29 พ.ย. 2023 เวลา 14:00 • ไลฟ์สไตล์

“หูฟัง” ตัวช่วยพนักงานตัดเสียงดังน่ารำคาญในออฟฟิศ

พนักงานออฟฟิศสวม “หูฟัง” เพื่อแสดงว่าต้องการใช้สมาธิ ไม่อยากให้เพื่อนร่วมงานชวนคุย ผลวิจัยชี้เสียงดังในที่ทำงานส่งผลต่อการทำงาน ให้เกิดความเครียด หงุดหงิด
“หูฟัง” และ “เฮดโฟน” กลายเป็นสิ่งที่เหมือนจะขาดไม่ได้สำหรับพนักงานออฟฟิศ ใช้สำหรับคุยงาน บ้างก็ฟังพอดแคสต์แก้เบื่อระหว่างวัน หรือฟังเพลงโปรด เพิ่มสมาธิในการทำงาน ตัดขาดจากโลกภายนอก หรือบางทีแค่ใส่หูฟังเพราะไม่อยากได้ยินเสียงหัวหน้าบ่น
ปัจจุบันเทคโนโลยีหูฟังพัฒนาไปไกล มีหลากหลายรูปแบบให้เลือก ทั้งมีสาย ไร้สาย อินเอียร์ แบบครอบศีรษะ อีกทั้งยังมีฟังก์ชันตัดเสียงรบกวนรอบข้าง ทำให้ผู้ใช้งานสร้าง “โลกส่วนตัว” ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น เพราะงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันต้องการใช้สมาธิ ดังนั้นคงจะทำงานได้ไม่ดีนัก หากต้องคอยฟังเพื่อนร่วมงานชวนคุยตลอดทั้งวัน จนงานไม่เดิน ซึ่งหลายคนมองเป็น “มลพิษทางเสียง”
1
🎧 เสียงดังทำงานไม่เดิน
งานวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์เมื่อปี 2021 ระบุว่า เสียงในสำนักงานแบบเปิดโล่งมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้งความเป็นอยู่ของพนักงาน โดยเสียงรบกวนจะทำให้เกิดอารมณ์ด้านลบเพิ่มขึ้น 25% และความเครียดทางสรีรวิทยาเพิ่มขึ้น 34%
1
นอกจากจะทำให้พนักงานเครียดและหงุดหงิดมากขึ้นแล้ว เสียงดังในออฟฟิศยังลดประสิทธิภาพการทำงานอีกด้วย การวิจัยเมื่อปี 2020 แสดงให้เห็นว่าพนักงานที่อยู่ในออฟฟิศตามลำพังที่มีเสียงเบากว่าออฟฟิศแบบเปิดโล่ง ที่มีเสียงดังถึง 14%
1
เนื่องจากพนักงานส่วนใหญ่ไม่มีห้องทำงานส่วนตัว ทำงานอยู่ในออฟฟิศขนาดใหญ่ที่มีที่นั่งติด ๆ กัน การสวมหูฟังทั้งวันเป็นการส่งสัญญาณว่าสภาพแวดล้อมในสำนักงานมีเสียงดังและรบกวนสมาธิเกินไป และแสดงออกว่าไม่ต้องการให้ใครมารบกวนพวกเขา
บางบริษัทออกกฎไม่ให้พนักงานสวมหูฟังในเวลาทำงาน ซึ่งทำให้พนักงานบางคนรู้สึกถูกลิดรอนสิทธิ จนหลายคนเลือกลาออกจากงาน แม้ว่าหูฟังจะไม่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับรู้ แต่สามารถสร้างความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เพราะเมื่อพนักงานไม่สามารถควบคุมเสียงรบกวนได้ พวกเขาจะสูญเสียความเป็นส่วนตัว หากสมองถูกสิ่งเร้ากระตุ้นมากเกินไปอาจทำให้พนักงานเหล่านี้เกิดความคับข้องใจ ความโกรธ และท้ายที่สุดพวกเขาอาจจะลาออกจากงานได้เช่นกัน
1
🎧 ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
ปัจจุบันหัวหน้าต่างเรียกให้พนักงานกลับเข้ามาทำงานในออฟฟิศ หมายมั่นให้เกิดการเพิ่มปฏิสัมพันธ์และการทำงานร่วมกันต้องแลกมาด้วยการสูญเสียความสามารถในการมุ่งเน้นและมีสมาธิ แต่พอมีสิ่งรบกวนสมาธิทำให้พนักงานมีสมาธิได้ยาก ก็หมดอารมณ์ที่จะเรียนรู้และทำความเข้าใจงานต่าง ๆ ผลลัพธ์ที่ได้คือความเครียดและข้อผิดพลาดที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพลดลง
เมื่อพนักงานไม่มีสมาธิกับงาน ความปรารถนาที่จะมีปฏิสัมพันธ์และทำงานร่วมกับผู้อื่นก็ลดลง
มีวิจัยหลายชิ้นระบุว่า การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนภายในออฟฟิศที่บ่อยขึ้น จะช่วยปรับปรุงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันในงาน ความพึงพอใจในงาน และการสนับสนุนทางสังคมระหว่างคนในทีมได้ดียิ่งขึ้น เพราะสภาพแวดล้อมทางสังคมของมีบทบาทสำคัญต่อความสามารถในการควบคุมสถานการณ์และสร้างแรงจูงใจ
ทันทีที่พนักงานหยิบหูฟังขึ้นมาสวม โอกาสในการสนทนากับเพื่อนร่วมงาน แชร์ไอเดีย และสร้างความสัมพันธ์ทางสังคมแทบไม่ต่างจากการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงานผ่านการทำงานจากที่บ้านด้วยซ้ำ ที่เจอหน้ากันแค่เฉพาะตอนประชุมออนไลน์เท่านั้น
นอกจากนี้ การใส่หูฟังของพนักงาน ก็สร้างปัญหาให้เพื่อนร่วมงานและหัวหน้าด้วยเช่นกัน
เพื่อนร่วมงานหรือหัวหน้าล้วนเคยยกมือโบกต่อหน้าพนักงานที่ใส่หูฟังอยู่และกำลังเพลิดเพลินกับเสียงเพลง จนไม่ได้ยินเสียงเรียกของพวกเขา ซึ่งบางทีก็ได้ยิน แต่จงใจทำเมิน แถมเปิดเสียงเพลงดังจนได้ยินมาถึงคนรอบข้างด้วยซ้ำ ในบางครั้งพนักงานบางคนมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการใช้หูฟัง จนเผลอส่งหัวเราะออกมาเสียงดังระหว่างที่กำลังดูคลิปไวรัลในอินเทอร์เน็ต ในขณะที่คนอื่นกำลังทำงาน
โฆษณา