18 ก.ย. 2023 เวลา 11:00 • ประวัติศาสตร์

ชาวเผ่าพื้นเมืองผู้ยอมตายลงนรกดีกว่าขึ้นสวรรค์ไปกับพวกยุโรป

"ชนเผ่าไทโน (Taino)" คือชนเผ่าพื้นเมืองกลุ่มแรกที่ "คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)" ได้พบเจอเมื่อเดินทางมายังโลกใหม่
1
การมาถึงของชาวสเปนสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวเผ่าไทโน ไม่ว่าจะเป็นโรคระบาดที่แพร่มาจากเหล่าชาวสเปน รวมถึงเรื่องการรุกราน จับตัวชนเผ่าเป็นทาส และอาจจะเรียกได้ว่าชาวไทโนเป็นกลุ่มชนอเมริกันพื้นเมืองกลุ่มแรกที่ต้องพบเจอหายนะจากการมาถึงของชาวยุโรป และถูกตีว่าชนเผ่านี้สูญสิ้นไปเป็นเวลานานแล้ว
คริสโตเฟอร์ โคลัมบัส (Christopher Columbus)
ชาวเผ่าไทโนได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มชนที่ไม่ก้าวร้าวและเป็นมิตร โคลัมบัสได้บันทึกว่าชนเผ่าไทโนนั้นยอมแลกทุกอย่างแลกกับหม้อหรือไหที่แตกแล้ว อีกทั้งโคลัมบัสยังบันทึกอีกว่าชาวเผ่าไทโนนั้นน่าจะเหมาะเป็นทาส
โคลัมบัสได้เดินทางมาถึงและพบกับชนเผ่าไทโนเมื่อปีค.ศ.1492 (พ.ศ.2035) แต่เมื่อถึงค.ศ.1519 (พ.ศ.2062) ไม่ถึง 30 ปีหลังจากนั้น ชาวไทโนกว่าครึ่งก็ได้เสียชีวิต
แต่ก็ไม่ใช่ชาวไทโนจะยอมแพ้ต่อแสนยานุภาพของยุโรปจนหมด มีเรื่องเล่าของชาวเผ่าไทโนที่ชื่อ "อาตุย (Hatuey)" ซึ่งได้รับการยกย่องเป็น "วีรบุรุษระดับชาติรายแรกของคิวบา"
อาตุย (Hatuey)
ก่อนที่ชาวสเปนจะเดินทางเข้ามาถึงคิวบา อาตุยก็ได้เดินทางออกจากเกาะของตนเพื่อไปเตือนชาวไทโนที่อาศัยอยู่ในคิวบาถึงความโหดร้ายของชาวสเปน
การกระทำของอาตุย ทำให้สุดท้ายอาตุยถูกจับและลงโทษโดยการเผาทั้งเป็น โดยก่อนจะถูกเผานั้น นักบวชได้ถามอาตุยว่าจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์หรือไม่ เพื่อที่อาตุยจะได้ขึ้นสวรรค์
อาตุยปฏิเสธ และกล่าวว่าตนนั้นยินดีลงนรกดีกว่าขึ้นสวรรค์ร่วมกับชาวสเปน
ก่อนจะมาดูเรื่องราวนี้แบบลงลึก เรามารู้จักกับชนเผ่าไทโนกันก่อน
ชาวไทโนนั้นอาศัยอยู่บนเกาะใหญ่จำนวนสี่เกาะในแถบแคริบเบียน คือเกาะฮิสปันโยลา เปอร์โตริโก คิวบา และจาไมก้า และมีบางส่วนที่อาศัยอยู่ในบาฮามาส และชาวไทโนก็อาศัยอยู่ในคิวบามาเป็นเวลานานกว่า 500 ปีแล้วก่อนที่โคลัมบัสจะมาถึง
1
ก่อนการมาถึงของชาวยุโรป ชาวไทโนอาศัยอยู่ในหมู่บ้านโดยมีหัวหน้าเผ่าเป็นผู้ปกครอง และมีความรุ่งเรืองด้านการเพาะปลูก มีการปลูกยาสูบ และชาวไทโนก็ได้ชื่อว่าเป็นชนกลุ่มแรกๆ ที่แนะนำให้ชาวยุโรปรู้จักยาสูบ
3
แต่ดูเหมือนชาวยุโรปจะไม่ได้สนใจในวัฒนธรรมหรือวิถีชีวิตของชาวไทโน แต่สนใจว่าจะสร้างกำไรและประโยชน์อะไรจากชาวไทโนได้บ้าง
ข้าหลวงชาวสเปนจึงได้สร้างระบบการปกครองขึ้นมา โดยให้ผู้คนในแต่ละหมู่บ้านอยู่ใต้การปกครองของชาวสเปน โดยชาวสเปนแต่ละคนจะมีแรงงานชาวไทโนใต้การปกครองนับร้อยคน ส่วนชนเผ่าไทโนก็จะได้ประโยชน์คือได้รับการศึกษา ได้เข้านับถือศาสนาคริสต์ มีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม และมีอาหารบริโภค
แต่ในความเป็นจริง กลับเป็นชาวไทโนที่สามารถสร้างอาหารและเป็นผู้เลี้ยงดูชาวสเปน และด้วยความที่ในเวลานั้นชาวสเปนได้ริเริ่มทำเหมืองทอง และเหมืองทองก็อยู่ไกลจากหมู่บ้าน ทำให้การขนส่งอาหารนั้นลำบากและไม่เพียงพอสำหรับคนงาน
ชาวสเปนได้ทำการต้อนชาวไทโนไปเป็นแรงงานในเหมืองทอง มีการเฆี่ยนตีเพื่อลงโทษแรงงาน สร้างความเดือดร้อนให้ชาวไทโน
นอกจากนั้น ชาวไทโนยังได้รับผลจากโรคระบาดที่มาจากชาวสเปน ทำให้ชาวไทโนล้มตายเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากการถูกจับเป็นทาส ความอดอยาก และการรุกรานจากยุโรป
3
ด้วยความโหดร้ายของชาวสเปน ทำให้ชาวไทโนจำนวนหนึ่งตัดสินใจฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดหน้าผา ทำให้จำนวนประชากรไทโนยิ่งลดลงไปอีก
และด้วยความที่ไม่มีกำลังและวิทยาการที่จะต่อต้านชาวสเปน ทำให้ชาวไทโนจำนวนหนึ่งต้องหนีออกจากเกาะซึ่งเป็นบ้านเกิดของตน
ภายหลังจากรุกรานเกาะฮิสปันโยลา ชาวสเปนก็หันเหความสนใจไปยังคิวบา
อาตุยซึ่งอยู่บนเกาะฮิสปันโยลาก็ได้หนีออกไปจากเกาะพร้อมพรรคพวกอีกประมาณ 400 คน รีบไปเตือนชาวไทโนยังเกาะคิวบาถึงภัยจากชาวยุโรป
อาตุยรีบไปเตือนผู้คน หากแต่ก็มีชาวไทโนไม่กี่รายที่ยอมเข้าร่วมกับอาตุย
ในปีค.ศ.1511 (พ.ศ.2054) "ดิเอโก เบลัซเกซ เดอ กูเอยาร์ (Diego Velázquez de Cuéllar)" ผู้นำทัพชาวสเปน ได้ออกจากเกาะฮิสปันโยลาเพื่อเข้ารุกรานคิวบา และเมื่อทัพของเดอ กูเอยาร์มาถึง ก็ต้องปะทะกับทัพของอาตุย ซึ่งใช้กลยุทธ์การรบแบบสงครามกองโจร
2
ดิเอโก เบลัซเกซ เดอ กูเอยาร์ (Diego Velázquez de Cuéllar)
ทัพของอาตุยสามารถตรึงกำลังของเดอ กูเอยาร์ได้ถึงสามเดือน ก่อนที่อาตุยจะถูกจับกุม และในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1512 (พ.ศ.2055) อาตุยก็ถูกตัดสินให้เผาทั้งเป็น
ขณะกำลังจะทำการประหาร นักบวชได้ถามอาตุยว่าจะเปลี่ยนมานับถือศาสนาคริสต์และยอมรับในพระเยซูหรือไม่ ซึ่งอาตุยก็ถามว่าตนจะได้ขึ้นสวรรค์ใช่หรือไม่
นักบวชได้รับรองว่าหากทำตามนี้อาตุยจะได้ขึ้นสวรรค์ แต่หากไม่ยอม ก็จะต้องทุกข์ทรมานในนรกตลอดกาล
อาตุยได้ตอบว่าตนนั้นยินดีจะลงนรกดีกว่าขึ้นสวรรค์กับพวกสเปนป่าเถื่อน
2
หลังจากนั้น อาตุยก็ถูกเผาทั้งเป็น
ในทุกวันนี้ มีเมืองในคิวบาที่ตั้งตามชื่ออาตุย และเรื่องราวของอาตุยก็ยังเป็นที่พูดถึงจนถึงทุกวันนี้ และได้รับการยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ
และนี่ก็เป็นเรื่องราวของชาวเผ่าผู้ไม่ยอมก้มหัวให้ศัตรู แม้ศัตรูจะมีกำลังที่เหนือกว่าก็ตาม
1
โฆษณา