รองนายกฯ ‘ภูมิธรรม’ ยันเสนอรายชื่อ ‘กรรมการศึกษาประชามติ’ ให้นายกฯ เคาะวันนี้ เสร็จใน 4 ปี-ใช้เลือกตั้งครั้งหน้า
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดเผยก่อนเข้าประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ (3 ต.ค. 66) ว่า ได้ส่งรายชื่อคณะกรรมการฯ ให้กับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เรียบร้อยแล้ว หากวันนี้นายกรัฐมนตรีลงนามแต่งตั้ง จะแถลงข่าวในเวลา 13.00 น. และจะสามารถประชุมนัดแรก ในวันจันทร์ ที่ 9 ต.ค. 66
นายภูมิธรรม ขยายความว่า คณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติ จะมีพรรคฝ่ายค้านร่วมด้วย ทั้งพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำจะดำเนินการให้เสร็จโดยเร็วที่สุด ภายใน 4 ปีนี้ต้องจบตามกรอบเวลาและไทม์ไลน์ที่กฎหมายกำหนดประมาณ 3 ปีกว่า
แต่เราลดการทำประชามติและลดการทำอะไรหลายอย่าง จะทำให้ระยะเวลาลดลง ทั้งนี้ในระยะเวลา 3 ปีกว่าดังกล่าว จะรวมทั้งการปรับกฎหมายลูกด้วย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งใหม่จะได้ใช้กติกาใหม่ และช่วงบ่ายนี้ตนจะแถลงข่าวอีกครั้ง พร้อมแจกรายชื่อคณะกรรมการฯ ให้ทราบ ซึ่งผู้ที่มาร่วมทำงานจะเข้ามาในลักษณะของผู้ทรงคุณวุฒิ
‘ก้าวไกล’ ยังไม่ตอบรับเข้าร่วม คกก.ศึกษาประชามติรัฐธรรมนูญ
นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปรากฏในรายงานข่าวเมื่อวานนี้ (2 ต.ค. 66) นายภูมิธรรม ระบุพรรคก้าวไกลได้ตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการศึกษาแล้ว เพียงแต่ยังไม่ได้ส่งรายชื่อว่า พรรคก้าวไกลเรายังไม่ได้ตอบรับเข้าร่วมคณะกรรมการดังกล่าว ทางตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยได้ประสานมาที่ นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว และนายชัยธวัช ได้แจ้งกลับไปว่า จะนำมาหารือกับสส.ของพรรค ซึ่งจะประชุมกันในวันนี้ ก่อนจะกลับมาให้คำตอบ
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า เหตุผลหลักที่พรรคก้าวไกลยังไม่ตอบรับเข้าร่วม เพราะพรรคยังไม่ได้รับความชัดเจนเกี่ยวกับเป้าหมายหรือกรอบของการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการชุดนี้จะยึดถือ เพื่อใช้เป็นหลักสำหรับการหารือเพิ่มเติมในรายละเอียดเกี่ยวกับการดำเนินการเรื่องประชามติ ซึ่งที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้แสดงจุดยืนมาตลอดว่าหลักการพื้นฐานที่พรรคก้าวไกลยึดถือและมองว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย คือ
1. จัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ไม่ใช่การแก้ไขเพียงบางหมวด หรือ บางมาตรา
2. จัดทำโดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด ไม่ใช่ สสร. ที่มีส่วนผสมของการแต่งตั้ง
ทั้ง 2 หลักการนี้ ไม่เป็นแต่เพียงจุดยืนของพรรคก้าวไกล แต่ยังเป็นข้อสรุปที่หลายฝ่ายทางการเมืองเคยมีร่วมกัน ผ่านทั้งผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรเกี่ยวกับการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ในปี 2562-2563 ที่ได้ข้อสรุปว่าส่วนใหญ่เห็นตรงกันให้ ‘มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่’ โดย ‘สภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากประชาชน’ อยู่ในหน้า 122 ของรายงาน
รวมถึงผลการลงมติของรัฐสภาต่อร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญที่จะนำไปสู่การมี สสร. ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ในปี 2563-2564 โดยในวาระที่ 1 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบ 2 ร่างที่จะนำไปสู่การมี สสร. มาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ด้วยคะแนน 88% และ 79% ตามลำดับ ส่วนวาระที่ 2 สมาชิกรัฐสภาลงมติเห็นชอบให้ สสร. มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวว่า หากทางรัฐบาลยังไม่ยืนยันว่าการทำงานและการหารือของคณะกรรมการศึกษาจะอยู่ภายใต้ 2 หลักการสำคัญดังกล่าว พรรคก้าวไกลมีความกังวลว่า คณะกรรมการศึกษาชุดนี้ (ซึ่งมีองค์ประกอบของตัวแทนจากรัฐบาลหรือคนที่รัฐบาลทาบทามเองเป็นส่วนใหญ่) อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือในการย้อนหลักการสำคัญที่เคยได้ข้อสรุปร่วมกันมาก่อนแล้วเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดย สสร. ที่มาจากการเลือกตั้ง
แต่หากทางรัฐบาลยืนยันว่า การทำงานและหารือของคณะกรรมการศึกษาจะอยู่ภายใต้ 2 หลักการสำคัญนี้ ตนเชื่อว่า สส.พรรคก้าวไกล จะยินดีให้ตัวแทนพรรคเข้าร่วมเพื่อให้ความเห็นและทำงานร่วมกันเพื่อหาข้อสรุปเกี่ยวกับรายละเอียดเรื่องแนวทางการทำประชามติ เช่น จำนวนครั้ง กรอบเวลา คำถาม และแนวทางด้านอื่นๆ เช่น จำนวน สสร. กรอบเวลาทำงานของ สสร.
#สำนักข่าวทูเดย์
#MakeTomorrowTODAY
4 ถูกใจ
1 แชร์
565 รับชม
แสดงความคิดเห็นของคุณ...
  • 4
    โฆษณา