29 ก.ย. 2023 เวลา 09:46 • กีฬา

ทำไม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคปัจจุบัน ถึงมีคอนเทนต์เยอะกว่าทีมใด

ปฏิเสธไม่ได้ว่าทีมที่ถูกพูดถึงในโลกลูกหนังมากที่สุดทีมหนึ่ง และยังคงสถานะนี้เรื่อยมาคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ไม่ว่าจะเรื่องผลการแข่งขันที่ออกมาทั้งชนะ เสมอ หรือแพ้ ตลอดจนเรื่องราวอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับสโมสร โดยเฉพาะเรื่องฟอร์มการเล่นของนักเตะและกุนซือแต่ละคน ล้วนแต่ถูกจัดให้อยู่ในวาระข่าวหน้าหนึ่งสื่อออฟไลน์ หรือติดท็อปเทรนด์บนสื่อสังคมออนไลน์เป็นว่าเล่น
1
ยิ่งใครทำผิดพลาดบ่อย ๆ เรามักจะเห็นคำที่ตรงข้ามกับคำว่า "คนล้มอย่าข้าม" ปรากฏขึ้นมากมาย
1
เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น ลองมาหาคำตอบพร้อม ๆ ไปกับ Main Stand
ทีมมหาชนของคนทั้งโลก
ไม่ว่าจะมีการจัดอันดับความยิ่งใหญ่ของสโมสรฟุตบอลทั่วโลกครั้งใด แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็มักจะเป็นทีมที่ติดโผในอันดับต้น ๆ อยู่เสมอ
ยกตัวอย่างในปี 2017 นิตยสาร Forbes ของสหรัฐอเมริกา เปิดเผยถึงสโมสรยอดนิยมในหมู่แฟนลูกหนังทั่วโลก โดยพบว่าปีศาจแดงเป็นสโมสรที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกที่ 3,689 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 128,700 ล้านบาท) และเป็นหนแรกในรอบ 5 ปีที่ทีมถูกจัดให้อยู่ในอันดับหนึ่ง
มูลค่าที่ถูกเชิดหน้าชูตาในครั้งนี้มาจากรายได้ที่ทีมขายโฆษณาและสปอนเซอร์ การขายตั๋วชมการแข่งขัน การขายเสื้อและของที่ระลึก ตลอดจนรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก
และต่อให้ช่วง 5 ปีให้หลัง (2022) แมนฯ ยูไนเต็ด จะเสียตำแหน่งทีมที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกฟุตบอลจากการจัดอันดับโดย Forbes ให้กับ เรอัล มาดริด และ บาร์เซโลน่า ทว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ยังคงเกาะอยู่ในอันดับที่สาม เรียกได้ว่าเกาะติดอันดับท็อปอย่างเหนียวแน่น
1
เช่นเดียวกับความเป็นมหาชนในแง่ของแฟนบอลที่ติดตาม ดังสถิติที่เว็บไซต์ Goal.com เคยเก็บข้อมูลในปี 2022 พบว่า แมนฯ ยูไนเต็ด คือสโมสรฟุตบอลที่มีค่าเฉลี่ยแฟนบอลเข้าชมเกมในสนามมากที่สุด โดยคิดค่าเฉลี่ยจากความจุของ โอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ 74,310 ที่นั่ง พบว่ามีแฟน ๆ ปีศาจแดงเดินทางเข้ามาชมเกมในสนามเฉลี่ยถึง 73,690 คนเลยทีเดียว
ความเป็นมหาชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังสามารถนับได้จากยอดผู้ติดตามในโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก ที่มียอดการกดไลก์ (นับในวันที่ 28 กันยายน 2023) แตะหลัก 76 ล้านบัญชี และมียอดการติดตามถึง 82 ล้านบัญชี เรียกได้ว่ามากกว่าทุกทีมในพรีเมียร์ลีก
หรือหากมองความเป็นที่นิยมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในหมู่แฟนบอลไทยก็จะพบถึงความนิยมที่มีเหนือทีมอื่น ๆ เห็นได้จากผลสำรวจของ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ในนาม นิด้า โพลล์ เมื่อเดือนสิงหาคม 2023 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีแฟนฟุตบอลคนไทยชื่นชอบมากที่สุดที่ร้อยละ 34.59 รองลงมาเป็น ลิเวอร์พูล ที่ร้อยละ 31.79
2
ไม่ว่าจะด้วยความผูกพันที่แฟนบอลแต่ละคนติดตามกันมา หรือที่อังกฤษที่ติดตามเพราะความเป็นทีมท้องถิ่น และฟุตบอลมีความผูกโยงไปกับชีวิตประจำวันชนิดแยกกันไม่ขาด
ขณะที่แฟนบอลชาติอื่น ๆ อย่างสาวกปีศาจแดงชาวไทยก็อาจจะติดตามจากสื่อกีฬายุคดั้งเดิมอย่างหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ ที่รายงานผลการแข่งขันของทีม ส่วนแฟน ๆ รุ่นใหม่ก็อาจจะได้รับอิทธิพลจากครอบครัวที่เชียร์กีฬา ไปจนถึงสื่อออนไลน์ที่เข้ามามีบทบาทในชีวิต ฯลฯ
ที่สำคัญยากจะปฏิเสธว่าความนิยมและการติดตาม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของแฟนบอลทั่วโลกเกิดจากการที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมมากด้วยประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะกับทั้งการแข่งขันในระดับนานาชาติ ระดับทวีป ตลอดจนในระดับลีกอังกฤษ
โดยเฉพาะความยิ่งใหญ่ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
มรดกยุคเฟอร์กี้
นับตั้งแต่ที่ทีมปีศาจแดงมีกุนซือสกอตติชเข้ามาคุมทัพ สโมสรได้เข้าสู่ยุคแห่งความสำเร็จอย่างแท้จริง และได้รับการยอมรับเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะช่วงปลายยุค 90s เรื่อยมาจนถึงปี 2013 หรือปีสุดท้ายที่เฟอร์กูสันอยู่คุมทัพ
1
เทรเบิลแชมป์ไร้เทียมทานในปี 1999 เจ้าของแชมป์พรีเมียร์ลีก 13 สมัย ไปจนถึงการพัฒนานักเตะหลายคนสู่แกนหลักของสโมสร ไม่ว่าจะเป็นแก๊งคลาส ออฟ 92 เช่นพี่น้องตระกูลเนวิลล์อย่าง แกรี่ และ ฟิลด์, นิคกี้ บัตต์ รวมถึง เดวิด เบ็คแฮม ฯลฯ เช่นเดียวกับการปั้นและมอบโอกาสให้ซูเปอร์สตาร์ในรอบทศวรรษหลังทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์ ไปจนถึง เนมันย่า วิดิช กลายเป็นนักเตะระดับแถวหน้าของโลก
มันถือความสำเร็จผ่านโทรฟี่มากมายบวกกับการพัฒนานักเตะในทีมที่หล่อหลอมให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่ไร้เทียมทาน และยากจะต่อกรด้วยอยู่บ่อยครั้ง
ต่อให้นักเตะที่เคยร่วมงานด้วยบางส่วนจะเคยรู้สึกไม่พอใจในตัวบรมกุนซือรายนี้ไปบ้าง แต่แทบจะทุกคนก็ยอมรับเป็นเสียงเดียวกันถึงฝีไม้ลายมือการคุมทีมของเฟอร์กูสัน
2
เช่น รุด ฟาน นิสเตลรอย อดีตศูนย์หน้าชื่อก้องของพรีเมียร์ลีก ที่เคยมีข่าวผิดใจกับเฟอร์กูสัน หลังกุนซือแดนวิสกี้ตัดสินใจปล่อยเขาออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด แล้วเลือกเก็บดาวรุ่งอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ไว้กับทีมแทน
1
"ผู้จัดการทีมที่ดีที่สุดก็ต้องเป็น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผมร่วมงานกับเขานานที่สุด ผมมองย้อนกลับไปตลอด 5 ปีที่อยู่ที่นั่น" อดีตหัวหอกทีมชาติเนเธอร์แลนด์ เปิดใจ
"ผมเรียนรู้อะไรมากมายจากเขา เมื่อคุณพัฒนาตัวเองในฐานะโค้ช คุณย่อมมองย้อนกลับไปยังผู้จัดการทีมที่คุณเคยร่วมงานด้วย สิ่งที่เขาทำนั้นชัดเจนมาก ทั้งสไตล์การเล่นและวิธีการจัดการในรายบุคคล เขาเป็นตัวอย่างในเรื่องพวกนี้ ผมมีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่นี่ (แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด)"
หลายสิ่งหลายอย่างที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ฝากไว้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในฐานะผู้จัดการทีม ได้กลายเป็น "มรดก" ชิ้นสำคัญที่มีคุณค่ากับสโมสรอย่างยากจะปฏิเสธ
ไม่ว่าจะเป็นการคงผลงานการเล่นในระดับสูงดั่งที่ทีมเคยทำได้จากความสำเร็จที่ออกมาเป็นรูปธรรมในรูปแบบของถ้วยรางวัล ไปจนถึงการเก็บชัยชนะให้ได้มากกว่าผลเสมอหรือแพ้
พร้อม ๆ กันกับการมีคาแร็กเตอร์ความเป็นปีศาจแดงฝังดั่งเป็น DNA นี่ถือเป็นสิ่งที่ทีมควรจะทำให้ได้
ความคาดหวังที่เปลี่ยนไป & กลายเป็นทีมคอนเทนต์
จากความสำเร็จของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุคเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน มาสู่สถานการณ์ต่อจากนั้น กลับกลายเป็นว่าทีมเรด เดวิลส์ ทำผลงาน "ตรงข้าม" ไปกับความคาดหวังของแฟนบอลโดยสิ้นเชิง
ไล่มาตั้งแต่ซีซั่น 2013/14 หรือซีซั่นแรกของทีมที่ไม่มีเฟอร์กูสันแล้ว ผลงานของทีมปีศาจแดงก็ไม่ได้คงมาตรฐานเดิมเฉกเช่นที่เคยเป็นมา จากการจบที่ 7 ในพรีเมียร์ลีก
นับเฉพาะพรีเมียร์ลีก แชมป์หนล่าสุดที่ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้รับเกิดขึ้นในซีซั่น 2012/13 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายที่เฟอร์กูสันเป็นกุนซือ ส่วนช่วงเวลาต่อจากนั้นอันดับที่ดีที่สุดของสโมสรคือรองแชมป์ในซีซั่น 2017/18 และ 2020/21
1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ปล่อยให้ทีมคู่แข่งจากบิ๊กโฟร์เพิ่มมาเป็นบิ๊กซิกซ์ มีคู่ต่อกรน่ากลัวยิ่งขึ้น ดังเช่นการผงาดขึ้นมาของอริร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปจนถึงการเห็นคู่รักคู่แค้นอย่าง ลิเวอร์พูล เถลิงแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ
กับมาตรฐานเดิมโดยเฉพาะผลงานในสนาม จากที่เคยอยู่สูงในยุคเฟอร์กูสัน ที่ แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมเกาะกลุ่มลุ้นแชมป์ในทุก ๆ ฤดูกาล มาช่วงหลังสโมสรกลับต้องเผชิญโจทย์ที่ยากขึ้นในทุกวัน
ต่อให้ยุคหลัง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทีมจะเคยได้แชมป์ยูโรปา ลีก, เอฟเอ คัพ และลีก คัพ แต่นั่นก็เทียบไม่ได้กับยุคก่อนหน้าที่เปรียบเสมือนของขึ้นหิ้ง
ยิ่งไปกว่านั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่มีภาพลักษณ์ออกไปในเชิง "ทีมคอนเทนต์" ในหมู่แฟนฟุตบอลยุคปัจจุบันมากกว่าทีมใด ๆ จากเหตุปัจจัยหลายประการ โดยเฉพาะจากภาพและตัวตนของนักเตะทั้งในและนอกสนามที่ปรากฏบนหน้าสื่อ
ท่ามกลางโลกยุคสมัยปัจจุบันที่สื่อสังคมออนไลน์สามารถเข้าถึงได้เพียงหนึ่งคลิก และสปอตไลต์สามารถส่องไปหานักเตะแบบรายบุคคลมากกว่ายุคอดีต สิ่งนี้เข้ามามีผลต่อเหล่านักเตะที่ตบเท้าเข้ามาเล่นที่ถิ่นโรงละครแห่งความฝันในฐานะทีมมหาชนอย่างยากจะหลีกเลี่ยง
นักเตะจำนวนไม่น้อยที่ถูกดึงมาร่วมทีมมักจะถูกยกไปเปรียบเทียบกับบรรดาแข้งผู้ยิ่งใหญ่ที่เฉิดฉายในยุคเฟอร์กูสันตั้งแต่วันเปิดตัวอยู่ก่อนแล้ว เพราะทุก ๆ ครั้งที่สโมสรเสริมขุมกำลังก็เปรียบเหมือนการเติมเต็มทีมให้ดูแกร่งขึ้นกว่าที่มีอยู่เดิม
แน่นอนว่าหากวันใดวันหนึ่งที่ใครผิดพลาดขึ้นมา โลกออนไลน์ที่ทุกคนแทบจะเป็นสื่อในมือตัวเองก็พร้อมจะเผยแพร่เรื่องราวของคนนั้น ๆ ให้สังคมโลกได้รับรู้โดยทั่วกัน
ยกตัวอย่างกรณี แฮร์รี่ แม็คไกวร์ กองหลังดีกรีทีมชาติอังกฤษค่าตัวมหาศาล 80 ล้านปอนด์ ที่ถูกซื้อมาในยุคโอเล กุนนาร์ โซลชา แรก ๆ ใครหลายคนถึงขั้นนำไปเปรียบเทียบว่าเขามีสิทธิ์ก้าวขึ้นไปเป็นขวัญใจแฟน ๆ ไม่แพ้สองคู่ปราการหลังระดับท็อปอย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ และ เนมานย่า วิดิช
อย่างไรเสีย แฮร์รี่กลับทำผลงานต่างไปจากสิ่งที่แฟนบอลคิด เมื่อความผิดพลาดครั้งแล้วครั้งเล่าของเขาถูกนำมาหยิกแกมหยอกจนกลายเป็น "คอนเทนต์" ให้ถูกพูดถึงในแนวตลกโปกฮาบนสื่อสังคมออนไลน์อยู่บ่อย ๆ
1
หรือแม้แต่แข้งใหม่แกะกล่องในซีซั่น 2023/24 อย่าง อองเดร โอนาน่า ที่ เอริค เทน ฮาก ดึงมาเติมแกร่งเป็นนายด่านมือหนึ่งแทนที่ ดาบิด เด เคอา ในฐานะโกลชุดที่หลงเหลือมาจากสมัยที่เฟอร์กูสันเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน
เนื่องด้วยผลงานในช่วงนี้ของทั้งตัวนายด่านแคเมอรูนและ แมนฯ ยูไนเต็ด เองที่ยังไม่ค่อยสู้ดี กลายเป็นว่าโอนาน่าเป็นอีกหนึ่งนักเตะ "จอมคอนเทนต์" ไปเสียอย่างนั้น แถมแฟน ๆ จำนวนไม่น้อยก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่ารู้สึกเสียดายที่ทีมปล่อย เด เคอา ซึ่งอยู่กับทีมเป็นเวลาถึง 12 ปี ออกไปในซัมเมอร์ที่ผ่านมา
1
ยังไม่นับคอนเทนต์นอกสนามอีกมากมายที่กลายเป็น "ข่าวใหญ่" ของสโมสรที่พร้อมให้สังคมได้คอมเมนต์ อย่างในช่วงต้นซีซั่น 2023/24 สโมสรยังมีเรื่องคาราคาซังกับทั้ง เจดอน ซานโช่ ที่มีข่าวขัดแย้งกับ เอริค เทน ฮาก ไปจนถึง แอนโทนี่ ที่ยังต้องเคลียร์ปัญหานอกสนาม
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ แมนฯ ยูไนเต็ด จากที่เคยยิ่งใหญ่และคาดหวังว่าจะต่อยอดจากความสำเร็จยุครุ่งเรืองได้ ถูกแปรเปลี่ยนไปตามมาตรฐานที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเรื่องขุมกำลัง
มิหนำซ้ำ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังกลายเป็นทีมที่แฟน ๆ ต้องมาลุ้นว่าในวัน ๆ หนึ่งจะเกิดคอนเทนต์อะไรกับทีมอีกบ้าง
กำลังใจเป็นเรื่องสำคัญ
สิ่งที่อาจจะทำให้เรื่องเหล่านี้ซาลงได้อาจจะต้องมาจากสปิริตภายในทีมหรือใจที่ฮึกเหิมของนักเตะที่ต้องการแก้ไขข้อผิดพลาด
ดังตัวอย่างจากบทสัมภาษณ์หลังเกมแพ้ บาเยิร์น มิวนิค 3-4 ของโอนาน่า ซึ่งเขาก้มหน้ารับความผิดพลาดและขอสู้เพื่อสโมสรต่อ
"มันเป็นความรับผิดชอบของผม ทีมไม่ชนะก็เพราะผม และผมต้องเรียนรู้จากมัน"
"มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบาก เราต้องช่วยเหลือและเรียนรู้จากความผิดพลาด นี่คือสิ่งเดียวที่ต้องทำในตอนนี้"
เช่นเดียวกับการให้กำลังใจจากตำนานสโมสรอย่าง เฟอร์ดินานด์ ที่เป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันชั้นดีให้โอนาน่า ในฐานะตัวแทนจากอดีตทีมให้กลับมาอยู่ในจุดเดิมได้อีกครั้งในเวลาอันใกล้
"ผมเคารพเขานะ สมัยเป็นนักเตะผมก็เคยแพ้เคยทำผิดพลาดและปฏิเสธที่จะพูดคุยกับสื่อในบางครั้ง นั่นแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าเขาทำสิ่งที่ถูกต้อง"
คำว่า คอนเทนต์ เกิดขึ้นได้กับทุกทีม โดยเฉพาะคอนเทนต์แง่ลบ อยู่ที่ว่าแต่ละทีมจะรับมือกับคอนเทนต์แต่ละเรื่องอย่างไร และหนึ่งในนั้นก็คือการทำผลงานในสนามออกมาให้ดีดังที่แฟน ๆ คาดหวัง
นี่คือโจทย์ที่ท้าทาย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในทุก ๆ ฤดูกาล
บทความโดย พชรพล เกตุจินากูล
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา