#MainStand : Ride Height Devices เทคโนโลยีที่ช่วยให้รถแข่ง MotoGP ออกตัวได้ดียิ่งขึ้น
การออกตัวของรถแข่งในกีฬามอเตอร์สปอร์ตถือเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการขึ้นเป็นผู้นำในการแข่งขัน ส่งผลให้ทีมแข่งรถจักรยานยนต์ได้พัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้นักขับสามารถออกตัวได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังได้รับความนิยมในการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบหรือ โมโตจีพี
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปี 2018 ทีมแข่ง ดูคาติ จากประเทศอิตาลี ได้เรียกเสียงฮือฮาให้กับวงการแข่งรถเนื่องจากรถแข่งของ แจ็ค มิลเลอร์ ที่ยังเป็นนักแข่งของทีมในขณะนั้น สามารถปรับระดับความสูงของตัวรถในช่วงท้ายให้ต่ำลงมาได้ เพื่อช่วยในการออกตัว ก่อนจะถูกนำมาใช้อย่างจริงจังเมื่อฤดูกาล 2019 เป็นทีมแรก
อย่างที่ทราบกันดีว่าในการออกตัวรถจักรยานยนต์นั้นจะออกตัวในเกียร์ต่ำ และด้วยแรงบิดมหาศาลของเครื่องยนต์ที่ส่งกำลังให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ส่งผลให้ในจังหวะที่รถกำลังออกตัวจะเกิดแรงจีสวนทางและทำให้ล้อหน้าของรถลอยขึ้น
ทำให้ทีมงานดูคาติได้พัฒนาระบบที่มีชื่อว่า "Ride Height Devices" เพื่อลดจุดศูนย์ถ่วงของจักรยานยนต์ และช่วยให้นักแข่งสามารถออกตัวได้ดียิ่งขึ้น โดยระบบนี้จะทำให้ด้านท้ายของรถยุบตัวต่ำลงให้มากที่สุดเพื่อลดความสูงของตัวรถจากการติดตั้งสปริงโหลดปรับระดับความสูง และเมื่อเบรก ระบบก็จะคืนค่ากลับไปตามเดิม
แม้ว่าลักษณะการทำงานจะคล้ายกัน แต่ระบบนี้ถูกใช้ในจุดประสงค์ที่ต่างกัน 2 แบบ ประกอบด้วย Holeshot Devices จะใช้ในการออกตัว ส่วน Ride Height Devices จะใช้ขณะแข่งขัน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรถขณะเปิดคันเร่งออกจากโค้ง
รับชมคลิป Holeshot Devices: https://www.youtube.com/watch?v=dVQK9jF-GsM
รับชมคลิป Ride Height Devices: https://www.youtube.com/watch?v=rL1efMfK7ts
เมื่อเห็นได้ชัดว่าเทคโนโลยี้นี้มีส่วนช่วยในการออกตัวได้จริง ทำให้ภายหลังทีมอื่น ๆ นอกเหนือจากดูคาติก็พัฒนาระบบนี้ขึ้นมาใช้ในปีต่อ ๆ มา (ช่วงปี 2020-2021)
แม้ว่าระบบนี้จะดูเหมือนเป็นเทคโนโลยีใหม่สำหรับการแข่งขันโมโตจีพี แต่ในความเป็นจริงแล้ว เทคโนโลยี Ride Height Devices มีการใช้งานมาอย่างยาวนานในการแข่งขันโมโตครอส
การนำระบบนี้มาใช้ดูเหมือนจะมีข้อดีสำหรับการแข่งขัน แต่กลับกันก็มีข้อเสียไม่น้อย ซึ่งแน่นอนว่าไม่ใช่นักแข่งทุกคนที่จะชื่นชอบระบบนี้ และมันอาจส่งผลโดยกับการขับขี่ในสนามอย่างชัดเจน เนื่องจากเดิมทีการใช้ระบบนี้จะได้รับการเปิดใช้งานแบบอัตโนมัติ
มีกรณีที่ระบบนี้คืนค่าการทำงานเร็วหรือช้าเกินไปก่อนถึงช่วงเข้าสู่ทางโค้งที่ส่งผลต่อการขับขี่และอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนที่สองเป็นเรื่องน้ำหนักของตัวรถที่จะเพิ่มขึ้นเมื่อติดตั้งเทคโนโลยีนี้ และส่วนที่สามคืออาจส่งผลถึงความร้อนและแรงดันภายในยางเมื่อได้รับแรงกดขณะเปิดใช้ระบบ
ทำให้โมโตจีพีได้ออกกฎใหม่เพื่อรองรับการพัฒนาตัวรถด้วยข้อบังคับที่ว่า นักแข่งจะต้องเป็นคน เปิด-ปิด ระบบด้วยตัวเอง และห้ามใช้ระบบสั่งการแบบอัตโนมัติ
และการนำเทคโนโลยีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของตัวรถมาใช้ในการแข่งขันก็ยังคงถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพราะในปี 2022 ดูคาติ เจ้าเดิม ได้พัฒนาระบบปรับความสูง-ต่ำเพื่อใช้กับล้อหน้า ซึ่งมีหลักการทำงานเช่นเดียวกับระบบในล้อหลังที่ทำมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี เมื่อดูคาติพัฒนาเทคโลโนยีสำหรับการแข่งขันอย่างก้าวกระโดด ทำให้หลาย ๆ ทีมในศึกโมโตจีพี เริ่มต่อต้านนวัตกรรมดังกล่าวและเกิดการประท้วง จนท้ายที่สุดเทคโนโลยี ปรับระดับ สูง-ต่ำ ที่ล้อหน้าจึงถูกแบนไม่ให้ใช้ โดยมีผลตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไป
หลังจากที่ดูคาติถูกแบนการใช้ Front Ride Height Devices อย่างเป็นทางการ ดาวิเด้ บาราน่า ผู้อำนวยการเทคนิคของทีมดูคาติ ก็ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ว่า
"เราเป็นทีมแรกที่เปิดตัวและนำระบบนี้มาใช้ และทีมอื่น ๆ ก็เปิดตัวตามเรามา และเราก็เดินหน้าไปอีกขั้นในการพัฒนาระบบนี้สำหรับใช้ด้านหน้าตัวรถเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ พอมาถึงจุดหนึ่งกลับมีทีมแข่งประท้วงและตัดสินใจแบนเทคโนโลยีของเรา ผมสามารถพูดได้เลยว่ามันไม่ยุติธรรม แทนที่พวกคุณจะพัฒนารถของตัวเองกลับทำสิ่งที่มันง่ายกว่ามาก ๆ นั่นคือการยับยั้งเรา"
ส่วนเทคโนโลยี Rear Ride Height Devices และอาจรวมถึง Holeshot Devices ด้วยนั้น มีการคาดกันว่ามันอาจถูกแบนด้วยเช่นกันในอนาคต เพื่อลดความได้เปรียบเสียเปรียบในการแข่งขัน
แหล่งอ้างอิง :
- 2
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
