24 ต.ค. 2023 เวลา 12:46 • การศึกษา

3 เทคนิคที่จะทำให้คุณกล้าพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนรู้จักที่ไม่มีสอนในห้องเรียน

ไม่ว่าคุณจะพูดภาษาอังกฤษออกมาเเบบไหนก็โดนล้ออยู่ดี
ปัญหาของสังคมไทย ณ ตอนนี้อย่างนึงที่ผมเจอคือถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษดีเกินไปคุณก็จะโดนหาว่ากระเเดะ แต่ถ้าคุณพูดภาษาอังกฤษไทยจ๋าเลยคุณก็จะโดนล้ออยู่ดีว่าห่วย ทำให้คนที่อยากพูดเลือกที่จะไม่พูดดีกว่าเพราะว่าไม่ว่าพูดออกมาเเบบไหนก็โดยล้ออยู่ดี
ในเมื่อสิ่งที่เรียนไม่ได้นำมาใช้ก็เหมือนสอนคนลงไปว่ายน้ำโดยที่ไม่ให้ว่ายน้ำ
วันนี้ผมจึงจะมานำเสนอสามเทคนิคที่ผมใช้เเก้ปัญหาความมั่นใจในการพูดภาษาอังกฤษต่อหน้าคนรู้จักที่คุณสามารถนำไปใช้ได้ตลอดชีวิต
1.ลองหัดคุยกับฝรั่งที่เจอในชีวิตประจำวัน
ข้อดีของฝรั่งส่วนใหญ่ที่ผมเจอคือนักท่องเที่ยว
ถ้าเขามาเดี๋ยวเขาก็ไปทำให้เราไม่ต้องกังวลมาก ว่าเขาจะคิดยังไงเพราะโอกาสเจอกันครั้งที่สองแทบจะเป็นศูนย์การที่เราหาจังหวะเข้าไปคุยกับเขานอกจากเราจะได้ฝึกพูดภาษาอังกฤษแล้วเรายังได้ฝึกฟังสำเนียงภาษาอังกฤษที่หลากหลายด้วย
วิธีการที่เข้าไปคุยดีที่สุดอย่างน้อยคุณต้องมีประโยคเปิดบทสนทนาที่เตรียมไว้แล้ววอย่างน้อยควรจะได้สักสองสามอันเพื่อให้บทสนทนาลื่นไหลแล้ววก็ปิดท้ายด้วยการจากลา เช่น คุณมาจากประเทศไหน คุณอยู่ประเทศไทยมากี่วันเเล้ว คุณกำลังไปที่ไหน คุณชอบอาหารไทยมั้ย ฯลฯ
เมื่อคุณทำแบบแรกได้จนคล่องแล้วผมแนะนำให้เพิ่มความท้าทายขึ้นโดยการถามชาวต่างชาติด้วยคำถามที่เพิ่มจากคำถามเเบบถามคำตอบคำ เช่น
"ตอนนี้ที่คุณท่องเที่ยวอยู่คุณติดปัญหาอะไรมั้ยที่ฉันสามารถเเนะนำหรือช่วยได้" ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถที่จะฝึกแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าแล้ววยังฝึกให้คุณใช้คำศัพท์ใหม่ๆ สำหรับกรณีที่คิดไม่ออกจริงๆผมแนะนำว่าให้เตรียมประโยคเมื่อเจอเหตุการณ์นี้เผื่อไว้ด้วย อย่างเช่น(let me google it for a sec., ขอลองค้นหาในเน็ตแปปนึงก่อน) เป็นต้น หรือถ้าไม่ชัวร์จริงๆก็บอกไปเลยว่าไม่ชัวร์
ที่ผมชอบวิธีนี้ที่สุดเพราะว่านอกจากจะได้ฝึกภาษอังกฤษเเล้วคุณยังได้ฝึกทักษะในการสื่อสารเเละความกล้าในการไปทำความรู้จักกับคนใหม่ๆเท่ากับว่าได้ฝึกทั้งซอฟท์สกิลเเละฮาร์ดสกิล
วิธีการเริ่มต้น
- พาตัวเองไปอยู่ในสภาพเเวดล้อมที่ทำให้เจอชาวต่างชาติซึ่งที่ๆดีที่สุดโดยที่ไม่ต้องไปหาไกลเเละตัวเราเองมีโอกาสได้เดินทางไปบ่อย เช่น ระบบขนส่งสาธารณะ
- เตรียมประโยคเปิดบทสนทนา ประโยคที่ผมชอบมากที่สุดคือคุณมาจากไหนเเละคุณชอบประเทศไทยมั้ย เพราะค่อนข้างที่จะถามต่อเนื่องได้ง่ายเเละไม่ส่วนตัวเกินไปถ้าเกิดจะเริ่มถามว่า คุณชื่ออะไร ถ้าคุณไปงานนิทรรศการก็อาจจะเปลี่ยนหรือเพิ่มเป็นประโยคอื่นที่เหมาะสมกว่า
- หาจังหวะเข้าไปคุยกับฝรั่งเเล้วเปิดบทสนทนา เช่นเวลานั่งรถไฟฟ้าหรือเรือคุณอาจจะสบตากับนักท่องเที่ยวคุณอาจจะยิ้มให้เเล้วเปิดบทสนทนาด้วยการชมการเเต่งตัว หรือนักท่องเที่ยวอาจจะกำลังมีปัญหาเรื่องการเดินทางเเล้วคุณได้ไปอยู่ตรงนั้นพอดี คุณอาจจะเสนอตัวไปช่วย
2.สร้างพื้นฐานการเรียนรู้ด้วยตัวเองที่ถูกต้อง
อะไรที่วัดได้ก็ย่อมสามารถพัฒนาได้
ทุกๆครั้งที่คุณเตรียมตัวออกไปพูด ไม่มีทางหรอกที่คุณจะพูดสำเร็จทุกรอบเเต่สิ่งที่คุณสามารถทำได้คือ หาเหตุผลให้ได้ว่าทำไมครั้งนี้ถึงล้มเหลว ทำไมครั้งนี้ถึงประสบความสำเร็จ มีปัจจัยภายนอกอะไรบ้างที่เอิ้อหรือเป็นอุปสรรค มีปัจจัยภายในอะไรบ้างที่ทำให้ไม่กล้าไปคุยทั้งๆที่เป็นจังหวะที่ได้ คุณนึกคำศัพท์ไม่ออกมั้ยถ้าไม่ออกมีเเหล่งเรียนรู้จากที่ไหนบ้าง หรืออะไรที่ทำให้เรามั่นใจรอบนี้เป็นพิเศษ
เมื่อระบุปัจจัยได้เเล้วให้หาว่ามีอะไรที่เเก้ไขได้ไหมเเละจะปรับปรุงให้ดีขึ้นยังไงในรอบถัดไป
การเรียนรู้ด้วยตัวเองที่ดีจะเป็นตัวที่เเยกระหว่างคนที่เล่นเกมเดิมๆทุกวันก็ยังอ่อนเหมือนเดิมกับอีกคนที่พัฒนาเรื่อยๆ
3.ประโยควิเศษที่เรียกว่า “ช่างแม่ง”
ผมเป็นคนนึงที่ไม่เชื่อในกฎแห่งแรงดึงดูดแต่ผมเชื่อในกฎแห่งงการลงมือทำ
ถ้าคุณไม่กล้าที่จะล้มเหลวเลยคุณก็จะไม่เห็นข้อบกพร่องของตัวเองและไม่มีวันได้พัฒนาตัวเอง การบอกกับตัวเองว่าช่างแม่งเป็นนวิธีที่สำคัญที่สุดเลย ถ้าไม่มีวิธีนี้ผมก็คงไม่กล้าออกไปพูดจริงๆเพราะผมเชื่อนะว่าหลายๆคนไม่ได้กังวลว่า “พูดผิด” แต่หลายๆคนกังวลว่า “คนอื่นจะคิดยังไงถ้าตัวเราเองพูดผิด”
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการสะสมความชำนาญ(ชัยชนะ)ทีละเล็กที่ละน้อยเพื่อที่จะสร้างความมั่นใจในตัวเองซึ่งจำเป็นต้องมีความอดทนและมุมานะสูงและต้องท่องไว้ในใจเสมอ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น “ช่างแม่ง”
โฆษณา