Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
10 ก.ย. 2023 เวลา 17:41 • ปรัชญา
..ความสุขที่แท้จริง อยู่ตรงไหน ..
กิริยาของการบุญเป็นอย่างไร วาจาที่เป็นบุญเป็นอย่างไร ก็เอาหูตาจมูกลิ้นกายใจ มาสร้างเป็นบุญเกิดขึ้น มีขันธ์ทั้งห้า ธาตุทั้งสี่ ก็เป็นธาตุของเราบุญเกิดขึ้น เพราะการทำให้รู้จัก การสร้างบุญ คือ กายบุญ ทุกสิ่งทุกอย่างของร่างกายก็นิ่งไปหมด กายเราก็ไม่มีทุกข์อะไร จิตของเราอยู่ในเรือนกายที่มีสุข
นานๆที เราจะสร้างเรื่องราว จิตที่มีความสุข ที่นี่เรื่องราวทางโลก เราบอกว่า มีความสุข ได้โน้นได้นี่ ได้สรรเสริญเยินยอ แก้วแหวนเงินทอง ว่ามีความสุข แต่นั่นเป็นมายา เป็นอารมณ์ ที่หลอกหลอนให้จิตเราไปหลงใหล ไปยึด ..ท้ายที่สุดแล้วก็มาทำลายจิตของตัวเอง เพราะจิตไม่ได้มีการสร้างสติ..
..มาศึกษาเรื่องราวต่างๆที่เราว่า สุขที่แท้จริง..เกิดจากตรงไหน ..เกิดจากกายนิ่ง จิตเฉย..นั่นคือ สุขที่แท้จริงของจิต จิตจะต้องศึกษา เอากายวาจาใจของเรามาศึกษาเกิดขึ้น ว่าทุกวันเราอยู่ไปวันหนึ่ง คืนหนึ่ง กินกับนอน มันมีความสุขอยู่ตรงไหนบ้าง จะหาความสุขไม่เจอ มีแต่ความวุ่นวายเกิดขึ้น จะหากินหาอยู่ยังไง มากมายก่ายกอง มันก็ละลายไป โดยที่มีอารมณ์เป็นตัวตั้ง คือ โลภโกรธหลง ความทุกข์ของจิตก็เกิดขึ้น บรรทุกความทุกข์ที่เกิดขึ้น ที่อารมณ์หนุนนำให้จิต ไปสร้างในสิ่งที่ไปยึดไปถือเกิดขึ้น
แล้วสิ่งที่ทั้งหลายที่เราไปยึดไปถือ มันก็เป็นพิษเกิดขึ้น พิษทำให้เราหลงใหลในสิ่งเหล่านั้น นึกว่า สิ่งนั้นเป็นของจริงสิ่งที่วิเศษ สำหรับจิตของเรา แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งนั้น คือ เป็นพิษ พิษที่ทำให้เราต้องเกิด ต้องตาย มาเรื่อย มาถึงปัจจุบัน
เมื่อเราได้มาสร้างสติ แล้วมาศึกษาขึ้น รับรู้ว่า ถ้าเราไม่ใช้ ไืม่ไปใช้เรื่องราวต่างๆ เราก็ไม่ต้องเกิดมาใช้ แล้วก็ไม่ต้องกลับมาใช้ ปัญญาปัจจัตตัง อาจจะรับรู้ได้ว่า เราเกิดมาแต่เด็ก เราเคย..กินกับนอน แต่เดี๋ยวนี้ ก็กินกับนอนไม่ไปไหน แล้วมีสร้างเรื่องราวของการวุ่นวาย ให้กับกายและจิตของ ไม่เคยหยุดนิ่ง แล้วมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เมื่อสิ่งที่มันเปลี่ยนแปลงนี้ ตอนนี้ มันยังอยู่ในเรื่องกายนี้อยู่ ยังเปลี่ยนแปลงอยู่ …ถ้ามันเปลี่ยนจากกายนี้ ไปเป็นอย่างอื่นจะทำอย่างไร เราก็ต้องพิจารณาว่า ..มีการที่เราจะไปอยู่ในสถานที่ที่มีความสุข เราจะปั้นกายได้มั้ย
..เมื่อเกิดได้ เราไม่รู้จักกายปั้นกาย..ที่เป็นกายบุญ กายบารมี เลยต้องทุกข์ระกำลำบากมาก ทุกชาติทุกภพ มาชาตินี้ ได้รับรู้เรื่องราว..กาวว่า..จิตเราจะไปอยู่ที่ใด เราสามารถเลือกไปอยู่ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้เรียน ไม่ได้เอามะโน..มาศึกษาเกิดขึ้น จิตใจไม่ได้ศึกษาเรื่องราวต่างๆ มันก็เลยปนเปกันไปดีบ้างไม่ดีบ้าง ปนกันอยู่อย่างนี้
เกิดมา เดี๋ยวในสังขารที่ดี เดี๋ยว..เกิดมาใหม่ สังขารไม่ดี บางทีเกิดมาแล้ว เกิดมาแล้วต้องใช้กายไป เรื่องราวต่างๆมากมาย บางทีก็วิกลจริตบ้าง หลงใหลเรื่องราวต่างๆ ทำให้เราวุ่นเรื่องราวต่างๆนี้ จึงไม่รู้ว่า ..เกิดมาต้องการอะไรกันแน่ ก็เลยมีแต่การสร้างกรรม ..จิตของเราอยู่ในเรือนกายที่เป็นกรรม ก็มีกรรมอยู่ตลอดเวลา
ขณะนี้ เราได้สร้างกายให้เป็น กายบุญ ..จิตเราก็อยู่ในกายบุญ เราเคยถามมั้ย ว่าตัวเองอยู่ในกายบุญแล้ว มีความสุข ไม่มีภาระอะไรเลย นิ่งเฉย..ไม่มีสามี ไม่มีภรรยา บุตรธิดา พ่อแม่ไม่มีเฉย..ไม่มีภาระอะไร แก้วแหวนเงินทองต่างๆก็ไม่มี การกินการอยู่ ก็ไม่มี ก็ไม่ไปนึกถึงอะไรมันทั้งนั้น
อ้อ.ถ้าเรามันหยุดได้ ไอ้..สิ่งนี้ เราหยุดไม่ได้ เพราะเราไปหามา เลยหยุดไม่ได้ ไปหาทุกข์ใส่ตัว มันก็เลยหยุดไม่ได้ ก็เลยต้องมาใช้หนี้สินกัน เหมือนกับเราไป ยืมเค้ามา บางที่เราไปพูดเรื่องโน้นเรื่องนี้ อะไรต่างๆ มันก็ไปสร้างการหยิบยืมในสิ่งที่อารมณ์ของเค้า หรือ ไปสร้างเรื่องราวต่างๆเกิดขึ้น
การสร้างขึ้นมาในทาง..เรื่องราวของโลก นั่นแหละ เป็นการหยิบยืม..จิตไปหยิบยืมมา เพื่อให้มีกิริยาต่างๆเกิดขึ้น
..เมื่อยืมแล้ว ก็ต้องเกิดมาใช้ ต้องใช้หนี้เค้าอีกตลอดเวลา
คราวนี้ เมื่อเราใช้หนี้ วิธีใช้หนี้ต่างๆ เราก็มาปลดปล่อยเรื่องราวอารมณ์ต่างๆของเรา ให้ออกจากจิตของเรา แล้วยังมา สละวัตถุต่างๆออกไปอีก
เพราะมันมีเรื่องราวต่างๆมากมายก่ายกอง จะบอกว่าฉันสละมาเยอะแล้วน่ะ ทำบุญมาเยอะแล้วนะ.เพียบแล้ว
ทำบุญแต่ละครั้ง บางที่มันก็ไม่ได้ไป..ไม่ได้ไปสลัดออก เหมือนกับการไปฝากไว้ ถ้าเรามาคืนน่ะ ก็เลย ไม่ต้องไปไหน ก็เลยอยู่กับที่ เพราะฉะนั้น การมาศึกษา เรื่องราวของบุญ เรื่องราวของบารมี เพื่อปลอดเปลื้องเรื่องราวของอารมณ์ตัวกระทำ เราต้องศึกษาด้วยความจิตใจที่..มีความซื่อสัตย์ต่องตัวเอง ซื่อสัตย์ต่อเวลา ที่การกระทำ
..มั่นในสัจจะที่จะเกิดขึ้น มาศึกษาเพื่อให้เรียนรู้เรื่องราวของการเกิดแก่เจ็บตายนั้นเอง เรามัว..นั่งเกิดแล้วต้องตาย แล้วระหว่างเกิดตาย มันมีทุกข์สุขอย่างไร ถ้าเรายังจับใจความไม่ได้ เราก็ต้องเกิดตายๆอย่างนี้
เพราะฉะนั้นรอย ทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เค้าให้ปลดเปลื้องเรื่องราวอารมณ์ เค้ามีกำหนดขึ้นว่า ต้องกายฤาษีมาน่ะ กายนิ่งนะ จิตจะได้นิ่งไปตามกายนั้น เมื่อนิ่งแล้ว ..ไม่ได้ไปคิดเรื่องอื่นต่างๆก็เอาเรื่องต่างๆ ที่เราไปทำมา นำมาพิจารณา เค้าเรียกว่า จิตแกว่งไกว ในเรื่องเหตุผล ที่เกิดขึ้น ที่เราไปเอามา นั่นเองเมื่อเรารู้แล้ว ปล่อยวาง ก็จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีกต่อไป
นี่แหละ สิ่งทั้งหลาย ที่เรามาทำบุญ ยอมเสียเวลา ถ้าเราไม่มา เราก็จมอยู่ตรงนั้น มันก็เกิดแก่เจ็บตายอยู่ตรงนั้น ถ้าเราเดินทางมา มาสร้างบุญ สร้างบารมีเกิดขึ้น จิตของเราก็มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เปลี่ยนแปลงในทางที่ดี
..อย่างน้อยๆ เดินทางก็ต้องใช้ขันติ ขันติก็มาใช้ในเรื่องการประพฤติปฏิบัติได้ โอ้ว..เราเดืนทางมาหลายชั่วโมง กว่าจะถึงสถานที่ ที่เราจะมาปลดเปลื้องเรื่องราวของกรรม ถ้านั่งมา ยืนมา อะไรต่างๆ เดินมา ก็ความเบื่อหน่ายเกิดขึ้น เราก็มาปลดปล่อยเรื่องราวต่างๆ โดยมีการเดินจงกรม นัางทำสมาธิ มีการพูดเสียงสูง สวดมนต์ภาวนาเกิดขึ้น
เอากลับ..สิ่งทั้งหลาย ที่อยากกินไอ้โน้นอยากกินไอ้นี่ อยากไปโน้น ไปนี่ ที่มันเป็นทุกข์ทั้งนั้น มาแก้ไข ในนิ่นที่เราพูดนั้นออกไป
เช่น นำเรือนกายของคุณบิดามารดา มาประพฤติปฏิบัติธรรม สร้างบุญกุศล จิตเราก็มีความสุข ความสบายใจว่า เออ..พ่อแม่ของเรามาทำบุญน่ะ ต่อไปมากเข้า ก็จะรู้จักว่า การที่พ่อแม่เลี้ยงดูเรามา เราจะได้สร้างความกตัญญูรู้คุณเพิ่มขึ้น นี่จิต..ของธรรม จิตของผู้มีบุญ เค้าจะเสาะแสวงหาเรื่องราวต่างๆ ไม่ยึดติดวัตถุ ไม่ยึดติดเวลาเรื่องราวต่างๆ กลับ ..ไปยึดสัจจะที่ไปให้ไว้ กับธรรม เพื่อปลดเปลื้องเรื่องราวของอารมณ์กรรมตัวกระทำ
ขอให้จดจำ ในสิ่งเหล่านี้ไว้ให้มากๆ แล้วก็ทำให้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยความจริงใจในการกระทำ
..สีสันธะ กัตตะวาโร โหตุ .เจริญสุขจ๊ะ..
..สาธุ สาธุ สาธุ..
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย