16 ต.ค. 2023 เวลา 12:40 • หนังสือ

12 ข้อจากหนังสือ ‘สู้ดิวะ‘

สำหรับโพสนี้ผมจะสรุปข้อคิดหรือสิ่งที่น่าสนใจจากเล่มนี้กันครับ
แต่ผมก็บอกก่อนเลย ว่าแนะนำมากๆครับ 👍
1 สำหรับใครเคยอ่านเพจ ‘สู้ดิวะ‘ ของคุณหมอกฤตไทอยู่แล้ว ก็จะพอรู้เรื่องราวแล้ว
ผมสรุปสั้นๆ คือ จากเด็กหนุ่มอนาคตไกล ที่เรียนหมอจบ เรียนต่อเฉพาะทาง และกำลังเป็นอาจารย์ รักษาสุขภาพอย่างดี
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เป็นที่รักของคนที่รู้จักและพบเจอ แต่แล้ววันหนึ่ง เขากลับได้รู้ว่าตัวเองเป็นมะเร็งปอด
เพื่อที่จะส่งต่อเรื่องราวสิ่งดี ๆ คุณหมอจึงได้เปิดเพจ ‘สู้ดิวะ’ และออกมาเป็นหนังสือเล่มนี้ครับ
2
2 ผมชอบมุมมองของคุณหมอมากครับ แม้จะมีโรคร้ายแรงเข้ามา
คำถามที่เกิดขึ้นก่อนเลยคือ ‘ทำไมต้องเป็นผม‘ แต่แล้วหมอก็ได้มุมมองว่า
‘ถึงจะเสียอะไรไปเท่าไหร่ แต่ก็ยังเหลืออะไรอีกตั้งเยอะนี่หว่า‘ ในที่นี้คุณหมอหมายถึง ยังคงเดินได้ กินข้าวอร่อย
มองว่าสิ่งที่เข้ามาในชีวิตไม่ว่าดีหรือร้าย ล้วนเป็นของขวัญทั้งสิ้น
ไม่จำเป็นต้องมีอะไรก่อนถึงจะมีความสุข
เพราะความสุขมันมีได้ทันทีตั้งแต่ตอนนี้ครับ
2
3 ไม่ว่าจะมีอุปสรรคแค่ไหน มันไม่ใช่จุดจบของเรื่องแน่นอน
นี่คือโอกาสของเรา ว่าจะมองสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และตัดสินใจว่าเรา จะเป็น ‘เหยื่อ‘ หรือ ผู้ชนะ’
4 เราคือคนธรรมดาเหมือนกับทุกคน ไม่ว่าเราจะเจอปัญหาอะไร
มันมีคนที่เคยเป็นแบบเรามาก่อน และพวกเขาเหล่านั้นก็ต่อสู้กับปัญหาอย่างงดงาม และเป็นกำลังใจให้เราอยู่
ผมชอบที่หมอนำเราทุกคนไปเทียบกับการกระจายตัวแบบปกติ
ว่าเราและอีกคนเป็นธรรมดาอยู่ 95 % และพิเศษอีก 2.5% ดังนั้น คนเราทุกคนล้วนเป็นคนธรรมดาครับ
สุดท้ายอย่างไรก็ตามคนเราต้องการเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขครับ
5 ข้อคิดจากการออกกำลังกาย
มีประโยคที่ดีมาก แต่ใครอ่านแล้วแทบจะอยากไปออกกำลังกายทันทีครับ
หลายคนอาจจะมีข้ออ้างมากมาย แต่หมอบอกว่าข้ออ้างของเขาคือ
มะเร็งในปอดและสมอง มีเคมีบำบัดมากมาย เพิ่งหายจากโควิด
แต่เขาก็ไม่หยุดที่จะดูแลสุขภาพนั่นเอง
6 การพยายามดูแลรักษาสุขภาพของคุณหมอ
ทำให้ผมได้ข้อคิดว่า หากเรานั่งรอ อธิษฐานอย่างไร
ไม่สู้การลงมือทำให้ดีที่สุด เต็มที่ที่สุด แทนที่จะมานั่งกังวลครับ
7 โลกทางธรรม หรือการพัฒนาจิตใจเป็นสิ่งที่ใครหลายคนมองข้าม
หากเราตระหนักได้ว่าทุกคนจะต้องตาย และบางทีมันอาจจะเป็นวันนี้ก็ได้
ลองมองย้อนดีๆ แล้วมุมมองการใช้ชีวิตจะเปลี่ยนไปมากขึ้น
8 ต่อมาจากข้อที่แล้วครับ
‘หากวันนี้เป็นวันสุดท้ายในชีวิต เรายังออกไปทำงานนี้อยู่หรือไม่‘ สำหรับคุณหมอ
สิ่งนั้นคือการสอนครับ การทำให้คนอื่นเข้าใจเรื่องยาก ๆ ได้ผ่านการสอนของตนเอง
และมันคงจะดีถ้าเราหางานที่เราอยากทำไปตลอดชีวิต งานที่มีคุณค่าสำหรับจิตใจของเราครับ
9 เวลาของเรามีจำกัด เราไม่ได้มีเวลาไปทำทุกอย่างบนโลกใบนี้
เพราะฉะนั้น สิ่งที่อยู่หน้าเราตรงนี้ ณ ขณะนี้ จึงเป็นสิ่งที่พิเศษที่สุด
10 อย่างไรก็ตามทุกคนควรมีชีวิตอยู่อย่างมีความหวัง
จากโรคที่คุณหมอเป็นมีโอกาสรอด 50% หลังจากผ่านไป 6 เดือน ซึ่งคุณหมอผ่านมันได้แล้ว แต่หากเกิน 5 ปี จะอยู่ที่ 20%
คุณหมอใช้ชีวิตอย่างมีความหวัง เวลาที่มีค่าเพิ่มขึ้นวันหนึ่งในชีวิตคือกำไร
ไม่ว่าชีวิตจะดีร้าย แค่ไหน อย่าหมดความหวังครับ
11 บทเรียนจากสวนสนุก จากตอนที่หมอไปมาล่าสุด
มีคนถามเจ้าหน้าที่ว่า ‘สวนสนุกปิดถึงกี่โมง’
เจ้าหน้าที่ตอบกลับว่า ‘เปิดถึง 2 ทุ่ม’ หมอก็เอ๊ะขึ้นมา จากการมองข้ามเรื่องเวลาปิดแต่เปิดถึงกี่โมงของสวนสนุก
ทำให้หมอคิดว่า เมื่อก่อนที่อ่านงานวิจัยว่าจะอยู่ได้อีกกี่วัน รู้สึกเศร้า
จึงเปลี่ยนเป็นการมองในจุดปัจจุบันและในอนาคตเรายังมีความสุขอีกตั้งเท่าไหร่
เพิ่มขึ้นทีละวัน ทีละวัน โดยไม่รู้ว่าสวนสนุกของหมอจะปิดเมื่อไหร่
ซึ่งทุกคนก็สามารถมองแบบนี้ได้เช่นกันนะครับ
12 สุดท้ายครับ นอกจากข้อคิดหรือเรื่องราวที่ได้อ่านมา ผมกลับรู้สึกว่าเล่มนี้ครบรสมากนะครับ
บอกเล่าเนื้อหาได้ดี อ่านเพลิน อ่านง่าย ข้อคิดและสิ่งที่ต้องเจอ มีความรู้ทางด้านระบาดวิทยามาฝากทุกคน
การตั้งคำถามกับปัญหาฝุ่นว่าประชาชนควรแบกรับมันจริง ๆ หรือ
การเห็นคุณค่าของงานของตนเอง เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ยอมแพ้
ไปสู่ความโรแมนติกของคุณหมอที่อยากใช้เวลากับแฟนให้ได้มากที่สุด จิตใจที่อยากสอน อยากช่วยเหลือ ที่นำมาสู่เล่มนี้ที่ผมได้อ่าน มันครบรสและดีมาก ๆ จริง ๆ ครับ
1
วันก่อน ผมได้ไปงานหนังสือและถามพี่เอ๋ นิ้วกลมว่า
หากแนะนำที่สุดใน 5 เล่มที่ออกใหม่ แนะนำเล่มไหนมากที่สุด
พี่เอ๋ตอบว่า ‘เล่มคุณหมอ‘ ครับ
ผมอยากบอกตรงนี้ว่าอ่านจบแล้วไม่ผิดหวังจริง ๆ ครับ
เพราะมันดีจริง ๆ ครับ มันสร้างแรงบันดาลใจให้จริง ๆ เหมาะกับทุกคนจริงๆครับ
หนังสือไม่หนา แต่ได้อะไรมากกว่าที่คิดเยอะครับ
ผู้เขียน คุณหมอกฤตไท ธนสมบัติกุล
จำนวนหน้า 208 หน้า
สำนักพิมพ์ KOOB
โฆษณา