Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าเมาเมาแมน
•
ติดตาม
22 ก.ย. 2023 เวลา 09:56 • การเมือง
นโยบายรัฐบาล สถานการณ์โลก แย่สำหรับไทย…
การอ่อนค่าของเงินบาท การขึ้นของราคาทองคำในประเทศ
มีที่มาจากเหตุผลที่เกี่ยวเนื่องกัน
คือ ต่างชาติเทขายสินทรัพย์ไทยติดๆ กันมาสักพักใหญ่ๆแล้ว
จนเงินบาทอ่อนค่า แล้วมาทำให้ราคาทองคำในประเทศสูง
สวนทางกับราคาทองคำเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ
ในมุมหนึ่ง อาจเป็นเพราะการขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐทำให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า นักลงทุนจึงทิ้งสินทรัพย์สกุลบาทแล้ววิ่งเข้าหาผลตอบแทนที่สูงทางโน้นแทน
…แต่สิ่งหนึ่ง ที่ไม่อาจปฏิเสธได้ คือการทิ้งสินทรัพย์ไทยนั้น
มีผลจากความไม่เชื่อมั่นต่อนโยบายของรัฐบาลไทยเอง…
…และผลของสถานการณ์โลกที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ในสายตานักลงทุนนั้น ไม่สู้ดีนัก ซึ่งก็ต้องยอมรับว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
เมื่อดูจากตัวเลขการส่งออกในปัจจุบัน
…ซึ่งถ้าวิเคราะห์กันตรงๆ มันก็มีเหตุผลที่ดี
ที่นักลงทุนจะคิดแบบนั้น…
กับนโยบายรัฐบาล นักลงทุนส่ายหัว…
ในมุมมองนักลงทุน เขามองว่านโยบายรัฐบาล
กำลังทำให้สินทรัพย์สกุลบาท ตกอยู่ในความเสี่ยงอย่างมาก
หลายโครงการใช้เงินมหาศาล จนน่าจะมีปัญหาการคลัง
ในอนาคต นี่คือสาเหตุหนึ่งที่ทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น
ปัจจุบัน ประเทศไทยก็มีหนี้สาธารณะสูงมากอยู่แล้ว
แม้จะไม่เท่าประเทศใหญ่ๆ
แต่เราต้องไม่ลืมว่าความสามารถในการหาเงินของเรา
มันเทียบกับพวกเขาไม่ได้
เมื่อเป็นแบบนั้น ความกังวลว่า ตราสารต่างๆ อาจผิดนัดชำระหนี้ได้ มันจึงเกิดขึ้น แล้วเทขายออกมา จนเงินบาทอ่อนรวดเร็ว
อย่างที่เห็น
กับโครงการแจกเงินหนึ่งหมื่นนั้น นักลงทุนดูจะไม่ได้มองว่า
มันจะทำให้หุ้นบางตัวได้รับอานิสงส์มากมายอะไรนัก
เพราะกฎเกณฑ์ที่เป็นแนวทางที่เป็นข่าว
บริษัทยักษ์ใหญ่อาจไม่ได้ผลประโยชน์มากมายอะไร
และอาจเป็นในทางตรงข้ามด้วยซ้ำ เพราะชาวบ้านมีความจำเป็นต้องใช้เงินเหล่านี้ กับผู้ประกอบการระดับบ้านๆด้วยกัน
ไม่ได้เป็นประโยชน์โดยตรงกับทุนใหญ่
ทำให้มองได้ว่า หุ้นที่ว่าแข็งๆ และผูกขาด
ก็ไม่น่าได้ประโยชน์ไปด้วย
การตอบสนองของนักลงทุน มันจึงไม่ได้ทำให้ราคาหุ้นใหญ่ๆ
พุ่งปรี๊ด อย่างที่คิดกันไว้แต่ตอนแรก
ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจจีน ที่เกี่ยวข้องกับเรามาก
ค่อนข้างชะลอตัวอย่างรุนแรง ด้วยหลายเหตุผล
มันจึงยิ่งมีแนวโน้มว่า การแจกเงินผ่านโครงการต่างๆ
ของรัฐบาลเศรษฐา น่าจะล้มเหลว และสร้างปัญหามากกว่า
…นี่น่าจะเป็นมุมมองของนักลงทุนต่อนโยบายรัฐบาล…
การเมืองโลกสองขั้ว ไม่ได้เป็นผลดีกับไทย
ในสภาพที่โลกกำลังยุ่งเหยิง แบ่งฝ่ายทางการเมือง
มีปัญหาขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์โลกแบบที่เป็นอยู่นี้
มันทำให้ชาติเล็กๆ ไม่สามารวางตัวให้ชัดเจนได้ว่าจะไปทางไหนระหว่างขั้วอำนาจ นั่นทำให้นักลงทุนคิดหนักอยู่แล้ว
2
การเลือกพื้นที่ลงทุนที่ปลอดภัยที่สุด ก็คือการกลับไปหาที่
ที่ดูจะมีความมั่นคงทางการเงินสูงที่สุด
และได้รับผลกระทบน้อยที่สุดเอาไว้ก่อน
เมื่อยุโรปไม่ดี และอยู่ใกล้พื้นที่สงคราม
จีนมีปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง
ส่วนทางญี่ปุ่นให้ผลตอบแทนน้อย ดอกเบี้ยต่ำ
มันจึงเหลือแค่สหรัฐ ที่ไกลจากความขัดแย้ง
และเป็นชาติที่ไม่ต้องพึ่งพาภายนอกมากนักเท่านั้น
ที่ยังพอจะไว้ใจได้ แถมผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลก็สูง
นักลงทุนคงไม่ได้มองที่ทฤษฎีสมคบคิด ว่าถึงกาลล่มสลาย หรือการต้องอิงกับทองคำหรือไม่ ของตราสารสกุลดอลลาร์
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร ดอลลาร์ก็คงไม่พังไปภายใน 20-30
ปีนี้แน่ และมันให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง
จึงน่าสนใจที่สุดเงินมันจึงไปทางนั้น
อีกทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ ก็ดูดีในแง่ผลตอบแทน
ในสถานการณ์แบบนี้การที่ไทยไปมีนโยบายผลาญเงิน
ลักษณะที่กำลังจะทำอย่างการแจกแหลก
หรือแม้กระทั่งแนวรัฐสวัสดิการในแนวของก้าวไกล
รวมถึงเมกะโปรเจ็คอย่างแลนด์บริดจ์ที่วางแผน
มาตั้งแต่รัฐบาลลุง
ที่แต่ละโครงการล้วนใช้เงินมหาศาล
และยากที่จะได้ผลลัพธ์กลับมาอย่างรวดเร็ว
มันก็ยิ่งไปผลักให้นักลงทุนทิ้งบาท เพื่ิอลดความเสี่ยงนั่นเอง
ในฐานะประเทศส่งออก โลกที่สงบสุขภายใต้กฎ
ของ WTO นั้นดีกับไทยที่สุดที่จริงแล้ว
ที่จริง ไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่ได้ประโยชน์ที่สุด
จากกระแสโลกาภิวัตน์ในช่วงก่อนหน้านี้ ( 42- โควิด )
เราสามารถฟื้นจากต้มยำกุ้งได้ ก็เพราะมีการส่งออกที่ดี
และไปได้ทั่วโลกในทางตรง
ส่วนในทางอ้อมนั้น เราก็ส่งสินค้าวัตถุดิบให้จีนได้มากกว่าตอนนี้มาก เพราะสมัยนั้นจีนไม่ได้มีปัญหากับชาติตะวันตก
จึงต้องการวัตถุดิบมาก เพื่อผลิตแล้วส่งสินค้าไปขายฝรั่ง
นั่นทำให้เศรษฐกิจไทยค่อนข้างดี และแข็งแรงในช่วงนั้น
ปัจจุบันสถานการณ์เปลี่ยนไป แต่ไทยเรานั้น
ยังมองโลกด้วยตรรกะเดิม
คือ มองว่าเรายังค้าขายได้กับทุกฝ่าย ทั้งที่ความจริงมันไม่ใช่
การกีดกันทางการค้าของโลกตะวันตกต่อจีน
ทำให้จีนขายของได้น้อย เศรษฐกิจถดถอย พวกเขาก็ย่อม
สั่งซื้อสินค้า หรือกระทั่งมาเที่ยวน้อยลง
การที่สถานการณ์โลกตึงเครียด มหาอำนาจหาพวก
มันทำให้พวกเขาบีบทางเศรษฐกิจ ไม่ให้ชาติที่ต้องการได้
มาเป็นพวก สามารถทำการค้ากับอีกฝ่ายได้สะดวกเหมือนเดิม
การเทไปทางใดทางหนึ่งมากเกินไป จะทำให้ถูกอีกฝ่ายตั้งแง่
จนนำไปสู่การกีดกันทางการค้า ด้วยมาตรการทางภาษีได้
ลักษณะนี้ ทำให้ประเทศผู้ส่งออกวางตัวลำบากมาก
สิ่งเหล่านี้ทำให้ความซวยมาตกอยู่ที่ไทย
เพราะหากค้าขายไม่คล่องตัว ก็จะไม่สามารถหารเงินมา
จ่ายหนี้ได้ หากต้องกู้มาแจกจริงๆ ตามนโยบายของรัฐบาล
การสิ้นสุดของโลกาภิวัตน์นั้น มีผลกับไทย
มากกว่าที่คนทั่วไปเข้าใจมาก และมันมีแต่ผลเสียเท่านั้น
ไม่มีเรื่องดีใดๆจากสถานการณ์ในโลกที่เป็นอยู่ต่อไทยเลย
ยิ่งถ้าระบบดอลลาร์พังทลายจริงๆ
ไทยจะเป็นประเทศแรกๆ ที่ต้องพังพินาศทางเศรษฐกิจ
(ดังนั้นบางครั้ง ผมจึงไม่เข้าใจว่าทำไมถึงอยากให้มันพังกันจัง)
มันน่าสนใจว่า สิ่งต่างๆที่เป็นอยู่นี้ จะนำไปสู่ปลายทางแบบไหน
ไทยจะเกิดวิกฤติการเงินรอบใหม่ที่รุนแรงกว่าเก่าหรือไม่
หากรัฐบาลแจกแล้วเจ๊ง ตามที่นักลงทุนคาดการณ์
ซึ่งถ้าเกิด มันคงยากกว่าต้มยำกุ้งเสียอีก กว่าเราจะฟื้นตัวได้
เพราะสถานการณ์โลก มันไม่เอื้อให้เรากลับมาได้แบบโกงความตายอีกแล้ว
…แต่ถ้ามองแง่ดี นี่ก็ดีเหมือนกัน ที่สัญญาณจากนักลงทุนออกมาเป็นแบบนี้ มันชัดเจนดี น่าจะทำให้รัฐบาลหยุดคิดบ้าง…
เพราะทุกรัฐบาล ก็ฟังเสียงนักลงทุนมากกว่าชาวบ้านอยู่แล้ว
หากสถานการณ์ในตลาดทุนยังเป็นแบบนี้
บางทีรัฐบาลอาจหยุดโครงการแจกแบบไร้สาระนี่ไว้ก่อนก็ได้
1
…เพราะตัวนายกฯเองก็คงเจ๊งไม่ใช่น้อยหรอก ถ้าเป็นแบบนี้
…แกก็ห่วงตัวเองเหมือนกันนั่นแหละ 🤣🤣🤣….
เศรษฐกิจ
การเงิน
ความคิดเห็น
2 บันทึก
16
6
2
2
16
6
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย