28 ต.ค. 2023 เวลา 13:30 • ความคิดเห็น

ศิลปะแห่งการนั่งโง่ๆ

ในยุคสมัยแห่งการเรียนรู้อันไม่มีที่สิ้นสุด ยุคสมัยที่การแข่งขันรุนแรงตั้งแต่เรียนจนทำงานก็ต้องออกมาแข่งกับคนเก่งๆ ต้องพัฒนาตัวเองตลอดเวลา และล่าสุดก็จะต้องแข่งกับ AI อีก เราก็เลยถูกเทรนให้กลายเป็นมนุษย์ที่ต้อง superproductive ตลอดเวลา มากเสียจนพออยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไรก็จะรู้สึกผิดขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ทั้งๆ ที่มนุษย์เราแต่ไหนแต่ไรมาหลายแสนปีก็มีเวลาว่าง นั่งคุยนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยเป็นส่วนใหญ่ของชีวิต มาทำงาน 40 ชั่วโมงต่ออาทิตย์เมื่อไม่กี่สิบปีมานี้และมาบ้าคลั่งเป็น 996 (เก้าโมงเช้าถึงสามทุ่มหกวัน) ก็ช่วงยุค startup 10X เมื่อไม่กี่ปีมานี้เอาด้วยซ้ำ
วัฒนธรรมการเก็บแต้มเหมือนการเล่นเกมส์ที่ต้อง uplevel ต้องใช้เวลาให้มีประโยชน์ตลอดเวลานั้นลามไปถึงการไปเที่ยวสำหรับหลายคนอีกด้วย การไปเที่ยวที่แต่ก่อนน่าจะเท่ากับไปพักผ่อน พอเราเอาแนวความคิดที่ต้อง productive ติดไปโดยไม่รู้ตัว
การนอนเล่นอยู่โรงแรมเฉยๆกับกลายเป็นบาปมหันต์ ไปถึงวางกระเป๋าแล้วต้องออกไปตามลิสต์ที่ไปดูมาจาก social media 10 สถานที่ที่ต้องไป 5 ร้านกาแฟที่ต้องชิม ต้องเก็บแต้มให้ครบ ไปถึงถ่ายรูปนิดหน่อยแล้วต้องรีบไปต่อเพราะเดี๋ยวเก็บไม่ครบ กลับถึงห้องสามทุ่มก็สลบ พรุ่งนี้ตื่นแต่เช้าไปลุยต่อ ไม่ได้สนใจคนที่ไปด้วยว่าจะไหวรึเปล่า กลัวแต่จะไม่คุ้ม
ลากชาวคณะตะลอนไปเหนื่อยสายตัวแทบขาด ไปเที่ยวห้าวันกลับมาเหนื่อยกว่าเดิมอีก แล้วกลับมาทำงานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพต่อ เป็นหนูถีบจักรจนไม่มีเวลาทบทวน ตกตะกอน หรือแม้แต่พัก เพราะเป็นความรู้สึกผิดในใจถ้าใช้เวลาไม่คุ้มนั่นเอง
ในหนังสือ how to live a good life ของนิ้วกลมได้เล่าถึงปรัชญาของชาวดัตช์ซึ่งเป็นชนชาติที่มีความสุขที่สุดชาติหนึ่งของโลกไว้ โดยมีคำว่า Niksen เป็นปรัชญาหลัก Niksen แปลได้ตรงตัวว่า การ “ไม่ทำอะไรเลย” โดยมีนิยามประมาณว่าเป็น “พลังแห่งการพัก”
ในบทความของ Time เกี่ยวกับเรื่องนี้เล่าถึงโค้ชที่สถาบันที่ช่วยเรื่อง burnout ที่เนเธอแลนด์ซึ่งอธิบายไว้ว่า Niksen นั้นจะทำอะไรก็ได้ อยู่เฉยๆ ฟังเพลง มองโน่นมองนี่ ตราบใดที่ไม่ต้องมีจุดประสงค์ใดๆ หรือต้องพยายามทำตัวให้ productive ใดๆ ทั้งสิ้น เป็นช่วงเวลาผ่อนคลาย หรือแม้แต่จะทำอะไรก็ทำโดยไม่ต้องเคร่งเครียดหรือมีจุดหมายกับมัน เช่นถักนิ้ตติ้งไปเรื่อยๆ ก็ได้
ในโลกเดิมที่การไม่ทำอะไรเลยนั้นอาจจะดูเป็นคนขี้เกียจ แต่ในโลกที่ปัญหาเรื่อง burnout กลายเป็นปัญหาใหญ่ Niksen กลับกลายเป็นวิธีการหนึ่งที่ช่วยลดความเครียดจากการทำงาน คุณ ekman แห่ง Greater good science center ของ UC Berkley เล่าถึงงานวิจัยว่าการที่ทำอะไรช้าลงหรือไม่ทำอะไรเลยบ้างนั้นช่วยเป็นอย่างมากเรื่องการลด anxiety หรือแม้กระทั่งทำให้ความเครียดลดลงอันจะมีผลต่อร่างกายเป็นอย่างมาก
นอกจากนั้นการที่ไม่ทำอะไรเลย มีเวลาที่ไม่ต้องพยายามไม่ได้มีเป้าหมายอะไรชัดเจนนั้นก็ยังทำให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้อย่างไม่น่าเชื่อ ทาง World database of happiness อธิบายว่า ต่อให้เราไม่ได้ทำอะไร สมองเราก็ยังทำงาน พยายามหาทางแก้ปัญหาอยู่โดยที่เราไม่รู้ตัวอยู่ดี ความคิดสร้างสรรค์จึงมักจะเกิดในช่วงเวลาแบบนี้
ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นกับผมอยู่บ่อยมากๆเวลาคิดงานดีๆ ออก หรือแม้กระทั่งบุคคลอย่างไอนสไตน์ที่มักจะคิดอะไรเจ๋งๆออกเวลาเล่นไวโอลิน เซอร์ไอแซค นิวตันก็คิดออกตอนนั่งโง่ๆอยู่ใต้ต้นแอปเปิ้ล หรือแม้กระทั่งบิล เกตส์ ยังจัดเวลาสองอาทิตย์ที่ห้ามใครรบกวน ไปอยู่ที่กระท่อมคนเดียวพร้อมกับหนังสือ ซึ่งเขาบอกเป็นเวลาที่เขาได้ไอเดียมากที่สุด
ความย้อนแย้งที่น่าสนใจอีกประการหนึ่งของการไม่ทำอะไรเลยอีกอย่างกลับกลายเป็นว่า เราอาจจะสามารถแก้ปัญหาที่เวลาเราหมกมุ่นพยายามอยู่แล้วแก้ไม่ได้ด้วยซ้ำ มีงานวิจัยใน Frontiers in psychology แสดงให้เห็นว่าการที่ปล่อยใจล่องลอยไปเรื่อยๆกลับช่วยสร้างแรงบันดาลใจและทำให้เห็นภาพชัดขึ้น เป็นการตกตะกอนความคิดและทำให้การไปถึงเป้าหมายดูจะชัดเจนขึ้นด้วยซ้ำ
ผมว่ายังไงในโลกที่เราต้องต่อสู้กับอะไรหลายอย่าง ต้องทำตัว productive แทบจะตลอดเวลา เราก็ไม่ควรจะรู้สึกผิดกับการที่ได้นั่งโง่ๆ ไม่ต้องทำอะไรบ้าง เพราะการนั่งโง่ๆ ปล่อยใจไหลไปเรื่อยๆ เล่นกับลูก เดินเรื่อยเปื่อย จิบกาแฟเหม่อๆ หรือแม้แต่หายใจทิ้งเฉยๆ บ้างนั้น
แท้จริงแล้วก็คือ productivity ชนิดหนึ่งที่ทำให้เราได้พัก ได้ลดความเครียด และอาจจะได้ความคิดดีๆ อย่างที่งานวิจัยหลายชิ้นบอกตรงกัน ที่สำคัญคือน่าจะได้ตกตะกอนชีวิต ได้ “เห็น” คนข้างๆ ที่ไปเที่ยวกับเราบ้าง ไม่ใช่มุ่งแต่เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว
แต่ที่สำคัญของศิลปะในการนั่งโง่ๆของผมก็คืออย่าไปคาดหวังอะไรพวกนี้ว่าจะลดเครียด ได้ไอเดีย ใดๆ แค่อนุญาติให้ตัวเองนั่งโง่ๆบ้างโดยไม่รู้สึกผิด วันละนิดวันละหน่อย ไปเที่ยวสี่วันก็ปล่อยซักวันเป็นวันที่ไม่ต้องล่าอะไรบ้าง เราอาจจะค้นพบอะไรดีๆกับความรู้สึกตัวเองขึ้นอีกเยอะเลยก็ได้
และถ้าการนั่งโง่ๆเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ผมนี่น่าจะเป็นศิลปินเอกทางด้านนี้คนหนึ่งเลยนะครับ….
โฆษณา