26 ต.ค. 2023 เวลา 12:00 • ธุรกิจ

‘HOKA’ จากรองเท้าที่ถูกบูลลี่ สู่แบรนด์รายได้กว่าพันล้านดอลลาร์

หนึ่งในรองเท้าผ้าใบที่สายกีฬาหลายคนนิยมใช้คงหนีไม่พ้น “HOKA” ด้วยความที่ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้าเมื่อสวมใส่ โดยเฉพาะพื้นรองเท้าที่รับแรงกระแทกได้ดี ทำให้นักวิ่งหลายคนเลือกใช้กัน รวมไปถึงคนที่จำเป็นต้องเดินเยอะๆ ทุกวัน เช่น พนักงานเสิร์ฟอาหาร พยาบาล หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ
ในช่วงแรก HOKA กลับไม่ได้รับความนิยมในหมู่แฟนชั่นนิสต้าและสนีกเกอร์เฮดเท่าไรนัก ด้วยรูปร่างโอเวอร์ไซส์และสีสันสุดฉูดฉาด แต่ปัจจุบัน HOKA กลับเป็นหนึ่งในรองเท้าผ้าใบที่ก้าวขึ้นมาเทียบเจ้าตลาดเดิมอย่าง Nike และ Adidas รวมถึงทำรายได้อย่างมหาศาลให้กับแบรนด์
HOKA ถือกำเนิดขึ้นในปี 2009 โดย Jean-Luc Diard (ฌอง-ลุค ดิอาร์ด) และ Nicolas Mermoud (นิโกลาส์ เมอร์มูด์) ซึ่งทั้งคู่เคยทำงานอยู่กับบริษัทอุปกรณ์กีฬายักษ์ใหญ่อย่าง “Salomon” หลังจากพวกเขาออกจากบริษัทเดิม ก็มีความตั้งใจที่จะทำรองเท้าวิ่งที่เหมาะกับการวิ่งประเภทต่างๆ โดยเฉพาะ “วิ่งเทรล” ไปจนถึงการปีนเขาเพื่อพิชิตยอดเขาในการแข่งขันต่างๆ และพวกเขาก็เริ่มก่อตั้งแบรนด์ร่วมกันในเวลาต่อมา
เนื่องจากรองเท้าถือเป็นตลาดใหญ่ที่มีการแข่งขันสูง และพวกเขาอยากสร้างจุดเด่นที่แตกต่าง จึงนำแนวคิดจากอุปกรณ์เล่นสกีหิมะและจักรยานเสือภูเขา มาเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความแตกต่างให้แบรนด์รองเท้าของตัวเอง (เน้นการรับน้ำหนักด้วยความนุ่ม) โดยพวกเขาได้สร้างรองเท้าขึ้นมาในชื่อ “Hoka One One” มาจากวลีของชนเผ่าชาวเมารี ซึ่งแปลคร่าวๆ ว่า “บินอยู่เหนือโลก”
1
จุดเด่นของ HOKA อยู่ที่พื้นโฟมหนานุ่มและมีน้ำหนักเบา ต่อมาพวกเขาก็พัฒนารองเท้าผ้าใบให้มีความแปลกใหม่มากขึ้น โดยเน้นประโยชน์สำหรับการวิ่งเป็นหลัก และพวกเขาเชื่อว่ารองเท้าที่ใหญ่กว่าย่อมดีกว่า ทำให้รองเท้าของพวกเขาในช่วงนั้นถูกมองว่าเป็น “รองเท้ามาร์ชเมลโลว์” หรือ “รองเท้าตัวตลก” ซึ่งบางคนก็ให้ความคิดเห็นว่า มันดูบวมและเทอะทะ ทำให้ยังไม่ได้รับความนิยมจากวงการแฟชั่นเท่ากับวงการวิ่ง และหลังจากนั้นก็เริ่มได้รับความนิยมจากคนทั่วไปที่จำเป็นต้องเดินเยอะๆ ในแต่ละวัน
หลังจากนั้นในปี 2012 ผู้ก่อตั้ง HOKA ก็ขายบริษัทให้กับ Deckers Brands โดยยอดขายของพวกเขาอยู่ที่ประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ในปีนั้น แต่เมื่อผ่านไป 5 ปี เจ้ารองเท้าอวบอ้วนนี้ก็สร้างรายได้เกินร้อยล้านดอลลาร์ และทะลุไปถึงพันล้านดอลลาร์ในปัจจุบัน
1
หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ HOKA เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นโดยเฉพาะในมุมของแฟชั่นมาจากการที่มีภาพเหล่าคนดัง สวมใส่รองเท้าดังกล่าวในชีวิตประจำวันบนโซเชียลมีเดีย เช่น Britney Spears, Gwyneth Paltrow, Winnie Harlow, Pippa Middleton และ Reese Witherspoon เป็นต้น
และไม่ใช่แค่คนดังเท่านั้นที่ทำให้ HOKA มีบทบาทในแวดวงสนีกเกอร์มากขึ้น แต่ด้วยราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตร ทำให้ผู้คนเข้าถึงได้ง่าย โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณคู่ละ 125 - 175 ดอลลาร์ หรือประมาณ 4,550 - 6,370 บาท (คำนวณจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา ณ 17 ต.ค. 2023)
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Nike และ Adidas เริ่มได้รับความนิยมลดลง (เพียงเล็กน้อยเท่านั้น) จึงเป็นโอกาสให้แบรนด์ขนาดเล็กและขนาดกลางมีโอกาสสร้างรายได้มากขึ้น และ HOKA ก็ไม่ปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป พวกเขาพัฒนาให้รองเท้าสามารถใส่ได้ทั่วไปในชีวิตประจำวัน ไม่ใช่เพียงแค่ใส่เวลาออกกำลังกายอย่างเดียว และแบรนด์ก็เริ่มได้รับการตอบรับจากผู้ชื่นชอบแฟชั่นมากขึ้น รวมถึงคนทั่วไปที่กำลังมองหารองเท้าที่ใส่ได้ในทุกวันหรือทุกโอกาสอีกด้วย
1
ปัจจุบัน “HOKA” สร้างรายได้ให้กับบริษัทแม่ถึง 36% เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ทำได้ 21% ในปี 2020 และล่าสุดมียอดขายทะลุ 1,400 ล้านดอลลาร์ไปเป็นที่เรียบร้อย โดยข้อมูลจาก StockX ตลาดรีเซลชื่อดังระบุว่า HOKA คือแบรนด์ที่กำลังเติบโต โดยในเดือน ส.ค. 2023 HOKA ถือเป็นแบรนด์รองเท้าผ้าใบที่เติบโตเร็วที่สุด และสร้างรายได้เป็นอันดับสองของปี 2022 โดยมีการเติบโตต่อปีที่ 713 % ส่วนอันดับหนึ่งคือรองเท้าแบรนด์ Salomon ที่เติบโตอยู่ที่ 2,277%
1
อ่านต่อ:
โฆษณา