ณ ตอนนี้...ประเทศไทยปลอดภัยหรือไม่!
เกิดเหตุกราดยิงในกรุงเทพฯ เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย บาดเจ็บ 5 ราย นักท่องเที่ยวชาวจีนถูกมือปืนยิงเสียชีวิต
หลังเหตุการณ์ดังกล่าว สถานเอกอัครราชทูตจีนได้ประกาศใช้กลไกฉุกเฉินดังกล่าว และไทยก็ตอบ(โต้)ด้วยประกาศว่าสามารถจับกุมฆาตกรและกำลังติดตามผลอย่างใกล้ชิด
แต่..ครอบครัวที่ร่ำรวยของมือปืนกลับอ้างอาการ “ป่วยทางจิต”? ดูเหมือนว่าครอบครัวของมือปืนจะฉลาดมาก พวกเขาต้องการใช้วิธีนี้เพื่อปลดแอกลูกสุดที่รัก!
จากสถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย
รายงานของสื่อระบุว่ามีผู้เห็นเหตุการณ์บางส่วนเล่าถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เหตุเกิดในช่วงบ่ายของวันที่ 3 ตามเวลาท้องถิ่น ณ ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ
ขณะนั้นมีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางมาเยี่ยมชมห้างสรรพสินค้า ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า เมื่อเกิดเหตุข้างนอกฝนตกหนัก ประชาชนจำนวนมากหลั่งไหลเข้ามาในห้างสรรพสินค้า
อย่างไรก็ตาม เสียงปืนหลายนัดดังขึ้นในที่เกิดเหตุ สร้างความตื่นตระหนกทันที
นักท่องเที่ยวชาวจีนบางคนบอกว่าเมื่อได้ยินเสียงดังปังในตอนแรกคิดว่ามีกิจกรรมของห้างเกิดขึ้น
แต่เมื่อเสียงปืนดังขึ้นอีกก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงรีบหลบหนีไป
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปฏิบัติหน้าที่ ณ ที่เกิดเหตุ และไอ้เครื่องที่ให้เดินผ่านตามประตูห้าง แล้วมันร้องตี๊ดๆนี่คือ ตั้งไว้เล่นๆ อุ๊ปปป?
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างสรรพสินค้าก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็วและขอให้ทุกคนซ่อนตัวอยู่ในโกดัง
สถานการณ์ตอนนั้นค่อนข้างตึงเครียด แต่ก็ยังมีคนต้องการถ่ายทอดสด แต่ก็ถูกระงับเพราะการเปิดเผย(เป้าหมาย)นั้นอันตรายเกินไป
ต่อมานักท่องเที่ยวได้ทราบจากพนักงานร้านว่าได้เรียกและแจ้งตำรวจแล้ว และกองบัญชาการตำรวจไทยก็อยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้ามากนัก
ต่อมามีข่าวมาว่าฆาตกรถูกจับได้ทุกคนจึงรู้สึกโล่งใจ
ตามข้อมูลที่ออกโดยสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สันนิษฐานว่ามือปืนวัยรุ่นวัย 14 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ
เมื่อตำรวจตามจับได้ แต่ครอบครัวมือปืนอ้างว่าลูกของตน "ป่วยทางจิต"
ในบรรดาผู้เสียชีวิต 2 ราย มี 1 รายเป็นหญิงชาวจีน ที่น่าเศร้าคือ หญิงชาวจีนรายนี้อายุเพียง 34 ปี และนางยังมีบุตรสาวฝาแฝด อายุ 5 ขวบอีก 1 คู่
ทางครอบครัวยังไม่(กล้า)ได้แจ้งให้ลูกทั้ง 2 รู้
ไม่รู้จะอธิบายยังไงเลยจริงๆว่าแม่ของทั้งคู่ได้จากไปเสียแล้ว สมาชิกในครอบครัวเล่าว่าคนร้ายใช้ปืนยิงในห้องน้ำหญิงชั้น 2 และทุกเรื่องก็เล่าให้เด็กทั้ง 2 ฟังไม่ได้เช่นกัน คงได้แต่รอโอกาสและเวลาเป็นตัวตัดสิน...
หลังจากทราบข่าว สถานเอกอัครราชทูตจีนได้เปิดกลไกฉุกเฉิน ร่วมมือกับไทย เพื่อรับมือกับสถานการณ์ และส่งนักการทูตเข้าเยี่ยมผู้ได้รับบาดเจ็บ
นายกรัฐมนตรีสายธากูรของไทยยังได้รีบไปโรงพยาบาลเพื่อเยี่ยมบุคลากรชาวจีนและแสดงความเสียใจต่อฝ่ายจีนในเรื่องนี้ด้วย
เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยเพิ่งประกาศยกเว้นวีซ่าสำหรับประเทศจีน
นักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเพลิดเพลินกับมาตรการปลอดวีซ่าได้นานถึง 5 เดือน หลังจากได้รับการยกเว้นวีซ่าแล้วนักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มแรกก็มาถึงสนามบินกรุงเทพฯ
งานนี้นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ได้เดินทางไปสนามบินด้วยตนเองเพื่อร่วมพิธีต้อนรับ
โดยไทยหวังฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลังโรคระบาด คาดปีนี้จะรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 30 ล้านคน โดยในจำนวนนี้จะเป็นนักท่องเที่ยวจีน 5 ล้านคน
และจากมุมมองของประเทศไทย การมาถึงของนักท่องเที่ยวชาวจีนถือเป็นจุดสว่างสำหรับการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างแน่นอน
นายกรัฐมนตรี เศรษฐา ทวีสิน ไปรับ นทท.ที่สนามบินเป็นการส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องที่น่าผิดหวังจริงๆ ที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประเทศไทยประกาศยกเว้นวีซ่า
และทำให้ผู้คนเกิดคำถามว่าประเทศไทยปลอดภัยหรือไม่???
สถานการณ์แบบนี้ค่อนข้างจะคล้ายกับเมียนมาร์ หากไม่ปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยนักท่องเที่ยว
จีนจะไม่เต็มใจไปอย่างแน่นอน ดังนั้นประเทศไทยควรมีมาตรการเฉพาะเจาะจงมากขึ้นเพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว
ท้ายที่สุดแล้ว การเดินทางคือประสบการณ์ ไม่ใช่การผจญภัย ฮาาาาา
นักท่องเที่ยวจากประเทศใดก็ตาม เขาไม่ได้เดินทางมาประเทศเราเพียงเพื่อการผจญภัยนะครับ!!!
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
