Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของเราเอง
•
ติดตาม
28 ต.ค. 2023 เวลา 09:46 • นิยาย เรื่องสั้น
ชีวิตบัดซบที่คิดว่าไม่มีจริง EP.11 จุดเปลี่ยน
เราเริ่มอ่านหนังสือเพื่อจะสอบภาค ก. เราไปตามร้านหนังสือหาหนังสือจากอาจารย์ชื่อดังต่างๆมาอ่านอยู่หลายเล่มและอ่านเป็นเวลา 3 – 4 เดือนเต็มโดยใช้เวลากลางคืนหลังเลิกงาน
การเริ่มงานใหม่ในครั้งนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ข้อดีก่อนแล้วกันนะ ข้อดีสำหรับเราคือการได้ทำงานกับบริษัทที่เราอยากทำและตรงสายงานที่เรียนมาโดยตรงซึ่งเราไม่เคยคิดฝันว่าจะได้ทำ ส่วนข้อเสียคือเรื่องการเดินทางเนื่องจากบริษัทที่เราทำงานค่อนข้างไกลจากบ้านและไม่มีรถรับส่งทำให้เราต้องขับรถไปทำงานเป็นการเพิ่มภาระรายจ่ายในแต่ละเดือนคิดเป็นเงินก็หลายบาทอยู่เหมือนกัน
โรงงานที่เราเข้ามาทำงานใหม่ภายในโรงงานแบ่งอออกเป็นสัดส่วนที่ชัดเจนมีทั้งส่วนสำนักงานส่วนสโตร์และส่วนงานผลิตที่ห้ามผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับส่วนนั้น ๆ เข้าไปเด็ดขาด เพราะโรงงานที่เราทำเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์จำเป็นต้องเน้นความสะอาดและต้องปลอดเชื้อ โดยเฉพาะห้องปลอดเชื้อหากเข้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาตินั้นจะโดนไล่ออกทันทีเพราะอาจทำให้สินค้านั้นปนเปื้อนและเกิดความเสียหายได้
การเริ่มงานในวันแรกพี่ที่ทำงานจะพาทัวร์ในโรงงานในส่วนสำนักงานเป็นส่วนใหญ่ เพราะเป็นส่วนที่เราต้องทำงานมากที่สุด ภายในห้องทำงานมีทั้งส่วนงานออกแบบงานเอกสารที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ทั้งนั้น หน้าที่ของเราก็คือคอยซัพพอร์ทเจ้าหน้าที่ทุกคนในบริษัทหากคอมพิวเตอร์มีปัญหา ยกเว้นผู้บริหารระดับสูงที่พี่หัวหน้าแผนกจะเข้าไปจัดการเอง
สำหรับเราการทำงานที่นี่ค่อนข้างจะวุ่นวายโดยเฉพาะกับพวกป้าๆที่เป็นหัวหน้างานทั้งหลายเวลาคอมพิวเตอร์มีปัญหาเล็ก ๆ น้อยก็เรียกเช่น คอมเปิดไม่ติด แลนไม่เห็นส่งปริ้นเอกสารไม่ได้ เครื่องปริ้นกลางของสำนักงานใช้งานไม่ได้ก็จะเรียกเรา เล่นเอาวุ่นวายกันทั้งวันเลยทีเดียวส่วนพวกเจนใหม่ๆที่พอมีความรู้อยู่บ้างก็ไม่ค่อยเรียกเราเท่าไหร่ และหน้าที่อีกอย่างหนึ่งของเราคือคอยดูแลระบบเซิฟเวอร์ของบริษัทซึ่งต้องคอยเมนเทอร์แนน ทุก ๆ 3 เดือน รวมถึงการสำรองข้อมูลทุก ๆ อาทิตย์เพื่อป้องกันข้อมูลศูนย์หาย
1
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/png-images/isometric-cloud-service%2C-online-data-transfer-to-gadget-device_1648909.html
ที่ตื่นเต้นที่สุดคือเวลาสิ้นปีจะมีการเปลี่ยนถ่ายคอมพิวเตอร์เก่าๆออกเปลี่ยนเป็นคอมพิวเตอร์รุ่นที่ใหม่กว่า หากเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนทั้งบริษัทเล่นเอาแผนกเราวุ่นวายทั้งเดือน เพราะเราต้องลงโปรแกรมใหม่ทุกเครื่องและที่สำคัญคือเป็นระบปฏิบัติการของบริษัทเราใช้ระบบปฏิบัติการแท้ทุก ๆ เครื่อง หลังจากผ่านมาได้ 1 ปีเราก็เริ่มเห็นความวุ่นวายความไม่เท่าเทียมกันในหลาย ๆ อย่างในบริษัท
บริษัทแห่งนี้มีการทำงานแบบแบ่งชนชั้นอย่างชัดเจนในการปฏิบัติต่อพนักงาน หากเป็นพนักงานในฝ่ายผลิตที่เป็นพวกซัพคอนแท็กหรือรายวันจะถูกเอาเปรียบจากฝ่ายบุคคลในหลายๆสิ่งที่จำเป็นต้องได้ เช่นวันหยุดพวกรายวันจะไม่ได้หยุดเสาร์-อาทิตย์ ต้องมาทำงาน มีการดูแลรักษาจากประกันสังคมเท่านั้นไม่มีประกันกลุ่ม แต่ถ้าหากเป็นพวกสตาร์ฟขึ้นไปถึงจะได้หยุด เสาร์เว้นเสาร์และมีการดูแลสุขภาพจากประกันสังคมและมีประกันกลุ่ม พวกรายวันนั้นหากทำผิดไม่ว่ากรณีใดๆจะโดนในเตือนทันทีหากโดนเกิน 3 ใบจะโดนไล่ออกทันที
1
หากเป็นคนงานที่อยู่มานานหรือเป็นที่ชื่นชอบของหัวหน้างานก็จะไม่ค่อยโดน ฝ่ายบุคคลก็คอยจ้องจับผิดอยู่ตลอดเวลาเห็นแล้วอึดอัดมาก คำพูดของผู้บริหารที่เป็นคนไทยที่เราเคยได้ยินจากการที่เราเข้าประชุมด้วยนั้นค่อนข้างเห็นแก่ตัวมากไม่นึกถึงจิตใจคนงานรายวันเลย ส่วนเราก็ทำงานตามหน้าที่ไปเรื่อย ๆด้วยความสนุกเวลาผ่านไปไวมาก ๆ
เป็นเวลา 1 ปีที่เราทำงานที่บริษัทนี้เริ่มไม่มีอะไรท้าทายงานก็ซ้ำๆ เจอแต่งานเดิมๆ เมื่อหมดความท้าทายที่จะทำงาน ต้นปีพ.ศ.2554 เราคิดที่จะเปลี่ยนสายงานและงานที่เราต้องการคือเป็นข้าราชการซึ่งก่อนหน้านี้เราหน้านี้เราไม่เคยคิดจะทำงานราชการมาก่อน เราเริ่มอ่านหนังสือเพื่อจะสอบภาค ก. เราไปตามร้านหนังสือหาหนังสือจากอาจารย์ชื่อดังต่างๆมาอ่านอยู่หลายเล่มและอ่านเป็นเวลา 3 – 4 เดือนเต็มโดยใช้เวลากลางคืนหลังเลิกงาน
การที่เราคิดจะเปลี่ยนสายงานมาเป็นข้าราชการเพราะตอนนั้นยิ่งทำงานสายโรงงานยิ่งทำยิ่งเป็นหนี้ไม่รู้ทำไมหรือเราคิดไปเองก็ไม่รู้และเพื่อความเป็นอยู่ของครอบครัวที่จะดีขึ้นมากหากเราสอบติด ไม่ว่าจะเป็นการรักษาพยาบาลของลูกการเรียนของลูกหากโตขึ้นจะได้เรียนสูงๆไม่เหมือนกับเรา
เราสมัครสอบกพ.ภาค ก.เราด้วยความที่เราขยันอ่านหนังสือมากมองหน้าลูกและคิดถึงอนาคตของเขา ทำให้เรามีกำลังใจในการอ่านหนังสือ สอบกพ.ภาค ก. เราทำข้อสอบได้แต่ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะผ่านหรือเปล่า แล้วเราก็สอบผ่านภาค ก. อย่างที่ไม่คิดว่าจะผ่านเรียกว่าผ่านแบบงง และเราก็เริ่มหาที่สอบเข้าตามหน่วยงานต่างๆที่เปิดสอบและตามที่วุฒิของเราได้แต่ในสมัยนั้นค่อนข้างจะหายากมากเขาต้องการวุฒิปริญญาตรีเท่านั้น ส่วนเรามีแค่วุฒิอนุปริญญา เลยหายากกว่าคนอื่นเขา เราหาอยู่หลายเดือนคอยดูตามเวปต่างๆแล้วโอกาสก็มาถึง
จนเราเปิดเจอในเวปของหน่วยงานหน่วยงานหนึ่งเปิดสอบตามวุฒิที่เรามีเรารีบสมัครทันที เราไปตามร้านหนังสือและหาหนังสือที่เกี่ยวกับหน่วยงานนั้นมาอ่านอย่างบ้าคลั่งเป็นเวลา 3 เดือนเต็มอ่านวนไปวนมา แล้ววันสอบก็มาถึงเราตื่นเต้นมากเพราะต้องไปสอบที่กรุงเทพฯ มีคนมาสอบจำนวนมากราวๆ 3,000 คนได้ เรานั่งอ่านข้อสอบและค่อยๆทำไปทีละข้อจนหมดเวลา หลังจากสอบเสร็จเรามึนหัวมากๆเพราะเราอ่านข้อสอบแต่ละข้ออยู่หลายรอบกว่าจะตอบได้
เวลาผ่านไปอีก 3 เดือนทางหน่วยงานก็ประกาศผลกาสอบเราตะโกนลั่นบ้าน “กูสอบติดแล้วโว้ย!!!” เราดีใจมากแบบบอกไม่ถูกที่เราสามารถทำได้ แต่ก็มีเหตุที่ต้องรอเรียกบรรจุนั่นก็คือน้ำท่วม ในปี 2554 เกิดเหตุน้ำท่วมใหญ่อีกครั้งในจังหวัดอยุธยา บริษัทที่เราทำงานอยู่โรงงานเสียหายมาก น้ำท่วมชั้น 1 ทั้งชั้นเครื่องจักรพังเสียหายหมดแต่ผู้บริหารก็แก้ปัญหาโดยการย้ายสถานที่ผลิตสินค้าไปที่จังหวัดนครราชสีมา และเช่าโรงงานที่มีเครื่องจักรเหมือนกันในการผลิตสินค้าเพราะลูกค้าสั่งสินค้ามาเป็นจำนวนมากในช่วงนั้นเลยหยุดผลิตไม่ได้
ขอบคุณภาพ : https://mgronline.com/motoring/detail/9540000135266
ผู้บริหารถามความสมัครใจว่าใครจะตามไปบ้างหากใครไม่สมัครใจก็จะจ่ายเงินชดเชยให้ตามสมควร เราตัดสินใจตามไปเพราะน้ำท่วมแบบนี้หากออกจากงานคงแย่แน่ๆ และอีกอย่างคือที่เราสอบติดไว้ก็ยังไม่เรียกไปรายงานตัวเพราะติดน้ำท่วมเหมือนกันเราเลยต้องทำไปก่อน
การที่ต้องไปทำงานไกลจากครอบครัวมันก็เลยทำให้เราเปลี่ยนของชีวิตอีกครั้ง และเป็นจุดผลิกผันในครอบครัวเรา ช่วงที่เราทำงานไกลและห่างไกลจากครอบครัวเรากอยากได้กำลังใจจากคนที่เรารักเพื่อต่อสู้กับความเหงา แต่ทุกครั้งที่เราโทรหานุชสิ่งที่เราได้ยินนั้นคือ เงินออกเมื่อไรเงินอ่ะ โอนเงินให้หรือยัง หรือเวลาเรากลับบ้านนุชจะออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆปล่อยให้เราดูแลลูกอยู่คนเดียวทุกครั้งที่กลับบ้านไม่เคยถามเราสักครั้งว่าเหนื่อยมั้ย... ทำให้เราเริ่มเบื่อ ซึ่งตอนนั้นมีผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในชีวิตเรา
เธอชื่อ ปิม ปิมอายุมากกว่าเรา 3 ปีผิวขาวตัวเล็กน่ารัก และที่สำคัญตรงสเป็กเราเลย เราทั้งสองคนทำงานในบริษัทที่บริษัทเดียวกัน ตอนแรกๆก็แค่คุยกันเฉยๆ แต่พอคุยกันไปกันมานานเข้าก็เริ่มสนิทกัน การคุยกันส่วนใหญ่ระหว่างเรากับปิมเป็นคุยกันเรื่องครอบครัวเพราะเขาก็มีปัญหาครอบครัวเหมือนกัน เพราะแฟนปิมเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้มากและที่สำคัญชอบเล่นการพนันและไม่สนใจครอบครัวเลย ปิมอยากเลิกกับแฟนของเธอมากแต่ติดที่มีลูกด้วยกัน ปิมไม่อยากให้ลูกมีปัญหาเลยต้องทน เราก็เลยคุยแกมจีบไปเรื่อย ๆ และคอยให้กำลังใจปีม
ขอบคุณถาพ: https://www.blockdit.com/posts/5c75834a3718dc795313b48c
ความสัมพันธ์ระหว่างเรากับปีมจากคำว่าชอบเริ่มก่อตัวเป็นความรัก แต่เราก็ยังชั่งใจอยู่เพราะเราก็มีลูกและมีครอบครัวเหมือนกันในที่สุดเราก็ตัดสินใจเลิกกับนุช มันเป็นการตัดสินใจที่ยากมากสำหรับเรา เราเริ่มทำตัวแย่ๆใส่นุช เวลานุชโทรมาบอกว่าลูกป่วย เรารีบไปหาและรีบกลับทันที มีอยู่ครั้งหนึ่งเราขับไปถึงบ้านนุชยึดเอากุญแจรถเราไป เราแอบเอากุญแจสำรองที่เราซ่อนไว้แล้วขับรถกลับมาที่หอพักทันที โดยไม่สนใจความรู้สึกของนุชเลย ในที่สุดเราตัดสินใจขอนุชหย่านุชขอเราหนึ่งล้านบาท ไม่อย่างนั้นไม่หย่า
เลยตัดสินใจฟ้องหย่าเพราะเรากับนุชไม่มีอะไรกันเกือบ3ปี มันเข้ากฎหมายครอบครัวเกี่ยวกับการหย่ามาตรา4ข้อ4.2 ทำให้เราหย่ากับนุชได้สำเร็จ เราให้ค่าทำขวัญนุชเป็นเงิน70,000บาทจากการขายรถ มันดูเหมือนเห็นแก่ตัวนะแต่สำหรับเรา เราต้องการคนที่รักเราจริงๆไม่ว่าสถานะการณ์ไหนก็ตามไม่ใช่เฉพาะเวลามีเงิน ส่วนลูกเราคุยกับลูกว่าถึงพ่อจะเลิกกับแม่แต่หนูก็ยังเป็นลูกพ่อนะ พ่อจะดูแลหนูให้ดีที่สุดเท่าที่พ่อคนนี้จะทำให้ได้
เราตัดสินใจคุยและคบกับปิมอย่างจริงจังทั้งๆที่เขายังไม่เลิกกับแฟนเขา แต่เราอยู่เป็นเราอยู่ในฐานะแบบนี้มาตลอดชีวิตอยู่แล้วเรามีแค่กระเป๋าใบเดียวที่ติดตัวมา หลังจากนั้นไม่นานสถานะการณ์น้ำท่วมก็คลี่คลายบริษัทเรากลับมาที่อยุธยาปิมตามกลับมาด้วย เรามาเช่าหออยู่กับปิมแบบเงียบๆและก็ทำงานที่บริษัทเดียวกันอยู่ระยะหนึ่ง
แล้วหน่วยงานที่เราสอบติดนั้นก็ประการเรียกตัวเข้าบรรจุ ปิมดีใจกับเรามากที่เราได้เรียกเข้าบรรจุเราก็ดีใจมากเช่นกัน เรื่องเรากับปิมเริ่มมีคนในบริษัทรู้เรื่องมากขึ้นเป็นจังหวะเดียวกันที่หน่วยงานนั้นเรียกไปฝึกก่อนเข้าทำงานพอดีเราเลยลาออกจากบริษัท เป็นจังหวะที่พอเหมาะพอเจาะดีจริงๆ แต่เราก็ยังอยู่กับปิมที่หอพักนั้นโดยจะกลับมาหาปิมในวันเสาร์-อาทิตย์และต้องกลับไปฝึกในวันจันทร์จนเราฝึกเสร็จ หลังจากฝึกเสร็จสิ้นเราได้ไปบรรจุที่หน่วยงานที่ค่อนข้างไกลและเป็นสถานที่ที่น่ากลัวมากพอสมควร...
จบ EP.11
1
EP.12 การเริ่มงานใหม่ในสถานที่ใหม่ในครั้งนี้นั้นมันเป็นอะไรที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลยในชีวิต เพราะตอนวัยรุ่นนั้นเราค่อนข้างนิสัยไม่ดีและคิดว่าเราเกลียดพวกที่อยู่ในเครื่องแบบมาก มันค่อนข้างยากนะแต่เราก็ต้องทำให้ได้ แม้จะกลัวแม้จะหวาดหวันในทุกเรื่องก็ตาม แต่เพื่อลูกเราและอนาคตของเราในวันข้างหน้าอีกทั้งการรอคอยให้ปิมตัดสินใจที่จะก้าวออกมาจากชีวิตเดิมมาเริ่มต้นใหม่กับเรา...
ขอบคุณภาพปก :
https://kalyanamitra.org/th/article_detail.php?i=7709
เรื่องเล่า
นักเขียน
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย