14 ก.ย. 2023 เวลา 00:18 • ไลฟ์สไตล์

ธรรมแท้

วันนี้ขอแบ่งปันเรื่องเล่าดีๆจากน้องหมออีกท่านที่ได้มีโอกาสไปทำบุญและฟังธรรมนะคะ...
น้องเอามาเขียนเล่าให้ได้รู้แล้วเราก็พลอยยินดีในธรรมนั้นไปด้วย...
กระแสธรรมที่น้องแบ่งปันมางดงาม ธรรมแท้ หาฟังสดๆได้ยากในยุคนี้ จึงขออนุญาตน้องว่า
พี่ขอแบ่งปันธรรมนี้ให้คนอื่นร่วมรับรู้ และมีโอกาสอนุโมทนาบุญด้วยได้ไหม ซึ่งน้องก็ยินดีค่ะ เปิดแชร์เป็นสาธารณะให้ จึงได้นำมาถ่ายทอดต่ออย่างมิได้ดัดแปลงแก้ไขต้นฉนับใดๆเลย
หวังเพื่อให้ท่านผู้อ่านทุกท่านได้มีโอกาสบรรเทิงในธรรมร่วมกันนะคะ....
ขออนุญาตแบ่งปันบุญนี้ร่วมกันค่ะ....
สาธุกับน้องผู้เริ่มเดินทาวแสวงหาเส้นทางอันเป็นที่พึ่งให้จิตใจตน...
เจ้ไปกับหนูไหม... น้องชวน
เจ้อยากไป แต่ทำงาน คนไข้เต็มเลยตอนนี้ ไอซียูอีกหลายเคส ไปยังไง หนูไปเถอะ
แล้วมาเล่าให้ฟังหน่อย... แล้วน้องก็นำธรรมนั้นกลับาฝากค่ะ นางจำได้เยอะมากกกกกก ยิบเลย...
แปลว่าตั้งใจฟังสุดๆ และอุปนิสัยคนนี้ เขาเป็น perfectionist ค่ะ
😂😂😂.... สาธุ....
อ๋อครูบาอาจารย์เหล่านี้ หลายท่านไม่รับนิมนต์​ไม่รับกิจฆราวาส ใครอยากฟังธรรมปฏบัติธรรมต้องตะเกียกตะกายมาหาท่านที่วัดเอง ธรรมะไม่มีเร่ขาย
ท่านสอนคนที่ตั้งใจมา....
และทุกคนท่านเมตตาเสมอกัน
ท่านไม่ออกไปแสวงหาลูกศิษย์
และท่านจะอยู่อย่างธรรมดาสามัญมากค่ะ และมักใช้ภาษาถิ่นตามที่ท่านถนัด
#ขอแบ่งปันความทรงจำดีๆ
โพสต์นี้ขอยาวหน่อยนะคะ เพราะเมื่อวานมีเรื่องดีๆล้นใจ เขียนออกมาเพราะกลัวจะลืมตอนแก่กว่านี้ค่า
เริ่มด้วยพี่สาว ญาติธรรมที่เคารพ ได้มีโอกาสไปกราบพระอาจารย์โสภา อนุตตโร (หลวงพ่อจ่อย) วัดป่าค้อใหญ่ ต.กุดไห อ.กุดบาก จ.สกลนคร แล้วมาแชร์กับเราว่าพระอาจารย์ท่านสอนธรรมดีมาก อยากให้เราไปกราบท่าน ก็เลยนัดกันล่วงหน้า 1 เดือน ทุกคนเคลียร์คิวให้พร้อมไปทำบุญกัน
ช่วงนี้ไอ้เราก็งานยุ่งซะด้วย คนไข้ก็เยอะ ว้าวุ่นเรยทีนี้ เกิดความเครียด จิตใจก็เหวี่ยงขึ้นเหวี่ยงลง เอาหล่ะได้ฤกษ์ก็ปิดคลินิก หลีกหนีความวุ่น ไปรับพลังบวก หอบหิ้วคุณแม่ สาวสกลคนสวยขึ้นรถมาด้วย ลุยกันไปสามคนคร่าาาา พี่สาวมีบรีฟก่อนเล็กน้อยว่า พระอาจารย์ก็จะดุๆหน่อยนะคะ ใจเราก็กลัว แต่ก็ไปค่ะ ลองดู
มาถึงวัด บรรยากาศร่มรื่น พี่สาวแอบเห็นแว๊ปๆว่าพระอาจารย์ท่านอยู่วัดพอดี พอลงรถคุณแม่ออกที่วัดก็ให้เปลี่ยนนุ่งผ้าถุงตามธรรมเนียมวัด (เราไม่ทราบเรยใส่กางเกงขายาวมา คิดในใจครั้งหน้างานผ้าถุงต้องเข้าล่ะ กิเลสทำงานเร็วเรย^^) จากนั้นเหล่าแม่ออกก็หาข้าวหาปลาให้รับประทาน
เราก็ได้ยินเสียงสำเนียงภูไทที่เค้าพูดกัน เริ่ดเรย!! คุณแม่เราก็สาวภูไท ส่งเข้าไปจอย…ได้ผลค่ะ แกงหน่อไม้ใส่ผักสะเงะของโปรดแม่ก็มา มีแจ่วกบที่หากินยากมาอีก เราก็ซัดกับข้าวเหนียวร้อนๆนุ่มๆ จนแม่ออกท่านเมาท์กันว่า “อิดู๋ อิ่หล้าน้อย กินเเจ่วกบจนเบิด”
อิ่มแล้วก็ขนของลงจากรถไปนั่งรอถวายพระอาจารย์ ท่านมาถึงก็ดุเรย “ขนอิหยังมาหลาย คึบ่เอาไว้ใช้เอง พระถ้าไม่มีใช้ ก็มีโยมมาถวาย ซุมเจ้าบ่มีใช้ก็ต้องได้หาเงินไปซื้อ” เราก็ทำหน้าสตั้นอยู่ ในใจก็แอบกลัวท่าน แล้วท่านก็ถามว่า “ฟังลาวออกอยู่บ่ หรือฟังไทย” โอ้ยยย ลูกข้าวเหนียวอย่างเราก็รีบแจ้นตอบเสียงดังว่า “ฟังลาวออกเจ้าคร่าาาาา” ท่านก็หัวเด้บัดทีนี้
พระอาจารย์ถามคุณแม่เราว่ามาจากไหนเป็นคนที่ไหน ไทบ้านอุ่มไผ่ อ.พรรณานิคม อย่างแม่ก็รีบตอบ กลายเป็นว่าคุณปู่ญาติท่าน มาแต่งงานกับป้าญาติของแม่เรา เป็นไทพี่น้องบ้านเดียวกันกลายๆ เรยเหมือนท่านกับแม่เราได้คุยกันเรื่องเก่าๆ ตอนสมัยเด็กๆ บรรยากาศเรยผ่อนคลายลง ซึ่งจริงๆท่านเมตตามากนะ แต่เรากลัวไปเอง คิดไปเอง หุหุ
พระอาจารย์ท่านสอนและให้ข้อธรรมหลายอย่างมาก ที่เราพยายามรวบรวมตามความเข้าใจและตีความของเราได้ดังนี้นะคะ
- ท่านบอกว่าเรื่องทางโลกมันหมุนไปข้างหน้า วุ่นวายสับสน เราตามโลกไม่ทันหรอก ให้เราตามดูจิตดูใจเราดีที่สุด จิตที่ว่างแล้ว ก็จะสงบและสบาย ไม่เป็นทุกข์ ไม่เป็นบ้า
- จิตที่มาเกิดของทุกคนใสบริสุทธิ์ ทำไมเราไม่พยายามขัดเกลา ชำระจิตเราให้เหมือนหรือใกล้เคียงเดิม เรามีเวลาใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ไม่มาก เหมือนมาเที่ยว เดี๋ยวก็ต้องจากไป ตอนไปก็จะได้นำจิตดีๆไปด้วย ส่วนสังขารร่างกายก็ต้องละทิ้งไว้ ทางที่ดีที่สุดคือภาวนา ท่านถามเราว่าทำอยู่บ่ เราก็ตอบอย่างไม่อายว่า “ยังเจ้าคร่ะ” …. “ฟ่าวเฮ็ด” ท่านว่า
- ท่านแอบสอนทริกว่า “เลิกงานแล้วเวียกก็หาเวลาภาวนา นั่งพิจารณาตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า ฝึกหายใจเข้าออกพุทโธ ถ้าจิตหนีไป วอกแวก ก็ค่อยตามดู ตามกลับมาอยู่กับตัว ฝึกไปเรื่อยๆ ก็จะได้จิตที่ว่าง วางได้ คราวนี้ก็สบายแล้วตั๊ว” จิตก็เป็นจิตที่ตื่น ที่รู้ ที่เบิกบาน ถ้าไม่ลงมือปฏิบัติเองก็บ่ได้
- ไม่ต้องห่วงคนอื่น ให้ห่วงตัวเอง ห่วงจิตตัวเอง ทุกคนมีกรรมและวาระกรรมเป็นของตัวเอง พ่อแม่ ลูกผัว เกิดก็เกิดมาคนเดียว ตายก็ตายคนเดียว จิตแยกจากกัน ลูกเราจริงๆแล้วก็ไม่ใช่ของเรา เราไปควบคุมจิต ความนึกคิดเค้าได้เหรอ ไม่มีอะไรเป็นของของเรา มีแต่จิตเรา … (พอเราบอกว่าเรามีห่วงก็คือลูกนี่แหละเจ้าคร่ะ ท่านก็หัวเราะ ไผให้มีผัวมีลูกมันทุกข์ รู้ทุกข์แล้วอย่าได้มีอีกเด้อ 555)
ท่านเมตตามาก เล่าชีวิตวัยเด็กที่ท่านตัดสินใจออกบวชให้ฟัง เพราะท่านไม่อยากมีครอบครัวนี่แหละ มันทุกข์หลาย เห็นสามีภรรยาเขาทะเลาะกันตอนท่านเป็นเด็ก ป.1-ป.2 ท่านเรยปฏิญาณไว้เรยจะไม่เอาทุกข์นี้มาใส่ตัวเด็ดขาด ลาบวชเรยดีกว่า ท่านคือเนื้อนาบุญในพระพุทธศาสนาโดยแท้
ก่อนกราบลากลับ ก็ขออนุญาตถวายของที่เตรียมมา ท่านก็อนุญาต และเราก็แอบทิ้งท้ายว่าขอมากราบท่านอีกโอกาสหน้า จิพาเจ้าสองแสบซีแซนด์มาด้วย พระอาจารย์ท่านว่า “ลูกชายบ่ ถ้าบ่เลี้ยงเอามาให้บวชเด้อ” สาธุเจ้าค่า (พอกลับบ้านมาเล่าให้ซีซีฟัง ซีซีบอกผมไม่อยากบวช ผมอยากเป็นหมอ ยังไม่อยากเป็นพระ…โอ้ยเอ็นดูลูก)
เล่าเรื่องยาวขนาดนี้ เพราะปลื้มปิติ ที่ได้มีโอกาสมากราบและรับฟังธรรมจากครูบาอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ธรรมะของพระอาจารย์เรียบง่าย เข้าใจไม่ยาก แต่กระแทกใจทุกข้อธรรม หนูขอน้อมนำธรรมคำสอนของพระอาจารย์ ไปปฏิบัติและเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตนะเจ้าคะ และลูกหลานขอกราบระลึกถึงพระคุณด้วยความเคารพยิ่งเจ้าค่ะ 🙏
ขอบพระคุณพี่ปู กัลยาณมิตรและพี่สาวที่แสนดี ที่พาหนูมากราบครูบาอาจารย์ในครั้งนี้ด้วยนะคะ Minnie Aphisekmongkol
แม่คะ ลูกดีใจมากๆนะคะ ที่แม่มีความสุขและอิ่มเอมในธรรมวันนี้ค่ะ Nipa Nipnip (เหมือนได้พาแม่กลับบ้านคุณยายเรย)
ปล. ไม่กล้าถ่ายภาพใดใด เพราะที่วัดไม่ใช้ไฟฟ้า ไม่ใช้มือถือค่ะ ย่านเพิ่นฮ่าย
หวังว่าโพสต์นี้จะได้ประโยชน์กับท่านผู้อ่าน ไม่มากก็น้อยนะคะ สาธุค่า 🙏
๑๒ กันยายน ๒๕๖๖
โฆษณา