Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Timeless History (ประวัติศาสตร์ไร้กาลเวลา)
•
ติดตาม
2 พ.ย. 2023 เวลา 04:30 • ประวัติศาสตร์
“อังค์เอสเอ็นอามุน (Ankhesenamun)” มเหสีของ “ฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun)”
“อังค์เอสเอ็นอามุน (Ankhesenamun)” เสด็จพระราชสมภพเมื่อราว 1,350 ปีก่อนคริสตกาล โดยพระองค์เป็นพระราชธิดาองค์ที่สามของ “ฟาโรห์อเคนาเทน (Akhenaten)” กับ “ราชินีเนเฟอร์ติติ (Nefertiti)”
1
เป็นเวลานานกว่า 3,000 ปีที่ชีวิตและเรื่องราวของราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนเป็นปริศนา ข้อมูลเกี่ยวกับพระองค์นั้นมีไม่มากนัก
แต่สิ่งที่สร้างชื่อให้พระองค์ก็คือการที่พระองค์ทรงเป็นพระมเหสีของ “ฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun)” ซึ่งก็เป็นพระพี่น้องต่างพระมารดากับพระองค์
อังค์เอสเอ็นอามุน (Ankhesenamun)
อาจจะเรียกได้ว่าฟาโรห์ตุตันคาเมนนั้นเป็นฟาโรห์ที่โด่งดังที่สุดองค์หนึ่งของอียิปต์ก็ว่าได้ เนื่องจากมีการสำรวจและขุดหลุมฝังพระบรมศพของพระองค์ในปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465)
และราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนก็เป็นพระมเหสีของพระองค์ และยังเป็นพระพี่น้องกับพระองค์อีกด้วย
อียิปต์โบราณนั้นเป็นโลกที่แตกต่างจากโลกปัจจุบัน ในเวลานั้นอียิปต์กำลังเผชิญกับความเสี่ยงในหลายๆ ด้าน ราชวงศ์ผู้ปกครองอียิปต์ก็สุ่มเสี่ยงจะโดนโค่นล้ม และการแต่งงานในครอบครัวโดยเฉพาะกับชนชั้นปกครองนั้นก็เป็นเรื่องปกติ
ในสมัยอียิปต์โบราณ การสมสู่ในครอบครัวเป็นเรื่องปกติ โดยเฉพาะกับราชวงศ์ที่เชื่อกันว่าสืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้า
ฟาโรห์ตุตันคาเมน (Tutankhamun)
การแต่งงานในครอบครัวก็คือการรักษาความบริสุทธิ์ของสายเลือด และยังเป็นการรักษาอำนาจให้มั่นคง ทำให้ไม่มีใครมาช่วงชิงบัลลังก์ได้
แต่การสมสู่ในครอบครัวก็มีสิ่งที่ต้องแลกมาเช่นกัน และผู้คนในยุคนั้นก็ไม่ทราบถึงผลร้ายของการสมสู่ในครอบครัว
แม้แต่ฟาโรห์ตุตันคาเมนเองก็เชื่อกันว่าพระองค์ทรงเกิดมาจากพระราชบิดาและพระราชมารดาที่มีสายเลือดเดียวกัน โดยข้อสันนิษฐานนี้ก็เกิดจากที่ตรวจสอบพระบรมศพและพบว่าพระองค์นั้นมีพระพลานามัยอ่อนแอ ทรงพระประชวรด้วยหลายโรค และบางคนก็คิดว่าบางทีพระราชบิดาและพระราชมารดาของพระองค์น่าจะเป็นพี่น้องแท้ๆ กันด้วยซ้ำ
นักประวัติศาสตร์หลายคนเชื่อว่าฟาโรห์อเคนาเทนอาจจะทรงพยายามมีพระราชบุตรกับพระราชบุตรของพระองค์เองด้วยซ้ำ โดยมีหลักฐานบางแห่งระบุว่าพระองค์ทรงพยายามจะมีบุตรกับพระพี่นางของราชินีอังค์เอสเอ็นอามุน ซึ่งก็คือพระราชธิดาของฟาโรห์อเคนาเทนเอง
3
ฟาโรห์อเคนาเทน (Akhenaten)
ฟาโรห์อเคนาเทนนั้น ในเวลานั้นพระองค์ก็ทรงอยู่ในฐานะที่สุ่มเสี่ยง และนั่นอาจจะเป็นเหตุผลที่ทำให้พระองค์ทรงพยายามทุกวิถีทางที่จะรักษาอำนาจไว้
ฟาโรห์อเคนาเทนทรงแบกรับความเชื่อทางศาสนาที่ยาวนานนับร้อยปี และก็มีแนวโน้มว่าสังคมกำลังจะเปลี่ยนไปสู่การนับถือพระเจ้าองค์เดียว
1
ฟาโรห์อเคนาเทนทรงหันหลังแก่พระเจ้าองค์เก่า และหันมานับถือ “อาเทน (Aten)” สุริยเทพองค์หนึ่ง และอาเทนก็กลายเป็นเทพเจ้าสูงสุดที่ชาวอียิปต์นับถือ
การตัดสินพระทัยของฟาโรห์อเคนาเทนนับเป็นการพลิกโครงสร้างอำนาจของอียิปต์ และกระทบต่ออำนาจของเหล่านักบวช
อาเทน (Aten)
และเหล่านักบวชก็คือขุมกำลังหนึ่งของราชวงศ์อียิปต์ และเมื่อปราศจากอำนาจสนับสนุน ราชวงศ์ก็อยู่ในภาวะวิกฤต
การเปลี่ยนแปลงทางศาสนานี้ส่งผลสำคัญต่อดินแดนอียิปต์ ทำให้อำนาจเปลี่ยนมือไปสู่กองทัพและรัฐบาลกลาง และทำให้ปัญหาการโกงกินเพิ่มขึ้น
และแล้วอยู่ๆ ฟาโรห์อเคนาเทนก็สวรรคต และฟาโรห์ตุตันคาเมนก็ขึ้นเสวยราชสมบัติแทน
เมื่อฟาโรห์ตุตันคาเมนขึ้นสู่อำนาจ พระองค์ก็ทรงอภิเษกสมรสกับอังค์เอสเอ็นอามุนซึ่งเป็นพระพี่น้องกับพระองค์ และทั้งสองพระองค์ก็ทรงตีตัวออกห่างจากความเชื่อทางศาสนาของพระราชบิดา
บางทีอาจจะเป็นเพราะพระองค์ทรงถูกกดดันจากเหล่านักบวช ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางศาสนาอีกครั้ง และหันกลับมานับถือสุริยเทพองค์เดิม
แต่ถึงอย่างนั้นปัญหาหลายๆ อย่างก็ยังคงอยู่ ฟาโรห์และองค์ราชินีนัั้นยังทรงพระเยาว์ทั้งสองพระองค์ ทำให้ทั้งสองพระองค์ต้องพึ่งพิงเหล่าที่ปรึกษาในการบริหารราชการแผ่นดิน
รัชสมัยของฟาโรห์ตุตันคาเมนก็ไม่ใช่ช่วงเวลาที่สุขสบายสำหรับพระองค์ จากการตรวจสอบมัมมี่ของพระองค์ ก็พบว่าพระพลานามัยของพระองค์นั้นทรุดโทรม และพบไม้เท้าจำนวนมากในสุสานของพระองค์
ทางออกของอนาคตก็คือฟาโรห์ตุตันคาเมนจำเป็นต้องมีรัชทายาท และก็มีหลักฐานว่าพระองค์และราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนทรงพยายามจะมีพระราชบุตรด้วยกัน หากแต่ก็ล้มเหลว โดยมีการพบมัมมี่ของทารกในครรภ์จำนวนสองร่าง ซึ่งมีอายุห้าเดือนและแปดเดือนในสุสานของฟาโรห์ตุตันคาเมน
จากการตรวจสอบพบว่าทารกนี้เป็นพระราชบุตรของฟาโรห์ตุตันคาเมนกับมัมมี่ร่างข้างๆ มัมมี่ฟาโรห์ตุตันคาเมน และก็เชื่อว่ามัมมี่นี้คือมัมมี่ของราชินีอังค์เอสเอ็นอามุน
2
และจากการตรวจสอบมัมมี่ทารกที่ยังไม่คลอดนั้น ก็พบว่ามีภาวะผิดปกติ หากคลอดออกมาก็จะต้องประชวรด้วยหลายโรค ซึ่งก็น่าจะมาจากภาวะเลือดชิดนี่เอง
1
ฟาโรห์ตุตันคาเมนสวรรคตด้วยพระชนมายุ 19 พรรษา ซึ่งเหตุแห่งการสวรรคตนั้นหลายคนก็คิดว่าเกิดจากอุบัติเหตุ
นักประวัติศาสตร์หลายคนคิดว่าพระองค์ทรงประสบอุบัติเหตุในช่วงที่แข่งรถม้า เนื่องจากพบรอยแตกหักที่พระเพลา ซึ่งการบาดเจ็บนี้ก็นำไปสู่การติดเชื้อในกระแสพระโลหิตในภายหลัง
นอกจากนั้นยังพบร่องรอยแตกหักในกะโหลกพระเศียร ทำให้คิดได้อีกว่าบางทีพระองค์อาจจะถูกผู้ใกล้ชิดปลงพระชนม์ แต่จากการศึกษาก็ทำให้มีผู้มาแย้งว่าความเสียหายนี้อาจจะไม่ได้อยู่มาตั้งแต่แรกแต่เพิ่งจะเกิดขึ้นในปีค.ศ.1922 (พ.ศ.2465) ในช่วงที่สำรวจสุสานฟาโรห์ตุตันคาเมน โดยขณะถอดหน้ากากฟาโรห์ตุตันคาเมนออก ก็อาจจะทำให้เกิดความเสียหาย
อีกหนึ่งความเป็นไปได้ก็คือการติดเชื้อที่เกิดจากการบาดเจ็บ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่อฟาโรห์ตุตันคาเมนสวรรคต ราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนก็ต้องทรงเผชิญชีวิตลำพัง
ภายหลังจากฟาโรห์ตุตันคาเมนสวรรคต เป็นไปได้ว่าราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนอาจจะทรงอภิเษกสมรสกับที่ปรึกษาที่ทรงอำนาจที่ชื่อ “อาย (Ay)” และเป็นไปได้ว่าอายนี้อาจจะมีศักดิ์เป็นพระอัยกา (ปู่, ตา) ของพระองค์เองอีกด้วย หากแต่ข้อมูลก็ยังไม่ชัดเจนนัก
เป็นไปได้ว่าภายหลังจากฟาโรห์ตุตันคาเมนสวรรคต ชีวิตของราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนก็ทรงยากลำบากและน่าหดหู่ โดยมีการพบจดหมายฉบับหนึ่งที่ส่งถึงกษัตริย์ฮิตไทต์ โดยไม่ทราบวันเวลาที่แน่ชัดและใครเป็นคนเขียน
อาย (Ay)
ในจดหมายนั้น กล่าวว่าผู้เขียนคือเชื้อพระวงศ์หญิงองค์หนึ่งซึ่งได้เขียนจดหมายมาขอร้องพระประมุขแห่งฮิตไทต์ให้ส่งพระสวามีคนใหม่มาให้พระองค์ เนื่องจากพระสวามีของพระองค์นั้นสวรรคตแล้ว และพระองค์ก็ไม่มีพระราชบุตร
จดหมายนั้นกล่าวว่าอียิปต์จำเป็นต้องมีกษัตริย์ปกครอง และก็ไม่สำคัญว่ากษัตริย์องค์นั้นจะมาจากดินแดนศัตรูหากว่ากษัตริย์องค์นั้นจะสามารถปกป้องดินแดนของพระองค์ได้
2
“พระเจ้าซุปพิลูลิอูมาที่ 1 (Suppiluliuma I)” กษัตริย์แห่งฮิตไทต์ได้ตกลงส่ง “เจ้าชายซานนานซา (Zannanza)” มายังอียิปต์ หากแต่กองทัพอียิปต์ซึ่งน่าจะเป็นกองทัพของอายได้ทำการปลงพระชนม์เจ้าชายซานนานซาในบริเวณชายแดนอียิปต์ ทำให้ความช่วยเหลือจากฮิตไทต์มาไม่ถึงอียิปต์
พระเจ้าซุปพิลูลิอูมาที่ 1 (Suppiluliuma I)
จากนั้นเรื่องราวของราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนก็ได้หายไปจากประวัติศาสตร์ในช่วงราว 1,325-1,321 ปีก่อนคริสตกาล ซึ่งเป็นไปได้ว่าพระองค์จะสวรรคตในช่วงนี้
และด้วยความที่ไม่มีใครทราบถึงชะตากรรมของพระองค์ นักประวัติศาสตร์จึงเรียกราชินีอังค์เอสเอ็นอามุนว่าเป็น “เจ้าหญิงผู้สาปสูญแห่งอียิปต์”
แต่เรื่องราวของพระองค์ก็ยังคงเป็นที่สืบค้นและเสาะหาของนักประวัติศาสตร์จนถึงทุกวันนี้
References:
https://allthatsinteresting.com/ankhesenamun
https://www.britannica.com/biography/Ankhesenamen
https://www.worldhistory.org/Ankhsenamun/
https://www.wondriumdaily.com/what-happened-to-tutankhamuns-wife-after-his-death/
ประวัติศาสตร์
5 บันทึก
28
3
5
28
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย