI ก็อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
เหตุผลแรก คือแม้ AI จะทดแทนมนุษย์ได้ในหลายสายงาน แต่ก็ยังมีงานบางชนิดที่ AI ทำแทนไม่ได้ จากรายงานของ Goldman Sachs จะมีงานราวๆ 300 ล้านตำแหน่งที่ถูกทดแทนโดย AI
ซึ่งงานส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานที่ AI สามารถเรียนรู้และทำตามซ้ำได้ง่าย เช่น การขนส่ง การรักษาความปลอดภัย การต้อนรับ การตอบคำถามและสื่อสารกับลูกค้า หรือการแปลภาษา
นอกจากนี้งานจำพวกที่ต้องใช้ข้อมูลเยอะและจำเป็นต้องมีความผิดพลาดน้อยก็อาจถูกทดแทนโดย AI ด้วยเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น การทำบัญชี การตรวจงานเขียน หรือ การเป็นผู้ช่วยแพทย์ผ่าตัด (แผนภูมิ 2)
อย่างไรก็ตาม นักวิชาการหลายคนเห็นตรงกันว่า AI ยังมีข้อจำกัดในหลายด้าน เช่น การให้เหตุผล ความคิดสร้างสรรค์ (ที่ไม่ใช่การเลียนแบบงานที่มีอยู่มาทำใหม่) การเข้าใจและสื่อสารอารมณ์ความรู้สึก ซึ่งก็แปลว่า งานที่ใช้ลักษณะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น CEO อาจารย์ ทนายความ จิตแพทย์ ศิลปิน หรือ นักออกแบบ ก็น่าจะยังต้องใช้มนุษย์ทำอยู่ และน่าจะยังต้องเป็นงานของมนุษย์ไปอีกสักพักใหญ่ๆ ด้วย
1
เหตุผลที่สองคือ AI มีแนวโน้มจะสร้างงานใหม่ๆ ให้มนุษย์แม้มันจะแย่งงานเก่าไปบ้างก็ตาม เพราะการใช้ AI มีโอกาสทำให้เกิดสินค้าและบริการใหม่ๆ สูง ซึ่งสิ่งใหม่เหล่านี้ก็จะสร้างหน้าที่ใหม่ๆ ด้วย
หนึ่งในงานใหม่ที่มาจาก AI ที่เราเห็นได้ในปัจจุบันก็คือการรวบรวมข้อมูล นี่เป็นเพราะ AI จำเป็นต้องมีฐานข้อมูลที่ใหญ่และละเอียดในการเรียนรู้และพัฒนาความสามารถของมัน
ดังนั้นบริษัทมากมายจึงมองหานักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (data scientists) กันมากขึ้น
งานอื่นๆ ที่ AI น่าจะสร้างให้กับมนุษย์ก็มี ผู้อบรม AI (AI trainers) ผู้ตรวจสอบ AI (AI auditors) หรือ ผู้จัดการด้านเครื่องยนต์ (machine managers) พูดง่ายๆ คือ AI น่าจะมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทักษะการทำงานที่บริษัทต้องการ มากกว่ามาลดความจำเป็นของบริษัทที่ต้องจ้างแรงงานมนุษย์
เหตุผลที่สามคือ AI น่าจะมาเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานมากกว่ามาเป็นคู่แข่งมนุษย์
เช่น AI อาจช่วยประเมินฐานข้อมูลเศรษฐกิจจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และช่วยคาดการณ์ตัวเลขในอนาคตโดยอ้างอิงจากสถิติในอดีต แต่ตัวเลขคาดการณ์จะน่าเชื่อถือและมีความหมายยิ่งกว่า
หากนักเศรษฐศาสตร์ที่มีประสบการณ์ได้ใช้ตัวเลขจาก AI มาดูควบคู่ไปกับข้อมูลข่าวสารในปัจจุบันและใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมาในการคาดการณ์เศรษฐกิจ นี่แปลว่าคนที่จะประสบความสำเร็จในยุค AI ก็คือเหล่าคนที่พร้อมจะเรียนรู้และใช้ประโยชน์จากมัน
1
เหตุผลสุดท้ายคือจำนวนงานที่คาดว่าจะถูก AI แย่งไปนั้น เปลี่ยนไปในแต่ละปี อย่างรายงานในปี 2014 ก็คาดการณ์ไว้ว่า 50% ของงานทั้งหมดที่มีอยู่บนโลก (ประมาณ1600 ล้านตำแหน่ง) จะถูกทดแทนโดย AI ภายในปี 2034
ซึ่งตัวเลขนี้ก็ลดลงเหลือ 400 ล้านตำแหน่งภายในปี 2023 ตามรายงานของ McKinsey ในปี 2019
และล่าสุด Goldman Sachs ก็มองว่างานราวๆ 300 ล้านตำแหน่งจะถูกทดแทนโดย AI ซึ่งนี่แปลว่าตัวเลขงานที่สูญเสียไปให้กับ AI นั้น อาจน้อยกว่าที่คนส่วนใหญ่คิดก็ได้
โดยสรุปแล้ว นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไม AI ไม่น่าจะแย่งงานของมนุษย์ไปเสียหมด ซึ่งแน่นอนว่าในการเปลี่ยนแปลง ก็ต้องมีคนบางกลุ่มที่ได้เปรียบกว่าคนอีกกลุ่ม แต่อย่างไรก็ตาม AI ก็ยังเป็นเทคโนโลยีที่มีแนวโน้มสร้างผลดีมากกว่าผลเสีย และสิ่งที่จะกำหนดว่า AI จะแย่งงานเราไปหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่ความพร้อมของเราในการเรียนรู้การใช้ AI และการเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ ที่ตลาดต้องการด้วย
โฆษณา