13 ต.ค. 2023 เวลา 07:15 • นิยาย เรื่องสั้น

ชีวิตบัดซบที่คิดว่าไม่มีจริง EP.10 ประสบการณ์ใหม่

ช่วงที่เราทำงานกับบริษัทนี้ได้เรียนรู้การทำงานแบบญี่ปุ่น เช่นการทำ KaiZen ตอนแรกที่ได้ยินก็งงๆว่ามันคืออะไร แต่พอบริษัทส่งไปอบรมเราเลยเข้าใจมากขึ้น
หลังจากที่เราเรียนจบเราเลยตัดสินใจว่าจะหางานใหม่เพื่ออนาคตที่ดีกว่าของลูกเรา เราเริ่มหางานตามช่องทางต่าง ๆ เช่น การจัดงานตามห้างของกรมจัดหางาน ซึ่งจะมีบูทของบริษัทต่างๆมาเปิดรับสมัคร งานที่เราสมัครส่วนใหญ่จะเป็นงานบริษัทใหญ่ๆในนิคมแห่งหนึ่งของจังหวัดอยุธยาหลายบริษัท แต่เราก็ถูกปฏิเสธจากบริษัทเหล่านั้นโดยอ้างว่าเรายังไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ตอนนั้นเราคิดในใจว่าถ้าไม่รับเราเข้าทำงานแล้วเราจะมีประสบการณ์ได้ยังไง...
แต่ถึงอย่างไรเราก็ไม่ท้อยังคงหาช่องทางในการสมัครงานต่อไป ครั้งนี้เราพึ่งช่องทางของเวปไซต์จัดหางานของเวปหนึ่งซึ่งเป็นที่นิยมมากในช่วงเวลานั้น โดยการเขียนเรซูเม่ส่งไปยังบริษัทต่างๆที่เราสนใจในตำแหน่งงานนั้นๆ
ระหว่างที่เรารอได้งานใหม่อยู่ก็มีเหตุให้เจ็บใจจากคนในครอบครัวอีกครั้งเหตุมีอยู่ว่า พ่อเราได้ซื้อบ้านกับคนที่รู้จักที่สนิทกับบ้านเราไว้หลังหนึ่ง ซึ่งทุกๆต้นเดือนพ่อจะเอาเงินไปให้พี่เจ้าของบ้านคนนี้เป็นจำนวน 35,000 บาท วันหนึ่งเราเดินเล่นที่บ้านของพี่คนนี้โดยปกติแล้วเราจะมาหาพี่เขาเป็นประจำ​ พวกเราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานหลังเวลากินข้าวเย็นเสร็จเป็นประจำ หลังจากคุยกันสักพักเราจึงกลับบ้านโดยไม่คิดอะไร วันรุ่งขึ้นพี่เขามาบอกกับพ่อเราว่าเงินที่ให้มาหายไป
พ่อเราสงสัยเราทันทีและมาถามกับเราว่า “มึงเอาเงินไปหรือเปล่า” เราตอบกลับทันทีว่า “เปล่าครับ” พ่อบอกว่า “มึงโกหก” ทุกคนในระแวกนั้นมองเราเป็นผู้ต้องสงสัยในทันที เพราะคำพูดของพ่อเรา ตอนนั้นความรู้สึกเราอึดอัดมากเราไม่ชอบสายตาที่คนรอบด้านมองเราเหมือนสมัยก่อนที่เขาเคยมองเรามันเป็นสายตาที่เหมือนดูถูกและไม่ไว้ใจซึ่งเราไม่ได้ทำในสิ่งที่พวกเขาคิด เรายังคงยืนยันกับทุกคนว่าเราไม่ได้เอาไป
หลังจากผ่านไปประมาณ 5 วันความจริงก็ปรากฏว่าคนที่เอาเงินไปคือลูกชายของเมียพ่อเรา วันที่เกิดเรื่องพ่อให้ลูกชายของเมียพ่อเราเอาเงินไปให้พี่เขา แต่ไม่มีใครรู้ว่าเงินหายหายไปไหนหลังจากนั้น พอทุกคนเค้นไปเค้นมาก็ได้คำตอบว่าน้องเป็นคนเอาเงินไปทิ้งไว้แต่เอาเงินออกจากซองเหลือแต่ซองเปล่า ประจวบเหมาะกับเราไปที่บ้านนั้นทีหลังโดยที่ไม่รู้ว่าน้องเอาเงินไปให้พี่เขา เราเลยตกเป็นจำเลยสังคมไปโดยปริยาย โดยไม่มีคำขอโทษจากพ่อหรือใครสักคนที่มองเราว่าเป็นคนเอาไป😢
2
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/png-images/qiantu-people-with-headaches-on-world-pain-day_2661232.html
ใช้เวลาสมัครงานอยู่ราวๆ 1 ปีแล้วเราก็ได้รับอีเมล์ตอบกลับมาเป็นบริษัทญี่ปุ่นที่ผลิตชิ้นส่วนพลาสติก ในตำแหน่งโฟว์แมนคุมไลน์ผลิต เราตอบตกลงทันทีถึงจะไม่ตรงสายงานที่เราเรียนมาแต่ก็ขอให้ออกไปจากบริษัทเดิมที่ทำงานอยู่ในตอนนี้ไปก่อนแล้วดีหรือไม่ดีค่อยหาใหม่ เราทั้งดีใจและตื่นเต้นมากที่ได้ออกจากกะลาที่อยู่มา 11 ปี เพื่อเปิดโลกที่เราไม่เคยเห็น ค่าแรงในขณะนั้นเริ่มที่ 9,000 บาท โอทีต่างหากรายได้โดยรวมราวๆ 15,000 บาทต่อเดือน
1
ถือว่าเป็นค่าแรงที่เรายินดีมาก การทำงานต้องทำงานเป็นกะแบ่งเป็นกะกลางวันและกะกลางคืน กะกลางวันจะทำงานตั้งแต่เวลา 08.00 ถึงเวลา 17.00 น. และหลังจาก 17.00 น. จะเป็นโอทีที่บังคับส่วนกะกลางคืนนั้นจะเริ่ม 20.00 น. ถึง 05.00 หลังจากนั้นก็จะเป็นโอทีบังคับถึง 08.00 น.เช่นกัน
ในไลน์ผลิตที่เราดูแลนั้นมีไลนผลิต 2 ไลน์จะมีโฟว์แมน 2 คนดูแลคนละฝั่ง ลูกน้องของเราในกะรวมๆทั้งหมดก็ราวๆ 200 คนเห็นจะได้ส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้หญิงแล้วก็จะเป็นผู้ชายอยู่ไม่กี่คน ในสายการทำงานจะมีช่างที่ดูแลเครื่องจักรในการผลิตในบริษัทนี้ที่เรียกกันว่า Tech เราทำงานกับ Tech คนนี้แกเป็นคนพูดจาชอบข่มคนอื่นจนน้องๆในที่ทำงานบอกว่าแกทำตัวแอ๊คเหมือนตัวเองเป็นเจ้าของโรงงานพูดจาใหญ่โต ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ชอบขี้หน้าส่วนเราไม่ชอบแกตั้งแต่แรกเห็นเลย​ เช่น
เวลาเครื่องจักรมีปัญหาเราจะไปขอความช่วยเหลือก็จะมีคำพูดที่กวนตีนออกมาจากปาก Tech คนนี้ทุกครั้งไม่รู้โตมาได้ยังไงถึงไม่โดนอัดสักที...😤😡🤬
ช่วงที่เราทำงานกับบริษัทนี้ได้เรียนรู้การทำงานแบบญี่ปุ่น เช่นการทำ KaiZen ตอนแรกที่ได้ยินก็งงๆว่ามันคืออะไร แต่พอบริษัทส่งไปอบรมเราเลยเข้าใจมากขึ้น ว่าการทำ KaiZen มันก็เหมือนการทำ 5ส. ของคนไทยนี่แหละแต่แตกต่างกันเพียงแค่มันต้องมีเอกสารรองรับในการทำงานหรือถ้าเป็นแบบมาตรฐานของสากลก็เรียก ISO นั่นเอง
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/photo/young-startups-businessmen-teamwork-brainstorming-meeting-to-discuss-the-investment_1430534.html
การทำงานในบริษัทนี้เราจะไม่ถือตัวมากกับลูกน้องถึงเราจะเป็นหัวหน้างานก็ตามเพราะเราไม่ชอบคนที่ข่มคนที่ด้อยกว่าแต่จะช่วยให้เขาพัฒนาขึ้นเพื่อมาเป็นกำลังให้เราจะดีกว่า ช่วงแรกที่ทำงานที่เป็นกะกลางคืนค่อนข้างจะปรับเวลาไม่ค่อยได้ เพราะเราไม่เคยทำงานที่เป็นแบบกะมาก่อนเวลานอนก็จะต้องนอนกลางวันในเวลาที่เข้ากะกลางคืนซึ่งมันเป็นอะไรที่ขัดกับนิสัยเราโดยสิ้นเชิง แต่ก็ต้องข่มตาหลับให้ได้เพราะถ้าไม่หลับแล้วเราไปทำงานในเวลากลางคืนนั้นมันจะง่วงมากและอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุในการทำงานขึ้นมาได้
ในบริษัทนี้จะมีผู้จัดการเป็นชายชาวญี่ปุ่นทำหน้าดูแลการผลิตที่นี่ทั้งหมดนิสัยของผู้จัดการชาวญี่ปุ่นมีนิสัยเหมือนกับ Tech ที่เราเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้แต่ที่แย่ไปกว่านั้นคือแกเป็นเป็นคนที่ถือตัวอย่างชัดเจนมาก แกทำตัวเหมือนแกกับลูกน้องเป็นคนละชนชั้นเลยก็ว่าได้และชอบใช้อารมณ์ หลายครั้งที่พนักงานทำงานผิดพลาดก็จะถูกเรียกมาด่าแบบเสียๆหายด่าโวยวายเหมือนเจ๊กกลางตลาด เราฟังไม่รู้เรื่องหรอกเพราะว่ามันด่าเป็นภาษาญี่ปุ่นแต่จะมีล่ามแปลให้ฟังอีกทีหนึ่ง แต่ท่าทางที่แกแสดงออกนั้นเหมือนจะฆ่ากันให้ตายเลยทีเดียว
แต่กลับกันหากเป็นพนักงานออฟฟิศหากเป็นสาว ๆที่หน้าตาดีหน่อยมันจะเรียกไปคุยในห้องสองคนด่าไม่ให้ใครเห็นหรือไม่ด่าก็ไม่รู้ สรุปคือแกเป็นขี้หลี่นั่นแหละเห็นทุกครั้งก็หัวจะปวดกับมัน ถ้าเป็นเราโอ้โหด่ายังกับไฟไหม้บ้านถึงฟังไม่รู้แต่ก็น่ารำคาญอะนะ แต่ถ้าเป็นสาวๆเสียงอ่อนเสียงหวานเลยทีเดียว
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/png-images/angry-boss-shouting-at-people-in-office_6139246.html
หลังจากที่เราทำงานที่บริษัทนี้ได้ประมาณ 2 ปี งานน่าเบื่อและหัวหน้างานไม่ดีและที่สำคัญที่สุดเป็นงานที่เราไม่ชอบและไม่เหมาะกับเราและไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการ เราจึงคิดหางานใหม่อีกครั้งโดยใช้วิธีเดิมคือการหางานผ่านเวปไซต์จัดหางานที่เราเคยใช้สมัครงานในครั้งที่แล้ว แต่คราวนี้เราเพิ่มประสบการณ์ทำงานที่บริษัทนี่เพิ่มเข้าไปอีก แล้วครั้งนี้เราสมัครในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับงานคอมพิวเตอร์โดยตรงในทุกบริษัทที่เราสมัครไป เพราะเราอยากจะใช้ความรู้ที่เรียนมานั้นในการทำงานแบบจริงๆจังๆสักครั้ง
เราสมัครงานใหม่อยู่ราวๆ 6 เดือนเห็นจะได้แล้วก็มีโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาให้เราไปสัมภาษณ์งานที่บริษัท บริษัทหนึ่งในนิคมอุสาหกรรมแห่งหนึ่งซึ่งเป็นนิคมที่มีชื่อเสียงมากในอยุธยาตอนนั้นในตำแหน่ง Staff MIS หรือ Staff Manager Information System ซึ่งคอยดูแลระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัทนี้ทั้งหมด เราตอบตกลงทันทีและก็ไปสัมภาษณ์ตามเวลาที่บริษัทนั้นแจ้งมา
ในวันสัมภาษณ์นั้นคนที่มาสัมภาษณ์เราก็คือ Admin Manager Information System โดยตรงซึ่งเขาถามเราว่ามีประสบการณ์ในการทำงานแบบนี้มาบ้างหรือเปล่า เราก็บอกไปตรง ๆว่า “ไม่มีครับ แต่หากให้โอกาสผม ผมจะทำมันให้ดีที่สุดครับ” แล้วเขาก็ถามเรื่องราวเกี่ยวกับพื้นฐานของคอมพิวเตอร์และความสามารถต่างที่จะนำมาใช้ร่วมกันกับงานนี้ ที่สำคัญเราเอาโปรแกรมที่เราเคยเขียนขึ้นมานั้นนำไปให้เขาดูด้วยเพื่อให้คนที่มาสัมภาษณ์เห็นศักยภาพของเราในการทำงาน
ผ่านไปราว ๆ 3 สัปดาห์ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นและแจ้งกับเราว่ารับเราเข้าทำงาน และแจ้งว่าจะเริ่มงานได้วันไหน ครั้งนี้เราดีใจที่สุดเพราะเป็นงานที่อยากทำอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว และเป็นงานที่ไม่ต้องเข้ากะอีกต่อไป
จบ EP.10
EP.11 การได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งในครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิตที่สมหวังตามที่ใจต้องการ และยังเป็นการเปลี่ยนแปลงที่พลิกผันชีวิตของเราไปในอีกรูปแบบหนึ่งเลย
โฆษณา