15 ก.ย. 2023 เวลา 08:50 • ประวัติศาสตร์

โบสถ์ที่เก็บสมบัติมหาศาลในอินเดีย แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง

“อินเดีย” คือดินแดนที่น่าสนใจที่สุดแห่งหนึ่ง
1
ดินแดนแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งแห่งที่ดึงดูดผู้รุกรานและเหล่าอาชญากรที่หวังจะเข้ามาขโมยสมบัติ เนื่องจากอินเดียเป็นหนึ่งในดินแดนที่มีทรัพย์สมบัติมั่งคั่ง
จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์ หากย้อนกลับไปในศตวรรษที่ 11 จีดีพีอินเดียนั้นเท่ากับ 33% ของจีดีพีโลก
หากลองคำนวณจากจีดีพีโลกในปัจจุบัน (ค.ศ.2023) ที่อยู่ที่ประมาณ 90 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 3,240 ล้านล้านบาท) จะเท่ากับว่าหากอินเดียยังมีเปอร์เซ็นต์จีดีพีเท่าเดิม เท่ากับอินเดียจะมีจีดีพีเท่ากับประมาณ 30 ล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 1,080 ล้านล้านบาท) เลยทีเดียว
1
“เพชรโคอินัวร์ (Koh-i-noor)” ซึ่งเป็นเพชรที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องราชกกุธภัณฑ์แห่งสหราชอาณาจักร ก็เป็นเพชรที่ถูกขโมยไปจากอินเดีย
แต่ที่ดูจะยิ่งใหญ่ที่สุด ก็คือโบสถ์พรามหมณ์แห่งหนึ่งที่ดึงดูดเหล่าอาชญากรที่หวังรวยทางลัด หวังจะเข้าครอบครองทรัพย์สมบัติมหาศาลในวิหารแห่งนี้
โบสถ์พราหมณ์แห่งนั้นคือ “ปัทมานภสวามีมนเทียร (Padmanabhaswamy Temple)” ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองติรุวนันตปุรัม เมืองหลวงของรัฐเกรละ ประเทศอินเดีย โดยโบสถ์แห่งนี้สามารถย้อนประวัติไปได้ตั้งแต่สมัย 500 ปีก่อนคริสตกาลหรืออาจจะนานกว่านั้นด้วย
1
เพชรโคอินัวร์จำลอง
โบสถ์แห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังจากคำร่ำลือว่าเป็นที่เก็บสมบัติจำนวนมหาศาล ซึ่งแบ่งเป็นห้องๆ คือ ห้อง A ห้อง B ห้อง C ห้อง D ห้อง E และห้อง F โดยห้องทั้งหกห้องนี้เป็นที่เก็บสมบัติมหาศาล มากเกินกว่าจะประเมินค่าได้ โดยการประเมินมูลค่าขั้นต่ำคือ หนึ่งล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36 ล้านล้านบาท)
1
เริ่มจากห้อง A ซึ่งในอดีตเคยมีการเปิดมาแล้วหลายครั้ง และสิ่งที่อยู่ภายในห้องก็ทำให้ผู้คนตื่นตะลึง
ปัทมานภสวามีมนเทียร (Padmanabhaswamy Temple)
นักโบราณคดีที่มีส่วนร่วมในการเปิดห้อง A ได้บันทึกถึงสิ่งที่เห็นภายใน ความว่า
“เมื่อมีการยกหินแกรนิตที่ปิดประตูห้องออก ก็พบว่าห้องนั้นมืดแทบจะสนิท มีเพียงแสงสลัวๆ ที่ลอดออกมาจากประตูเบื้องหลัง และขณะที่ผมจ้องเข้าไปยังห้องที่มืดสนิท สิ่งที่ผมเห็นก็คือสิ่งที่คล้ายกับดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่มีดวงจันทร์”
1
“เพชรพลอยต่างส่องประกายระยิบระยับ ทำให้เกิดแสงไฟเล็กๆ ทรัพย์สมบัติจำนวนมากถูกเก็บไว้ในกล่องไม้ หากแต่ด้วยความที่เวลาผ่านมานาน กล่องเหล่านั้นก็แตกสลายกลายเป็นฝุ่น เพชรพลอยและทองคำจึงกองอยู่ที่พื้นซึ่งเต็มไปด้วยฝุ่น ช่างน่าอัศจรรย์”
2
ภายในห้อง A พบเหรียญทองคำมากกว่า 100,000 เหรียญ ซึ่งส่วนมากเก่าแก่ตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 18 และมีที่เก่ากว่านั้นด้วย
นอกจากนั้น ยังมีอัญมณีและหินมีค่ากว่า 100 กิโลกรัม ซึ่งถูกห่ออยู่ในผ้าไหม ทองคำชิ้นเล็กๆ กว่า 1,000 กิโลกรัม เครื่องเพชรอีกจำนวนมหาศาล รวมถึงสร้อยคอทองคำน้ำหนัก 2.5 กิโลกรัม ยาวกว่าเก้าฟุต
อัญมณีรูปข้าวที่ทำมาจากทองคำหนักกว่า 1,000 กิโลกรัม ถุงที่เต็มไปด้วยเพชร เชือกทองคำ เครื่องเพชรโบราณที่ประดับหินมีค่าจำนวนมาก ซึ่งล้วนแต่เก็บอยู่ในตะกร้าและภาชนะต่างๆ
ต้องบอกว่านี่แค่ห้อง A เท่านั้น ถัดจากห้อง A คือห้อง B ซึ่งว่ากันว่ามีสมบัติมากกว่าห้อง A ซะอีก
แต่ปัญหาก็คือ ไม่เคยมีการเปิดห้อง B
“ราชสกุลติรุวิตางกูร์ (Travancore)” ซึ่งเป็นเสมือนผู้ดูแลโบสถ์แห่งนี้มานานนับร้อยปี ได้เตือนทุกคนไม่ให้เปิดคลังสมบัตินี้ เนื่องจากเชื่อกันว่าหากเปิด คำสาปที่ปกป้องคลังสมบัติจะทำให้ประเทศต้องพบเจอหายนะ
แต่มีข่าวว่าในปีค.ศ.2011 (พ.ศ.2554) ศาลสูงในอินเดียได้มีคำสั่งให้เปิดห้องในโบสถ์จำนวนห้าห้อง และมีการบันทึกทรัพย์สมบัติที่พบภายในห้อง แต่ห้อง B ก็ยังคงไม่ถูกเปิด
ว่ากันว่าประตูห้อง B นั้นทำมาจากทองคำบริสุทธิ์ ประดับด้วยรูปปั้นงูด้านบน และประตูนี้ก็ถูกปิดผนึกด้วยเวทมนต์คาถาของนักบวชโบราณ ทำให้ห้องนี้ยิ่งน่าเกรงขาม
ผู้ที่พยายามเปิดห้อง B ล้วนแต่เสียชีวิตอย่างปริศนาหรือไม่ก็หายตัวไปอย่างลึกลับ ทำให้เสียงร่ำลือเกี่ยวกับห้อง B ยิ่งเป็นที่ร่ำลือไปอย่างกว้างขวาง
และจากการประเมินของนักประวัติศาสตร์ คาดว่าสมบัติในห้อง B มีมูลค่าสูงถึงหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ (ประมาณ 36 ล้านล้านบาท)
ว่ากันว่าในห้อง B มีฝูงงูพิษคอยปกป้องดูแลสมบัติ ผู้ที่พยายามจะเปิดห้อง B ล้วนแต่มีจุดจบไม่ดี ซึ่งผมขอยกส่วนหนึ่งมาเล่าให้ฟัง
2
ในยุค 30 (พ.ศ.2473-2482) ได้มีโจรพยายามจะเข้าไปในห้อง B เพื่อขโมยสมบัติ หากแต่ก็ถูกฝูงงูพิษรุมทำร้าย ทำให้กลุ่มโจรต้องรีบหนีออกมา
2
ในปีค.ศ.2011 (พ.ศ.2554) เจ้าหน้าที่รัฐที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปิดห้อง B ก็เสียชีวิตอย่างปริศนา ส่วนอีกรายก็ต้องสูญเสียแม่ในปีเดียวกัน
1
และก็มีเรื่องเล่าว่าย้อนกลับไปเมื่อกว่า 100 ปีก่อน ได้มีนักบวชพยายามจะเปิดห้อง B เพื่อเอาสมบัติมาช่วยเหลือประเทศ เนื่องจากในเวลานั้นอินเดียประสบปัญหาภัยแล้งและความอดอยากของประชาชน แต่เมื่อเข้าใกล้ห้อง B เหล่านักบวชก็ได้ยินเสียงแปลกๆ ภายในห้อง
เหล่านักบวชตระหนกและคิดได้ว่าการนำสมบัติออกไปนั้น แทนที่จะช่วยเหลือประเทศชาติ อาจจะทำให้ประเทศต้องพบกับภัยพิบัติมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ และเสียงนี้อาจจะเป็นการเตือนจากเทพเจ้าไม่ให้ยุ่ง
1
หากเรื่องราวเหล่านี้เป็นเรื่องจริง เท่ากับว่าสถานที่นี้ก็เป็นสถานที่ที่ไม่ควรแตะต้อง เป็นสถานที่ที่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ปกป้องอยู่
ตามตำนานนั้น ประตูห้อง B จะเปิดได้โดยนักบวชผู้ทรงปัญญา ผู้ซึ่งสามารถท่องมนต์คาถาที่ถูกต้องได้ ซึ่งในยุคปัจจุบัน คงไม่มีใครทำได้แล้ว
แต่สุดท้าย เรื่องเหล่านี้ก็อาจจะเป็นเพียงตำนาน และการเสียชีวิตของผู้เกี่ยวข้องก็อาจจะเป็นเพียงแค่เรื่องบังเอิญเท่านั้น
สุดท้ายก็แล้วแต่มุมมองและความเชื่อของแต่ละบุคคล
โฆษณา