20 ก.ย. 2023 เวลา 15:23 • หุ้น & เศรษฐกิจ

บาทอ่อนวูบจากนโยบายรัฐบาล

เพียงไม่ถึงหนึ่งเดือนหลังจากการเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ค่าเงินบาทได้อ่อนตัวไปอย่างรวดเร็วไปจนตอนนี้ซื้อขายกันที่มากกว่า 36.2 บาทต่อดอลล่าร์สหรัฐแล้ว
สาเหตุมีด้วยกันหลายประการ แต่ส่วนหนึ่งมาจากนโยบายประชานิยมไม่ว่าจะเป็นโครงการเงินดิจิทัล ลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน เพิ่มค่าแรง ซึ่งทำให้รัฐบาลมีภาระหนี้สูงขึ้น ภาคเอกชนขาดความสามารถในการแข่งขัน การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น ต่างชาติจึงเทขายสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง จนบาทอ่อนลงอย่างต่อเนื่อง
พอบาทอ่อน ก็จะทำให้ต้นทุนค่าพลังงานที่เป็นเงินบาทสูงขึ้น ส่งผลทำให้ฐานะกองทุนน้ำมันยิ่งติดลบมากขึ้นไปอีกจากการตรึงราคาน้ำมัน ส่วนการไฟฟ้าก็มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิงที่สูงขึ้นเช่นกัน พอไปตรึงราคาไฟฟ้า ก็ยิ่งทำให้ฐานะทางเงินของการไฟฟ้ายิ่งแย่ลงไปอีก ถึงแม้ว่าเงินบาทที่อ่อนอาจจะช่วยทำให้ผู้ส่งออกมีความสามารถในการแข่งขันมากขึ้นบ้างก็ตาม
นอกจากนี้ การเตรียมการกู้เงิน เพื่อโครงการประชานิยมต่าง ๆ กำลังทำให้เกิด crowding out effect ที่การกู้เงินจำนวนมาก กำลังทำให้เกิดแนวโน้มดอกเบี้ยขาขี้น โดย Thai Government Bond Yield 10 ปี ได้ขึ้นไปแล้วมากถึง 70 basis point ภายในระยะเวลาเพียงประมาณ 1 เดือน
3
ต้นทุนการกู้ยืมเงินของทั้งรัฐบาล และเอกชนจึงมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นกว่าเดิม และจะส่งผลถึงการใช้จ่ายการลงทุนของเอกชน และการใช้จ่ายของประชาชนที่ลดลงไปอีก นี่ยังไม่รวมถึง NPL ที่จะสูงขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอีกด้วย
ส่วนนักลงทุนเองก็ชะลอการซื้อหุ้นกู้เอกชน เนื่องจากมีความกังวลเรื่องของโอกาสในการผิดนัดชำระหนี้ที่สูงขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งยังไม่แน่ใจในเรื่องทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในอนาคต อันเกิดการใช้จ่ายเงินอย่างหนักของภาครัฐ
ในมุมของดุลการชำระเงินต่าง ๆ โครงการประชานิยมเหล่านี้น่าจะส่งผลทำให้เกิดปัญหาขาดดุลในทุก ๆ ด้านไม่ว่าจะเป็นดุลบัญชีเดินสะพัด ดุลบัญชีงบประมาณของรัฐ ดุลการค้า รวมไปถึงดุลการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนอีกด้วย
ส่วนความน่าเชื่อถือทางด้านเครดิตของรัฐบาลก็กำลังลดต่ำลง Fitch ก็ได้ออกมาเตือนแล้วว่าถ้าทำนโยบายแบบนี้ คงจะต้องพิจารณาลดความน่าเชื่อถือลง
2
ส่วนในภาคตลาดทุน แทนที่ปีนี้จะเป็นปีที่เกิดการระดมทุนอย่างมากอย่างที่คาดการณ์เอาไว้ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของไทยกลับทำให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลง 2.56% (MoM) และ 9.55% (YTD) จนบริษัทที่มีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์หลายรายเลื่อนการเข้าระดมทุนออกไปอีก
ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งทำให้โครงการประชานิยมที่หวังว่าจะทำให้เกิดพายุหมุน อาจจะเป็นพายุหมุนทางลบที่ทำลายความเชื่อมั่นในการลงทุนก็เป็นได้ แล้วอย่างนี้เรายังควรจะดื้อดึงทำโครงการประชานิยมที่เกินตัว โดยไม่มีนโยบายในการหารายได้เพิ่มเติมที่ชัดเจนอีกหรือไม่?
1
โฆษณา