27 ก.ย. 2023 เวลา 07:26 • ข่าว

สรุปงาน LINE Conference Thailand 2023

LINE ประเทศไทย จัดงานสัมมนาเทคโนโลยีครั้งใหญ่ LINE Conference Thailand 2023 ซึ่งเป็นงานที่ LINE ประเทศไทย จะมาประกาศวิสัยทัศน์ กลยุทธ์ที่จะก้าวต่อไป รวมถึงโปรดักต์หรือฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจ
โดยนอกจากสถิติต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวการใช้งานไลน์ของคนไทยแล้ว หนึ่งในโปรดักต์พระเอกที่ไลน์หยิบขึ้นมาพูดถึงในงานนี้ก็คือ ‘กรุ๊ปแชต’ ที่มีการเติบโตขึ้นมาก ซึ่งไลน์ก็ประกาศว่าจะมุ่งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อการทำงาน และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือการที่ไลน์บอกว่าจะเป็น ‘แพลตฟอร์มเปิด’ ที่พร้อมเชื่อมต่อกับเทคโนโลยีอื่นๆ อีกมากมาย
ดร.พิเชษฐ ฤกษ์ปรีชา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE ประเทศไทย บอกว่า ไลน์อยู่เคียงคู่กับผู้ใช้งานชาวไทยมา 12 ปีแล้ว และได้สร้างผลิตภัณฑ์มากมายที่สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ตลอดเวลา ใช้ง่าย และทำให้ชีวิตดีขึ้น
โดยปัจจุบัน ไลน์ก็เติบโตขึ้นมาก มี LINE Official Account ถึง 6 ล้านบัญชี ผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจาก 44 ล้านคนในปี 2019 เป็น 54 ล้านคนในปัจจุบัน ซึ่งน่าจะเกิน 90% ของจำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตในไทย และเรียกได้ว่าไลน์กลายเป็นแพลตฟอร์มแชตอันดับ 1 ของไทยแล้ว
ดร.พิเชษฐ บอกว่า แต่ถึงอย่างนั้นไลน์ก็อยากจะยกระดับตัวเองให้เป็นมากกว่าแอปแชต แต่ต้องการจะเป็น Hyper-Localized Technology ซึ่งหมายถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคในประเทศได้ เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยเติบโตในยุคดิจิทัลได้ในหลากหลายมิติอย่างมั่นคงและยั่งยืน
[ ไม่ทิ้งจุดแข็ง Group Chat เล็งพัฒนาโซลูชั่นเพื่อการทำงาน ]
ภายในงาน ‘นรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร’ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ (COO) ยังได้เผยถึงบริการพื้นฐานอย่าง ‘แชท’ ที่เป็นจุดแข็งของ LINE ซึ่งยังคงได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Group Chat ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนไทย สะท้อนจากสถิติการเติบโตที่สูงขึ้นกว่า 56% ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ยังมีสถิติที่น่าสนใจอื่นๆ ของกรุ๊ปแชตอีก คือ
-มีกรุ๊ปแชต 10 ล้านกรุ๊ปที่แอคทีฟ
-มีการส่งรูปภาพมากกว่าผู้ใช้งานประเทศอื่น 68%
-มีการส่งไฟล์มากกว่าผู้ใช้งานประเทศอื่น 67%
-มีการส่งไฟล์เสียง หรือ audio มากกว่าประเทศอื่น 33%
-มีการส่งวิดีโอมากกว่าประเทศอื่น 21%
หากจะถามว่า ‘ใคร’ ใช้กรุ๊ปแชตบ้าง ข้อมูลจากไลน์ระบุว่า 27% เป็นกลุ่มการศึกษา, 77% ใช้ในการทำงาน, 80% เป็นกลุ่มครอบครัว และ 82% เป็นกลุ่มเพื่อน
นอกจากนี้ ครอบครัวที่มีกรุ๊ปแชตยังช่วยเพิ่มความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ โดยกรุ๊ปแชตเพิ่มการพูดคุยในครอบครัวถึง 77% ที่น่าสนใจคือครอบครัวขยาย หรือครอบครัวที่มีผู้สูงอายุอยู่คนละบ้านกับลูกหลาน ผู้สูงอายุจะเป็นกลุ่มที่แอคทีฟในกรุ๊ปแชตมากกว่าผู้สูงอายุที่อยู่บ้านเดียวกันกับลูกหลานถึง 24%
หากมาดูเรื่องการใช้ ‘กรุ๊ปแชต’ เพื่อคุยงาน จะพบว่าคนอายุ 25-45 ปี แอคทีฟมากที่สุดในการคุยในกรุ๊ปแชต
ไลน์ยังสรุปข้อมูลเฉลี่ยจำนวนกรุ๊ปแชตของแต่ละคน โดยพบว่าแต่ละคนนั้นมีกรุ๊ปครอบครัว 4 กรุ๊ป, กรุ๊ปการศึกษา 5 กรุ๊ป, กรุ๊ปเพื่อน 7 กรุ๊ป และกรุ๊ปงาน 9 กรุ๊ป
และในกรุ๊ปแชตคุยงาน 9 กรุ๊ป 83% มีการใช้งานแบบแอคทีฟทุกวัน และบางคนใช้กรุ๊ปคุยงานถึง 7 วัน/สัปดาห์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องตั้งคำถามถึง work-life balance
‘นรสิทธิ์’ บอกว่าประเด็นดังกล่าวนำมาสู่ความมุ่งมั่นของไลน์ที่ในช่วงปี 2023-2024 จะมุ่งพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ Work Group สำหรับคนไทย เพื่อสร้างความสมดุลระหว่างการทำงาน การใช้ชีวิต และครอบครัวไปด้วยกัน
โดยโซลูชั่นใหม่ๆ ที่คาดว่าจะได้เห็นในกรุ๊ปแชตในอนาคต เช่น
-การทำนัดหมายได้โดยไม่ต้องถามกันไปมา เลือกเวลาที่ตรงกันได้
-จัดการไฟล์ที่ไม่อยากให้หมดอายุได้ เช่น นำไปเก็บในโฟลเดอร์ได้
นอกจากนี้ สำหรับกลุ่มเพื่อน ในกรุ๊ปก็จะมีข้อมูลร้านอาหาร, แชร์ร้านอาหาร โลเคชั่น รวมถึงหารค่าใช้จ่ายกันได้เลย
[ เปิดตัว LINE Stickers Premium ]
นอกจากนี้ ไลน์ยังได้เปิดตัว LINE STICKERS PREMIUM ซึ่งเป็นระบบ subscription หรือเช่าใช้ ให้ลูกค้าใช้สติกเกอร์ได้แบบเหมาจ่ายรายเดือน/รายปี เป็นทางเลือกสำหรับคนที่อยากใช้งานสติกเกอร์ได้หลากหลาย ได้มีทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น
สำหรับแพคเกจ LINE STICKERS PREMIUM มี 2 รูปแบบด้วยกัน คือ
-Basic เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์ที่ชอบ ราคา 69 บาท/เดือน และ 699 บาท/ปี
-Deluxe เข้าถึงได้ 9 ล้านสติกเกอร์, มี AI ช่วยแนะนำสติกเกอร์, เข้าถึงธีมได้ 1.5 ล้านธีม และ 1.2 แสนอีโมจิ ราคา 139 บาท/เดือน และ 1,300 บาท/ปี
สำหรับสติกเกอร์ที่สามารถดาวน์โหลดได้จะต้องเป็นสติกเกอร์ที่อยู่บน LINE มาแล้ว 6 เดือนขึ้นไป โดยหากไม่ได้จ่ายเงินแล้ว ก็จะไม่สามารถใช้สติกเกอร์ที่โหลดมาได้
โดยบริการดังกล่าวพร้อมใช้งานแล้ววันนี้ ทั้งนี้ สำหรับครีเอเตอร์จะได้รับส่วนแบ่งตามสัดส่วนการใช้งานจริงของลูกค้า
[ มุ่งสู่การเป็นแพลตฟอร์มเปิด ]
‘วีระ เกษตรสิน’ รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายผลิตภัณฑ์ (CPO) กล่าวว่า LINE ประเทศไทยเล็งเห็นความสำคัญในด้านการพัฒนาเทคโนโลยีมาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะองค์กรเทคฯ เพื่อคนไทย
โดยในช่วง 5 ปีจากนี้ LINE จะมุ่งสู่การเป็น “แพลตฟอร์มเปิด” ที่พร้อมเปิดรับการเชื่อมต่อกับหลากหลายเทคโนโลยีนำสมัย นำมาซึ่งผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องกับพฤติกรรมของคนไทย ทั้งในด้านผู้ใช้งาน ธุรกิจ และพันธมิตร โดยอาศัยแนวคิดตั้งต้นจากทีมงาน LINE ประเทศไทย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการสำหรับตลาดไทยโดยเฉพาะ ผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญ ได้แก่
1.Extensive Plug-Ins เปิดการเชื่อมต่อกับระบบหรือโซลูชั่นอื่น ๆ อย่างหลากหลาย ทั้งโซลูชั่นที่คิดค้นเพิ่มเติมโดย LINE เอง และระบบที่พาร์ทเนอร์หรือนักพัฒนาทั่วไปได้พัฒนาขึ้นมา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการสรรค์สร้างผลิตภัณฑ์และบริการให้ตอบโจทย์ผู้ใช้ชาวไทยในมิติที่กว้างและลึกขึ้น
2.Data Utilization ส่งเสริมให้พันธมิตรและนักพัฒนาสามารถเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทั้งในเชิงปริมาณและคุณภาพอย่างไร้รอยต่อ นำไปสู่การใช้ข้อมูลเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตได้อย่างแท้จริง
3.Performance Marketing เพิ่มประสิทธิภาพทางการตลาดบนแพลตฟอร์ม ด้วยศักยภาพการจัดการและวิเคราะห์ข้อมูลที่แข็งแกร่งขึ้น สร้างการเติบโตให้ภาคธุรกิจผ่านโซลูชั่นต่าง ๆ ของ LINE ได้อย่างยั่งยืน
4.Privacy Focused คงไว้ซึ่งการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้อย่างเคร่งครัด
[ ปู 3 โร้ดแมป ยกระดับเทคโนโลยี ]
1.Customer Data Tools เพิ่มขีดความสามารถในจัดการข้อมูลลูกค้าผ่านเครื่องมือ MyCustomer ในการเก็บรวบรวม 1st Party Data ของผู้บริโภค โดยให้อำนาจร้านค้าในการเข้าถึงและจัดการข้อมูลได้มากกว่าที่เคย ภายใต้ขอบเขตการยินยอมจากผู้บริโภคตามกฎหมาย โดยมีแผนการเปิดตัว MyCustomer สำหรับกลุ่มธุรกิจรายย่อย (SME) และในอนาคต สำหรับกลุ่มธุรกิจที่ต้องการบริหารจัดการข้อมูลเพื่อการทำ CRM โดยเฉพาะ
2.Ads Improvement ปรับปรุงเครื่องมือสำหรับการโฆษณาบน LINE ให้สามารถวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ข้อมูลที่แบรนด์ได้มาเพื่อขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจได้ดียิ่งขึ้น อาทิ การเพิ่ม Segment ในการหากลุ่มเป้าหมายผ่าน Persona Targeting ให้เฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น
และการเปิดให้ภาคธุรกิจ ร้านค้า สามารถนำข้อมูลพฤติกรรมผู้บริโภคบน LINE SHOPPING มาวิเคราะห์แบ่งกลุ่ม เพื่อการยิงโฆษณาผ่าน LINE ADS ได้แม่นยำและครอบคลุมขึ้นกว่าเดิม เป็นต้น
3.API & Plug-In เปิดขยายการเชื่อมต่อ API ให้มีความหลากหลายและตอบโจทย์เฉพาะด้านได้อย่างครอบคลุมขึ้น อาทิ LINE SHOPPING API, Messaging API รวมถึงแผนการเปิดตัว LINE OA Plus Plug-in Store แหล่งรวมโซลูชั่นสำหรับนักพัฒนานอกองค์กร LINE ในการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ ๆ และยังเป็นโอกาสสำหรับภาคธุรกิจไทย ในการมองหาโซลูชั่นให้ตรงกับความต้องการ
#TODAYBizview
#MakeTomorrowTODAY
โฆษณา