4 พ.ย. 2023 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

ชี้เป้า 11 กองทุนประหยัดภาษี 'SSF' ให้ผลตอบแทนสูงสุด 20-60% ตั้งแต่ต้นปี 66

ห้วงเวลานี้ กองทุนรวมเพื่อการออม หรือ SSF และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ หรือ RMF ถูกเสิร์ชค้นหากันอย่างมาก เนื่องจากใกล้จะสิ้นปีแล้ว เพราะ กองทุนเหล่านี้เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะช่วยนำไปลดหย่อนทางภาษีได้ ซึ่งกองทุน SSF หรือ Super saving fund นั้นเป็นกองทุนที่มีจุดประสงค์เพื่อการออมที่มาแทนที่กองทุน LTF ซึ่งจะมีความยืดหยุ่นในการลงทุน เนื่องจากสามารถลงทุนได้ในหลาย ๆ สินทรัพย์ทั้งในหุ้นไทย และหุ้นต่างประเทศ ฯลฯ ซึ่งการลงทุนในกองทุน SSF นี้จะต้องถือลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี
อิศรา พูฒตาลศรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บลจ.) ดาโอ จำกัด ให้ข้อมูลกับกรุงเทพธุรกิจว่า การลงทุนในกองทุน SSF เป้าหมายคือ การลงทุนในระยะยาว เพราะฉะนั้นปีนี้ถือเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากหุ้นไทยปรับตัวมาค่อนข้างมาก ซึ่งปัจจุบันสามารถเข้าไปซื้อสะสมได้
ทั้งนี้ นโยบายการลงทุนที่น่าสนใจ เป็นหุ้นจีน ปัจจุบันจีนมีการออกมาตรการกระตุ้นกับโครงการใหญ่ ๆ ค่อนข้างมาก แม้ว่า เศรษฐกิจทุกวันนี้ยังไม่สามารถพลิกฟื้่นได้ทันทีทันใด แต่มีแนวโน้มที่สถานการณ์จะปรับตัวดีขึ้นเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกันนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในกองทุน SSF ปีนี้ กองทุนประเภทเทคโนโลยี ก็มีความน่าสนใจเช่นกัน แม้ว่า ในปีนี้จะไม่ได้มีการปรับตัวลดลงมาก็ตาม ค่อนข้างที่จะเป็นบวกอยู่ แต่ถ้าหากมองไปในอนาคตระยะยาว จะเห็นความสำคัญของเทคโนโลยีเพิ่มขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่งที่หุ้นที่เป็นบิ๊กเนมของกลุ่มเทคฯ มีการขยายธุรกิจต่าง ๆ เพิ่มมากขึ้น
“หากนักลงทุนจะเข้ามาลงทุนในกองทุน SSF ตอนนี้สามารถเข้ามาลงทุนได้ ในหุ้นไทย และจีนที่ค่อนข้างราคาถูก และในอนาคตมีการเติบโตที่ดี ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคแม้ว่าราคาไม่ได้ปรับลง แต่ก็มีความน่าสนใจเป็นเทรนด์ในอนาคต ที่ในอนาคตมีการปรับเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ”
อย่างไรก็ตาม จีนยังมีการปรับตัวลดลงจากปีที่่ผ่านมาและปีนี้ ซึ่งยังมีปัญหาเศรษฐกิจอยู่ ในขณะที่ปีนี้ดัชนีต่างประเทศทั้งสหรัฐ ญี่ปุ่นที่ดัชนียังอยู่ในแดนบวก เพราะฉะนั้นถ้าเทียบปีนี้กับที่่ผ่านมา ตลาดค่อนข้างปรับตัวลงมาเกือบทุกตลาด สาเหตุจากอัตราดอกเบี้ยบอนด์ยิลด์มีการปรับตัวขึ้นมาสูง ทำให้มีการปรับตัวไม่ทัน
สำหรับภาพรวมของการลงทุนในกองทุน SSF มองว่า มีความใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่ผ่านมาตัวมีการปรับตัวลดลงนักลงทุนมีความกังวล ขณะที่ในปีนี้แม้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐ หรือตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่นักลงทุนก็ยังไม่ได้คลายความกังวล เพราะฉะนั้นคาดว่า เม็ดเงินในปีนี้อาจจะไม่ได้สูงมากนัก จึงมองว่า ในปีนี้น่าจะพอ ๆ กับช่วงปีที่ผ่านมา
1
โดยแนะนำนักลงทุนว่า หากจะเข้ามาลงทุนในกองทุน SSF ซึ่งส่วนใหญ่มีนโยบายหลากหลายรูปแบบ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ วิธีเลือกอย่างแรกควรดูในเรื่องของนโยบายก่อนว่า ใช่ในสิ่งที่นักลงทุนต้องการหรือไม่ อันดับที่ 2 ดูผลการดำเนินแม้ว่า ผลการดำเนินงานในอดีตจะไม่ได้บอกอนาคตได้ แต่สามารถบอกถึงฝีมือของผู้จัดการกองทุนในการบริหารจัดการได้
อนุวัฒน์ อิ่มแสงรัตน์ รองกรรมการ ผู้อำนวยการ สายการตลาด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยติดลบอยู่ประมาณ 14% ส่วนตลาดหุ้นต่างประเทศช่วงนี้มีการปรับย่อตัวลงมา เนื่องจากว่า บอนด์ยิลด์สหรัฐมีการปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้สินทรัพย์เสี่ยวทั่วโลก และสินทรัพย์เสี่ยงของไทยปรับตัวลงมาเช่นกัน
ทั้งนี้ การเข้ามาลงทุนในกองทุน SSF ถือว่า มีความน่าสนใจ ที่สามารถเข้ามาทยอยลงทุนได้ เนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมา โดยเฉลี่ยแล้วตลาดหุ้นไทยไม่ได้มีการปรับตัวลดลงทุกปี ช่วงปีที่ผ่านมาบวกขึ้นมาได้บ้าง ขณะที่ปีนี้ติดลบค่อนข้างมาก จึงเป็นโอกาสเข้าทยอยสะสมหรือลงทุนในกองทุน SSF ซึ่งการเข้ามาลงทุนในกองทุนดังกล่าว จะได้รับสิทธิประโยชน์ในการลดหย่อนทางภาษีได้ ขณะเดีียวกันถือเป็นไทมิ่งในการลงทุน ขณะที่ปีหน้ามองว่า ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มได้มากขึ้นกว่านี้
2
โดยแนะนำนักลงทุนว่า หากจะเริ่มเข้ามาลงทุนในกองทุน SSF ควรดูสภาพตลาดเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดของผู้ลงทุน ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว กองทุนประเภท SSF เป็นการลงทุนระยะยาว เหมาะกับนักลงทุนวัยหนุ่มสาว เป็นจังหวะที่น่าสนใจและต้องถือยาว แนะนำการลงทุนเป็นกองทุนหุ้นไทย กองทุน LH SMART D SSF ซึ่งได้รางวัล 5 ดาวจาก morningstarthailand
ทั้งนี้ "กรุงเทพธุรกิจ" ได้สำรวจกองทุน SSF ตั้งแต่ต้นปี 2566 จาก morningstarthailand พบว่า มี 11 กองทุน SSF ที่สามารถให้ผลตอบแทนสูงตั้งแต่ 20 -60%
1.กองทุนเปิด ASP-DIGIBLOC-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 67.71%
2
2.กองทุนเปิด MEGA10-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 39.98%
2
3.กองทุนเปิด SCBSEMI(SSFE) ให้ผลตอบแทน YTD 28.59%
4.กองทุนเปิด KKP TECH-H-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 27.46%
5.กองทุนเปิด KKP NDQ100-H-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 26.67%
6.กองทุนเปิด TLUSNDQ-H-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 26.44%
7.กองทุนเปิด SCBNDQ(SSFE) ให้ผลตอบแทน YTD 26.07%
8.กองทุนเปิด TNEXTGEN-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 25.88%
9.กองทุนเปิด TUSTECH-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 25.85%
10.กองทุนเปิด KKP SEMICON-H-SSF ให้ผลตอบแทน YTD 20.88%
11.กองทุนเปิด SCBNEXT(SSFE) ให้ผลตอบแทน YTD 20.58%
โฆษณา