Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
29 ก.ย. 2023 เวลา 13:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
“ไม่ต้องเสียเวลา Search for Yield” แค่กลับไปลุย “พันธบัตรสหรัฐ”
ได้ 2 เด้ง “ผลตอบแทนดี-ความเสี่ยงต่ำ” - มีลุ้นกำไรดัก “ดอกเบี้ยขาลง” !!!
สาระ Fund วันละนิด: ทิศทาง “ดอกเบี้ยสหรัฐ” ณ ชั่วโมงนี้ ตลาดส่วนใหญ่มองว่ามีความชัดเจนแล้วว่าน่าจะจบดอกเบี้ยขึ้นในปีนี้ อาจจะปรับขึ้นได้อีกสักครั้งเป็นการทิ้งทวน (แม้จะมีส่วนน้อยบางค่ายมองต่างว่าอาจจะขึ้นไปไกลกว่าที่ตลาดคาดมากก็ตาม)
และน่าจะคงดอกเบี้ยไว้ในระดับสูงต่อเนื่องก่อนที่จะเริ่มหั่นดอกเบี้ยสู่วงจรขาลงในปลายปี24
ปัจจุบัน “ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐ” 5.50% ผลตอบแทน “พันธบัตรสหรัฐ 10 ปี” ก็ไต่ขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีมาแตะที่ระดับ 4.67% ไม่ต้องไปเสียเวลา “Search for Yield” ให้เสียเวลาอีกต่อไป
มาลงทุน “พันธบัตรสหรัฐ” ผลตอบแทนก็ดี ความเสี่ยงด้านเครดิตก็ต่ำเพราะสหรัฐเองมี Credit Rating S&P อยู่ที่ AA+ เรียกว่า “เรทติ้งก็ดี-ผลตอบแทนก็ดี” นี่จึงทำให้เงินทั่วโลกไหลกลับไปสู่ตลาดตราสารหนี้สหรัฐในช่วงที่ผ่านมา จนติดอยู่ในสินทรัพย์การลงทุนที่แนะนำกันมากสุดตัวหนึ่งในปีนี้
เมื่อ “US 10Y Bond Yield” ขยับ จะส่งผลให้สินทรัพย์ไหน “ปัง” หรือ “ไม่ปัง” ยังไงนั้น วันนี้ ทีมงาน ‘Wealthy Thai’ มีเรื่องราวที่น่าสนใจมาฝากกัน
“10Y Bond Yield” ขยับ...กระทบ “สินทรัพย์” แต่ละประเภทแตกต่างกันออกไป
การลงทุนมักมองความน่าสนใจในเชิงเปรียบเทียบ “ระหว่างสินทรัพย์” เพื่อจะจัดสรรเงินลงทุนไปลงทุนได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ในแต่ละขณะเป็นสำคัญ
“10Y Bond Yield” ก็เป็นตัวเทียบวัดหนึ่งที่นักลงทุนนิยมนำไปใช้ในการอ้างอิงเพื่อเปรียบเทียบความน่าสนใจของสินทรัพย์แต่ละประเภท โดยเฉพาะในกลุ่ม “สินทรัพย์เสี่ยง” เองนั้น แม้แต่การประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของหุ้นก็ยังมีเรื่องของ ‘ดอกเบี้ย’ เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน มาดูว่าการการขยับของ 10Y Bond Yield นั้น จะส่งกระทบต่อสินทรัพย์ต่างๆ ยังไงกันเลยดีกว่า
“หุ้น” ตัวเลขหนึ่งที่ใช้ดูก็คือ ‘Earning Yield Gap (EYG)’ คือ ส่วนต่างระหว่าง ‘Earning Yield’ ของตลาดหุ้นเมื่อเทียบกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ซึ่งปกติจะใช้อ้างอิงจาก ‘พันธบัตรอายุ 10 ปี’ ถ้าค่านี้สูงก็แสดงว่า Yield จากการลงทุนในหุ้นน่าสนใจกว่าการลงทุนในพันธบัตร นักลงทุนก็จะเข้าไปลงทุนในหุ้นกัน ซึ่งค่า Earning Yield ของหุ้น ก็คือส่วนกลับของ P/E Ratio นั่นเอง
“ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่ไม่สร้างกระแสรายได้ให้ในระหว่างลงทุน ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีปันผล ในช่วงที่ “10Y Bond Yield” ต่ำ เช่น กลางปี2020 ไม่ถึง 1% คนก็ไม่สนใจจะลงทุน ‘ไม่คุ้ม’ หรือมองในแง่ของ “ผลตอบแทนสุทธิ” ที่หักด้วย ‘เงินเฟ้อ’ ถ้าต่ำ หรือ ‘ติดลบ’ ยิ่งทำให้นักลงทุนไม่อยากจะลงทุน ‘ไม่คุ้ม’ ซึ่งในภาพรวมแล้วจะผลักดันให้มีการโยกเงินมาลงทุนใน ‘สินทรัพย์เสี่ยง’ มากขึ้นไม่ว่าทองคำหรือหุ้นก็ตาม
“แต่เมื่อ ‘10Y Bond Yield’ ปรับตัวขึ้นจนทำให้ผลตอบแทนน่าสนใจคุ้มค่าที่จะลงทุน นักลงทุนก็จะมองทองคำน่าสนใจลดลง เพราะระหว่างทางไม่มีผลตอบแทนให้นั่นเอง”
“กองอสังหาริมทรัพย์/REIT” เป็นสินทรัพย์กลุ่ม Yield Play นักลงทุนก็จะมองโดยเปรียบเทียบกับผลตอบแทนของพันธบัตรระยะยาว โดยทั่วไปถ้าผลตอบแทนของ REIT สูงกว่าผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาล 10 ปี มากกว่า 4% ก็ถือว่าน่าสนใจแล้ว ยิ่งมากก็จะยิ่งน่าสนใจเพิ่มขึ้น แต่ถ้าผลตอบแทนใกล้เคียงกัน หรือส่วนต่างน้อยกว่า 4% การลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลอาจมีความน่าสนใจมากกว่า เป็นต้น
“ตราสารหนี้” มองในมิติของ Yield เมื่อ “10Y Bond Yield” ของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้น ตลาดจึงมองว่าเงินลงทุนบางส่วนก็จะกลับไปลงทุนในพันธบัตรสหรัฐที่ผลตอบแทนดีขึ้นแทน และในแง่ของอันดับเครดิตก็แข็งแกร่ง
“แต่ในแง่ของราคาเมื่อ Yield เพิ่มขึ้น ราคาตราสารหนี้ก็จะลดลง แต่ถ้ามองจากจุดที่ดอกเบี้ยใกล้ถึงจุดสูงสุดเช่นตอนนี้ ความเสี่ยงก็ค่อนข้างจำกัด แต่ upside เปิดกว้างถ้าดอกเบี้ยกลับสู่ขาลงในปีหน้า”
“พันธบัตรสหรัฐ” เงินไหลกลับหวัง 2 เด้ง...ดัก “ดอกเบี้ยขาลง”
ในช่วงปลายวงจรดอกเบี้ยขาขึ้น ทิศทางของผลตอบแทน “พันธบัตรสหรัฐ 10 ปี” ก็เป็นที่จับตาด้วยเช่นกัน เพราะจะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ผลักให้ราคาสินทรัพย์แต่ละประเภทจะน่าสนใจเพิ่มขึ้นหรือลดลง ซึ่ง “พันธบัตรสหรัฐ” ก็เป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ต้องตามตำรานี้ ในช่วงที่ US 10Y อัตราผลตอบแทนเป็นขาขึ้น เงินก็ไหลกลับเข้าไปลงทุนในตลาดนี้อย่างชัดเจน
ไม่ต้องเสียเวลา “Search for Yield” อีกต่อไป กลับไปลงทุนพันธบัตรสหรัฐผลตอบแทนดีกว่า เรทติ้งดีกว่า เสี่ยงน้อยกว่า (ในแง่เครดิต)
“เทียบกับลงทุนในพันธบัตรไทย ที่เสี่ยงสูงกว่าในแง่เรทติ้งไทย Credit S&P อยู่ที่ BBB+ ต่ำกว่าสหรัฐ แต่กลับให้ผลตอบแทนที่ต่ำกว่า จึงไม่น่าแปลกใจถ้าจะมีเงินบางส่วนไหลกลับไปยังสหรัฐ ซึ่งเป็นทิศทางเดียวกับทั้งโลก”
ที่สำคัญ นอกจากไปเอา Yield ที่ดีกว่าแล้ว ยังมีลุ้นเอา “กำไร” (Capital Gain) คำโตในอนาคต หากดอกเบี้ยสหรัฐกลับทิศสู่วงจรขาลงอีกด้วย เรียกว่าไปทั้งที เอากัน “2 เด้ง” เลยทีเดียว จังหวะนี้ไปลงทุนใน “พันธบัตรสหรัฐ” ถือว่า Downside Risk จำกัด ในขณะที่ Upside เปิดกว้าง จึงเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่นักลงทุนทั่วโลกแห่ไปลงทุน ซึ่งตัวเลขกำไรหากดอกเบี้ยสู่ขาลงเร็วและแรง อาจมากไม่น้อยหน้าการลงทุนในหุ้นเลยทีเดียว
นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลว่า ทำไมเงินต่างชาติไหลออกจาก “ตลาดหุ้นไทย” และ “ตลาดตราสารหนี้ไทย” ต่อเนื่องในปีนี้ -1.58 แสนล้านบาท และ -1.47 แสนล้านบาท ตามลำดับ แต่ของทุกอย่างมีมูลค่าของมันเอง และนักลงทุนทั่วโลกก็จะมองโดยเปรียบเทียบ ถึงจุดหนึ่งที่สินทรัพย์ไทยมีความน่าสนใจ เงินลงทุนก็พร้อมจะไหลกลับมาเช่นเดียวกัน เพราะ “ธรรมชาติของเงิน ย่อมวิ่งไปหาแหล่งที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่ดีกว่าอยู่แล้ว”
การลงทุน
เศรษฐกิจ
กองทุน
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย