Blockdit Logo (Mobile)
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
5 ต.ค. 2023 เวลา 07:09 • ประวัติศาสตร์

“Chronovisor” เครื่องย้อนเวลาแห่งกรุงวาติกัน

“กรุงวาติกัน” เป็นอีกหนึ่งดินแดนที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยปริศนา เรื่องเล่ามากมาย
แต่ปริศนาที่โด่งดังที่สุดเรื่องหนึ่งและเป็นที่ถกเถียงมากที่สุดเรื่องหนึ่งก็คือ “Chronovisor” เครื่องย้อนเวลาที่สามารถถ่ายทอดภาพจากอดีตได้
เชื่อกันว่า Chronovisor สามารถทำให้มองเห็นอดีตได้ หากแต่เครื่องนี้ก็ไม่เคยได้รับการพิสูจน์ว่ามีอยู่จริง แต่ “หลวงพ่อ François Brune” นักบวชชาวฝรั่งเศส ก็เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวนี้เมื่อปีค.ศ.2002 (พ.ศ.2545)
จากข้อมูลของหลวงพ่อ Brune ได้กล่าวว่าผู้ที่คิดค้นเครื่อง Chronovisor ก็คือ “หลวงพ่อ Pellegrino Ernetti” โดยหลวงพ่อ Ernetti ได้เก็บเรื่องเครื่องนี้เป็นความลับ จนกระทั่งเล่าเรื่องนี้ให้หลวงพ่อ Brune ฟังในยุค 60 (พ.ศ.2503-2512) โดยได้เปิดเผยว่าเครื่องนี้ได้รับการร่วมพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ชั้นนำกว่า 12 คน
หลวงพ่อ François Brune
เครื่อง Chronovisor นี้ทำมาจากรังสีแคโทด เสาสัญญาณ และโลหะที่รับคลื่นเสียงและสัญญาณคลื่น และเมื่อประดิษฐ์ได้สำเร็จ เครื่อง Chronovisor นี้ก็ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถมองเห็นอดีตนับร้อยนับพันปีก่อนได้ รวมทั้งเหตุการณ์ตรึงกางเขนพระเยซู
จากข้อเขียนของหลวงพ่อ Brune หลวงพ่อ Brune ได้อ้างว่าตนได้พบหลวงพ่อ Ernetti ขณะนั่งเรือข้ามคลองเวนิสในช่วงต้นยุค 60 (พ.ศ.2503-2512)
หลวงพ่อทั้งสองต่างเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์ภาษาโบราณ ทำให้พูดคุยกันถูกคอ และได้พูดคุยกันซักพักก่อนจะหันเหเรื่องที่คุยมาเป็นเรื่องวิทยาศาสตร์
หลวงพ่อ Ernetti ได้บอกกับหลวงพ่อ Brune ว่าตนนั้นมีเครื่องย้อนเวลาที่สามารถมองเห็นอดีตได้ โดยหลวงพ่อ Ernetti ได้กล่าวว่าเครื่องนี้ได้รับการพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์ชื่อดังหลายราย
หลวงพ่อ Pellegrino Ernetti
เครื่อง Chronovisor นี้มีหน้าจอที่รับภาพสิ่งที่มองเห็นในอดีต ซึ่งอาจจะเรียกได้ว่าเครื่องนี้เป็นจอภาพที่ฉายภาพอดีต ไม่ใช่สิ่งที่จะพาเดินทางข้ามเวลากลับไปยังอดีต โดยจะจับสัญญาณสะท้อนจากอดีตที่ลอยอยู่ในอากาศ ทำให้มองเห็นภาพในอดีต
หลวงพ่อ Ernetti กล่างอ้างว่าตนได้เห็นภาพในอดีตหลายภาพ ทั้งภาพการก่อตั้งจักรวรรดิโรมัน ไปจนถึงการตรึงกางเขนพระเยซู
ในปีค.ศ.1972 (พ.ศ.2515) นิตยสารจากอิตาลีได้ตีพิมพ์บทความที่กล่าวว่า
“ในที่สุดก็มีการประดิษฐ์เครื่องที่สามารถถ่ายภาพอดีตได้แล้ว”
นอกจากนั้น นิตยสารยังลงภาพเครื่องที่หลวงพ่อ Ernetti กล่าวอ้างว่าเป็นภาพที่ถ่ายโดยเครื่อง Chronovisor โดยภาพที่ว่านั้นคือภาพที่ชาวโรมันกำลังตรึงกางเขนพระเยซู
หลวงพ่อ Ernetti เสียชีวิตในปีค.ศ.1994 (พ.ศ.2537) โดยแม้แต่วาระสุดท้าย หลวงพ่อ Ernetti ก็ยังคงยืนยันว่าเครื่อง Chronovisor นี้มีอยู่จริง หากแต่ถูกนำไปซ่อนตามคำสั่งกรุงวาติกัน เนื่องจากเกรงว่าเครื่องนี้อาจจะตกไปอยู่ในมือของอาชญากรชั่วร้าย
และที่น่าสนใจก็คือ ในปีค.ศ.1988 (พ.ศ.2531) กรุงวาติกันได้มีคำสั่งออกมาว่าหากใครก็ตามใช้เครื่องมือที่มีลักษณะเหมือนเครื่อง Chronovisor จะถูกตัดขาดและรับโทษ เหมือนเป็นการยอมรับว่าเครื่องนี้มีอยู่จริง
ก่อนจะเสียชีวิตไม่นาน หลวงพ่อ Ernetti ได้เขียนจดหมายที่ยืนยันว่าเครื่อง Chronovisor นั้นมีอยู่จริง โดยอ้างว่า “สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 (Pope Pius XII)” ห้ามไม่ให้เปิดเผยรายละเอียดของเครื่องนี้เนื่องจากการเปิดเผยข้อมูลนั้นเป็นเรื่องอันตรายมาก และเครื่องนี้อาจจะนำพาความหายนะมาได้
สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 12 (Pope Pius XII)
แต่เมื่อเวลาผ่านไป ก็เริ่มมีคนตั้งข้อสังเกตและสงสัยเกี่ยวกับการมีอยู่ของเครื่อง Chronovisor
ที่ถูกนำมาพูดถึงมากที่สุดก็คือภาพพระเยซูถูกตรึงกางเขนที่อ้างว่าถ่ายได้จากเครื่อง Chronovisor โดยหลายคนบอกว่านี่เป็นเพียงการจัดฉากถูกๆ เท่านั้น เป็นเพียงการถ่ายภาพรูปปั้นพระเยซูในโบสถ์แห่งหนึ่ง
นิตยสารอีกฉบับก็เปิดเผยว่าภาพพระเยซูนี้เป็นภาพที่เอามาจากโปสต์การ์ดฉบับหนึ่งในเมืองหนึ่งของอิตาลี
ต่อมาในปีค.ศ.1996 (พ.ศ.2539) นิตยสารฉบับหนึ่งก็ตั้งคำถามว่าทำไมหลวงพ่อ Ernetti จึงไม่เปิดเผยวิธีการสร้างเครื่อง Chronovisor เพื่อยืนยันว่าเครื่องนี้มีอยู่จริง อีกทั้งนิตยสารยังกล่าวอีกว่าดีไซน์ของเครื่อง Chronovisor นั้นเหมือนกับรายละเอียดในนิยายวิทยาศาสตร์เรื่องหนึ่งในปีค.ศ.1947 (พ.ศ.2490)
พระพักตร์ของพระเยซูที่อ้างว่าถ่ายจากเครื่อง Chronovisor
สุดท้ายแล้วเครื่องนี้จะมีอยู่จริงหรือไม่ ก็คงไม่มีใครตอบได้ ขึ้นอยู่กับความเชื่อของแต่ละคน
แต่หากพิจารณาจากข้อเท็จจริงแล้ว ก็คงต้องบอกว่ายากที่จะเชื่อได้ว่าเครื่องนี้มีอยู่จริง
โฆษณา