หรือปัญญาประดิษฐ์เข้ามาอยู่ในเครื่องคั่วกาแฟ ทำให้ปัจจุบัน AI มีบทบาทเป็นอย่างมากในการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพและการลดภาระงานไปจนถึงเพิ่มความแม่นยำหรือความสม่ำเสมอที่มากขึ้นอีกด้วย เทคโนโลยี AI สามารถวิเคราะห์ความคืบหน้าของเมล็ดกาแฟตลอดการคั่ว พร้อมปรับอุณหภูมิและการหมุนเวียนของอากาศภายในโดยอัตโนมัติ เมื่อวิเคราะห์ถึงจุดที่ต้องปรับ ซึ่งทำให้สามารถช่วยลดข้อผิดพลาดในการคั่วแต่ละแบทช์ได้ค่อนข้างมากทีเดียว
กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติและสถาบันวิจัยที่ทำงานร่วมกับ IMA Group ซึ่งเป็นบริษัทผู้นำระดับโลกด้านการออกแบบและผลิตเครื่องจักรอัตโนมัติสำหรับการแปรรูปและบรรจุภัณฑ์ของยา เครื่องสำอาง อาหาร ชา และกาแฟ ได้เปิดตัว “Ai-learning to Roast” โดยเป้าหมายหลักของโปรเจกต์คือ การตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับโปรไฟล์กาแฟคุณภาพการรักษาคุณภาพและความสม่ำเสมอของการคั่วกาแฟในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม Dr. Elizabeth Tomasino รองศาสตราจารย์ภาควิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการอาหาร ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐออริกอน (Oregon State University) ยังคงยืนยันว่า เทคโนโลยีหรือระบบ AI เป็นเพียงผู้ช่วยหรือเครื่องมือสนับสนุนให้นักคั่วกาแฟสามารถทำงานได้ง่ายขึ้น และช่วยลดข้อผิดพลาดขณะคั่วกาแฟเท่านั้น แต่ศาสตร์ของการคั่วกาแฟยังจำเป็นต้องใช้ผู้ที่มีประสบการณ์และความชำนาญคอยควบคุมเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าเหล่านี้
นอกจากนี้ยังมีการวิจัยที่นำเทคโนโลยีโดรนและการพัฒนาซอฟต์แวร์เข้ามาใช้เพื่อทำแผนที่ไร่กาแฟ หรือโครงการ “Drone Mapping Coffee Fields” โดยเป็นการศึกษาของ CoatzaDrone ร่วมมือกับ Green Xpo Lab โดยทำงานร่วมกับคณะเศรษฐศาสตร์เกษตรและธุรกิจการเกษตร (School of Agricultural Economics and Agribusiness) มหาวิทยาลัยคอสตาริกา (Universidad de Costa Rica) โดยมีจุดประสงค์เพื่อมุ่งเน้นการวิจัยและติดตามพืชผลกาแฟใน Los Santos ประเทศคอสตาริกา