Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ป
ปกรณ์ ปราสาททอง
•
ติดตาม
17 ก.ย. 2023 เวลา 08:15 • ปรัชญา
ปฏิบัติธรรมในรอยทั้งสี่ เดินจงกรม ลงเรือพายเรือทวนน้ำ
จิตผู้มีปัญญาในธรรม ได้ปรากฏขึ้น ได้ประจักษ์อยู่ที่ดินฟ้าอากาศ ได้บันทึกภาพ บันทึกเรื่องราวของผู้ที่ใฝ่ในธรรม ทุกคนมีโอกาส แต่ก็ใช้โอกาส คือ ความที่ไม่ได้มาใช้ก็มากมาย เพราะการสะสมบุญของแต่ละคน แต่ละศาสนา คือ แต่ละดวงจิตมาไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ก็อย่าไปว่าเค้าเลย ว่าคนนั้นคนนี้ หรือ หมู่นั้นหมู่นี้ ทำไมไม่ฝักใฝ่ในเรื่องราว การฝึกหัดปฏิบัติ ให้แจ้งในธรรมในจิตของตัวเอง การจะปฏิบัติ..จิตเรื่องราวทางโลกนี่ ไม่ฝักใฝ่ในเรื่องราวโลภโกรธหลงนั่น..ทำกันยาก
เมื่อทำยาก ก็ต้องเรียนให้รู้ ในสิ่งที่เกิด แก่เจ็บตายนั้นมันมาจากไหน ทำไมมันต้องเกิด ทำไมต้องตาย มันอยู่แค่นี้เอง เมื่อเกิดทีไร มันก็ลำบาก ..ลืมตาขึ้นมา ขยับขยายเคลื่อนกายก็ลำบาก พอหลับตาไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็ทำให้เรา ก็หมดความรู้สึก ไม่มีความรู้สึกอะไรทั้งนั้น
พอไม่มีความรู้สึกนั้น ไม่ใช่ว่าเป็นผู้ฉลาด หรือ หมดจดในเรื่องกรรม หน้าที่ของกรรม เค้าก็ทำหน้าที่ของเค้าไป เพราะว่า ทักท้วงอยู่ตลอดเวลา ไม่ใชว่าหน้าที่ ..เค้าต้องมีหน้าที่ ทักท้วงให้ร่างกายของคนนั้น ต้องมีความทุกข์ ถึงพิกลพิการขึ้นมา ..ตื่นขึ้นมา เดินไม่ได้แล้วหรือ หายใจไม่ออกแล้ว
เพราะจิตของเรา..ไม่สามารถจะไปต้านทาน เรื่องราวของกรรมได้ เพราะฉะนั้น ..การมาฝึกหัดปฏิบัติธรรมเนี่ย เพื่อเป็นต้น ..เห็นว่าสิ่งไหน ว่าเป็นศัตรูหมู่ร้ายของเรา เราก็ถอย หรือ ว่ากำหนดที่จะรับรู้ หรือว่า ยับยั้งในกรรมนั้นได้ เพราะเรามีสติ มีความรู้ มีความรู้สึก
1
คราวนี้การหลับนั้น หลับในเรื่องการพักผ่อนของกาย แต่จิตกไม่สามารถจะใช้วิธีทั้งหกได้ เมื่อวิญญาณทั้งหกใช้ไม่ได้ หลับใหลไปกับกาย คราวนี้ การต่อต้านเรื่องราวต่างๆที่จะเกิดขึ้น ..กรรมของตัวเอง เราก็ไม่สามารถจะต่อต้านได้
ที่มาเรียนศึกษาเนี่ย เรียนธรรมะ ..เนี่ย เพื่อจะให้รับรู้อยู่ตลอดเวลา ทั้งหลับและตื่น ว่าอะไรมันเกิดขึ้นมากับ ..ในเรื่องราวของจิตของเรา เข้ามาทางไหนบ้าง มีอารมณ์อะไรต่างๆ ที่จะทำให้เรามีความรู้สึกนึกคิด คราวนี้..ไม่เรียนรู้เลย ปล่อยไปวันหนึ่ง แล้วแต่เวรกรรม เห็นสิ่งนั้นก็ดี มายาก็ดี มายาที่หลอกเราให้มีทรัพย์สินเงินทอง ให้มียศฐานบรรดาศักดิ์ ให้มีบ้านใหญ่บ้านโต ให้มีคนสรรเสริญเยินยอ ชื่นอกชื่นใจ
คราวนี้ไปดูเรื่องราวของอารมณ์ที่เราต้องกระทบในสิ่งเหล่านี้ เป็นมายาให้จิตของเรา ..ลอยไปตามอารมณ์ที่มันปรุงแต่ง ก็เกิดไม่มีความรู้สึกเรื่องราวต่างๆ ว่า สิ่งนั้นเป็นปฏิปักษ์กับชีวิตของเราหรือไม่ ..พอนานไป เพราะมันเกิดได้ มันก็ดับได้ ไม่ใช่ว่า ฉันมีบ้านใหญ่บ้านโต เป็นเศรษฐี มีเงินมีทอง แก้วแหวนเงินทองมากมายก่ายกอง ..ถามว่า มันดับได้มั้ย ..มันดับได้
เอาง่ายๆ พอนอน พอเราหลังนอน แล้วไอ้เงินทองที่มีอยู่ บ้านช่อง มันก็ไม่ได้อยู่กับตัวเรา มันอยู่สถานที่หนึ่ง แต่เรารู้ กำหนดว่า เป็นของเรา บ้านของเราก็เหมือนกัน บ้านใหญ่โต สถานที่มากมาย…แต่เราอยู่ที่นิดเดียว!! ..อยู่ที่กายที่เราไปยืนอยู่ ไปนอนอยู่
..แต่อารมณ์มันปรุงแต่งว่า ..ที่นอนเราใหญ่โตน่ะ ..เต็มห้องเลย สถานที่เรายืนอยู่ใหญ่โต แล้ว..แล้วตัวมันใหญ่มั้ย?? มันมีแต่อารมณ์ใหญ่ !?! แล้วไปคอยไขว่คว้าหาเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น เรื่องมายาที่ปรุงแต่งจิต ให้มันหลงใหลเรื่องมายาจิต เรื่องราวต่างๆ ตัณหาก็เกิดขึ้น ทะเยอทะยาน ไม่มีที่สิ้นสุด…..
ถามว่าคนที่มีบ้านใหญ่ มีสถานที่งดงาม…พอมั้ย !! ?? ..ไม่มีพอ ก็ยังต้องทะเยอทะยาน ไปเอาที่มันใหญ่มากกว่านั้น แล้วมากมายกว่า… แต่ก็ไม่ได้ดูตัวเองว่า …เวลาอยู่จริงๆ อยู่นิดเดียว ..!… กว้างสักศอกหนึ่ง ยาวก็วาสองวาเท่านั้นเอง วากว่าก็หมดแล้ว ก็อยู่แค่นั้นเอง กะไอ้ที่มันอยู่ที่ตั้งมากมายก่ายกอง ..มันหลอกตา หลอกอารมณ์ของเราไปยึดเรื่องราวต่างๆ ยึดอยู่แค่นั้นเอง ยึดอยู่ตอนที่เรานอน ตอนที่เรายืน ตอนที่เรานั่งเท่านี้เอง ..นอกนั้นไม่ใช่ของเรา
ทำไมบอก..ไม่ใช่ของเรา ก็บ้านเรา ที่ของเรา ที่นอนของเรา เราก็นอนอยู่แค่นั้น นั่งอยู่แค่นั้น …นอกนั้นเป็นของมดปลวกหมดน่ะ มดเดิน งูเดิน คนนั้นเดินคนนี้เดิน ..ไหนล่ะ ..ถ้าเป็นของเรา มันก็ต้องอยู่..เราก็ต้องใช้ได้อยู่คนเดียว ..เพียงแต่อารมณ์มันหลอก หลอกให้เราไปยึด หลอกให้เราไปโลภ แล้วทุกคนทุกสิ่งทุกอย่าง..ไม่มีที่สิ้นสุด
เมื่อไม่การสิ้นสุด ที่มีการทะเยอทะยานอยู่ตลอดเวลา การเกิดก็ไม่มีการสิ้นสุดเหมือนกัน เหมือนกับการค้าขาย บางวันกายขายดี บางวันก็ขายไม่ดี บางวันก็ขายได้ ประมาณผลัดเกลื่อน เปลี่ยนไปอย่างนี้ แล้ววันไหนที่มันขายไม่ดี ขายไม่ได้เลย เหมือนกับกายเรานี้ หมดแล้วเสื่อมสภาพ ต้องไปเปลี่ยนจากกายมนุษย์ หรือ กายมนุษย์ทุพพลภาพ ง่อยเปลี้ยเสียขาเกิดขึ้น
นี่แหละ การที่เราไม่เรียนรู้ เรื่องราวของอารมณ์ที่เค้ามาปรุงแต่งให้จิตไปหลงใหล ในมายา ตัณหาต่างๆ แล้วสิ่งที่เราจะได้ ได้อะไร ..ได้กรรม ได้ความทุกข์กลับไป ทุกข์แล้ว ทุกข์อีก บางทีอะไรต่างๆ ที่จะปลดปล่อย เรื่องราวของความทุกข์บ้าง พอปลดปล่อย..โอ้ว..โล่งจังเลย สบายจังเลย
เหมือนกับ เราปวดขา เราสลัดขา หายปวดเลย เราก็สบายใจ แต่ไอ้ตอนที่มันปวด ตอนที่สบาย ..เคยศึกษาหาความรู้มั่ย .มันเป็นมายา มันเลยหลอกเราน่ะ แต่ว่าเป็นการสอนจิต จิตกระทบรูป รูปกระทบจิต รูปสอนจิตขึ้นมา ให้ศึกษา ..แต่เราศึกษาหรือเปล่า ไม่ได้ศึกษา
เพราะเราไม่เคยรู้เรื่องราวของรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าเวลาปฏิบัติธรรมเนี่ย ต้องใช้สติปัญญาอย่างไร มีแต่เค้าบอกให้ปล่อย ให้มาเป็นธรรม แต่จิตเราเป็นธรรมมั้ย พอนั่งสักครู่ โลกถ่วงไปกินแล้ว ลมโน่นลมนี้ พัดเข้ามา กระพือไฟ เดี๋ยว.กายบ้าง มดข้าง แมงหวี่ แมงวัน โตร่ตรอม ก็ไปสนใจกับเค้า ..อ้อ..ไอ้นี่มันเรื่องราวของโลก เรื่องราวของอารมณ์ใแมงหวี่เข้ามาตรอม ยู่งก็กัด มดก็กัด ..มันเรื่องราวของโลก
..แล้วจิตมันไปอยู่ตรงไหน อ้อ..จิตเราอาศัยอยู่เรือนกายบิดามารดา มันเดือดร้อนอะไร บิดามารดาธาตุทั้งสอง เค้าก็คอยประคับประคอง อ้อ..จิตเรามันไปยุ่งกับเค้าเอง ยุ่งไปหมด กายมันอยู่ตรงไหน ก็ยุ่งไปหมด มันถึงเกิดมา ยุ่งเหยิงเรื่องราวต่างๆ อารมณ์ต่างๆ มันก็เกิดขึ้นมากมายก่ายกอง
.. ใครล่ะที่จะทำให้เรายุติได้ ก็เข้ามาหายองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มาเดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้มาเรียนรู้ ว่าการหยุดอารมณ์ หยุดอย่างไร..โดยใช้กายของเราหยุด หยุดกายนิ่ง..ไม่ไหวติงเกิดขึ้น ไม่โยกไม่เยก แล้วรู้เองว่า กายของเรานิ่ง ไม่ใช่อุปโลกน์ว่ากายนิ่ง แต่เรายังโยกอยู่เลย ยอกว่ากายนิ่ง แล้วพยายามเรียนให้กายนิ่ง ดูซิ กายนิ่ง นิ่งเหมือนองค์พระสิทธัตถะ จิตเราจะเฉยเหมือนพระสิทธัตถะมั้ย ก็เรามาฝึกหัดปฏิบัติให้ปล่อยวางลงไป อยู่ตรงนี้ ก็เดินทางตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
คราวนี้ ไม่อย่างนั้น พอกายนิ่งนิดหนึ่ง นึกโน้นนึกนี่ขึ้นมา อ้อ..แสดงว่า การนึดนี่ มันเกิดอารมณ์ขึ้นมาแล้ว จิตไม่เฉย แสดงว่ากายไม่อยู่นิ่งแล้ว เราก็สำรวจกายเลยเชียว ..ไอ้ตัวนึกคิดเนี่ย ..เอ๊ะ..หม้อข้าวอยู่ตรงไหน สำรวจขึ้นมา ..สำรวจกายเลย ตรงไหนมันไหวติงบ้าง เมื่อไม่ไหวติง จิตเคลื่อนที่มั่ย ..มันเคลื่อนที่ไม่ได้ มันไม่ไปไหน มันก็อยู่กับที่ เมื่อจิตเรียรู้จัก..จากกายกาย จิตรู้จักจิต จิตก็จะเฉยเรื่องราวของอารมณ์
อารมณ์ผ่านมา มีความนึกคิดต่างๆ จิตก็บรรเทา ที่นี้กายบุญอะไรต่างๆนี่ ที่ให้เรียน การศึกษานอกเหนือ ากรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อจะให้ลงเรือ เพื่อจะมาเปรียบเทียบรอยทั้งสี่เกิดขึ้น ให้มันเพลิดเพลิน ให้มันเกิดอารมณ์ขึ้น
เพราะเดินจงกรม เหมือนกับการนั่งเรือพาย ก็น้ำนิ่งๆนี่ ปลีอยเรือไป ก็พายแล้วปล่อยเรือไป เรือมันวิ่งไป คลื่นลมมันมีมั้ย ระลอกคลื่น ที่หัวเรือมันผ่านคลื่น
..วันนี้เรามาศึกษากันเรื่องราวนี้ ก็ทำความเข้าใจ ในเรื่องราวของอารมณ์ของกาย ของจิต พอให้เราใจพอประมาณ แล้วก็ลุกขึ้นมาเดินจงกรม เพือ่ลงเรือพายไป วันนี้จะให้ลงเรือ แบบที่พายได้นิดเดียว เรือก็ไหลทวนน้ำขึ้นไป..ดูซิระลอกคลื่นที่หัวเรือไปชน ชนกรรมนี่ ชนน้ำนี่ มันจะมีระลอกคลื่นแบบไหน เรือมันจะเดินแบบไหน จะวิ่ง แบบไหน หัวเรือจะส่ายมั้ย อะไรๆต่าง มาฝึกกันให้ฝึกปฏิบัติกันขึ้น ..
บันทึก
2
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย