6 พ.ย. 2023 เวลา 12:00 • ธุรกิจ

จุดกำเนิด On รองเท้าวิ่งที่น่าจับตามองที่สุดในยุค 2020s

ใครที่อยู่ในสายรองเท้ากีฬาต้องรู้จักแบรนด์น้องใหม่ (ที่ไม่ใหม่ซะทีเดียว) อย่าง On เพราะแบรนด์นี้มีอายุเพียงแค่ 13 ปีเท่านั้น! หากแต่เติบโตเร็วอย่างก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
และไม่ว่าจะนักกีฬาแชมป์โลก คนดังระดับโลกหรือไทยต่างมีภาพใส่รองเท้ายี่ห้อนี้ทั้งนั้น
ท่านชัชชาติ ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ยังใส่รองเท้า On กระโดดโหยงในวันชนะผลเลือกตั้งจนกลายเป็นภาพไวรัลไปทั่วโซเชียล
Roger Federer นักเทนนิสชื่อดัง ก็ชอบรองเท้ายี่ห้อนี้มากถึงขั้นกลายเป็นพาร์ทเนอร์ของ On เลยทีเดียว
บทความวันนี้จึงจะพาไปรู้จักจุดกำเนิดของ On
On คือรองเท้าสัญชาติสวิส ย้อนกลับไปจุดแรกเริ่มมาจากแชมป์ไตรกีฬาระดับโลกอย่าง Olivier Bernhard มีแรงบันดาลใจเหมือนกับหลายธุรกิจคือ ‘รู้สึกว่ารองเท้ายี่ห้ออื่นในตลาดยังไม่ถูกใจพอ’ จึงอยากสร้างรองเท้าในฝันของตนขึ้นมา
แต่การจะทำธุรกิจ ต้องมีอะไรมากกว่า ซึ่งเขาเองรู้ตัวดีว่าไม่มีหัวทางด้านการคำนวณตัวเลข หรือสร้างแบรนด์ดีพอ
เขาจึงเชิญชวนเพื่อนที่เชี่ยวชาญในเรื่องธุรกิจสร้างแบรนด์มาก่อนอย่าง Caspar Coppetti และ David Allemann ทั้งสองเคยทำงานอยู่ที่ McKinsey บริษัทที่ปรึกษาเบอร์ 1 ของโลก และนี่จึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวของทีม On
เป้าหมายหลักของ On คือการปฏิวัติการวิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน
ด้วยการออกแบบเทคโนโลยีที่โดดเด่นอย่าง CloudTec ทำให้การวิ่งเหมือนกับวิ่งบนปุยเมฆ ซึ่งแน่นอนว่าการออกแบบนี้ซับซ้อน ละเอียด และตอบโจทย์นักวิ่งเพราะสร้างมาจากนักวิ่งตัวจริงเสียงจริงอย่าง Olivier
ช่วงแรกก็ยังไม่ได้ประสบความสำเร็จเสียทีเดียว มีการสั่งผลิตออเดอร์ 10,000 คู่แรก และทำยอดขายได้ 100,000 ดอลลาร์ในปีแรก ซึ่งยังไม่ถูกใจนักกีฬามากนัก จึงมีการออกแบบตัวใหม่ชื่อ The Cloud Racer เปิดตัวในปี 2013
ซึ่งทีม On ได้นำ The Cloud Racer ไปยัง ISPO ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้ากีฬาและแฟชั่นที่กรุงมิวนิค เยอรมนีด้วย
ตอนแรกทีมก็ไม่มั่นใจนักที่จะเอา On ลงแข่งเพราะความไม่มั่นใจ แต่กลายเป็นว่า On กลับเอาชนะคู่แข่งกว่า 300 ทีม คว้าชัยชนะมาครอง นี่จึงเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ของบริษัทเล็ก ๆ ที่ได้นำเสนอสินค้าสู่สายตาชาวโลก
ชัยชนะ ทำให้ On ได้เซ็นสัญญากับ 3 ประเทศคือสวิตเซอร์แลนด์ เยอรมนี ออสเตรีย
ตามมาด้วยเซ็นสัญญากับอีก 19 ประเทศ
จุดสำคัญที่น่าสนใจของธุรกิจ On คือการใช้กลยุทธ์ Experiential Marketing คือให้ลูกค้าได้มีโอกาสทดลองสวมใส่สินค้า เพราะ Olivier เชื่อว่า หากลูกค้าสนใจในสินค้า เขาจะตั้งคำถามกับเราเอง โดยที่เราไม่ต้องพยายามขายซึ่งเป็นวิธีเดิม ๆ เผลอๆ จะทำให้ลูกค้าอึดอัดเสียมากกว่า
จนกลายเป็นคำพูดว่า ‘Stop talking, just show’ ไม่ต้องพูดแต่แสดงให้เห็นเลย
นอกจากนี้ On ยังให้ความสำคัญกับ ‘รีเทล’ อย่างมาก เพราะมองว่าคือส่วนที่ใกล้ชิดกับลูกค้ามากที่สุด โดย Olivier กล่าวว่า ‘ไม่ใช่แค่เราที่จะโน้มน้าวใจลูกค้า แต่คนที่ใช้เวลาส่วนใหญ่กับลูกค้าคือรีเทล เพราะงั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญกับรีเทลด้วย
ตอนนี้ Influencer ทั่วโลกมากมายต่างใส่ On กันทั้งนั้น
หากแต่คนที่ทำให้ On เป็นที่ฮือฮาและมีจุดเปลี่ยนครั้งใหญ่คือนักเทนนิสระดับโลกอย่าง Roger Federer
Roger มีโอกาสได้กินทานข้าวเย็นกับทีมบริหารของ On และแน่นอนว่าทีมได้รับข้อเสนอครั้งใหญ่อย่างคาดไม่ถึงคือคำเสนอร่วมลงทุนของ Roger
หลังจากนั้น On เกิดจุดเปลี่ยนมากมาย หลังวิกฤตโควิดแม้ยอดขายจะหยุดชะงัก แต่ปลายปีกลับพุ่งสูงถึง 3 เท่า กลายเป็นจุดที่โลกเริ่มจับตามองแบรนด์เล็ก ๆ นี้อีกครั้ง
และในปี 2021 On ตัดสินใจนำบริษัทเข้าตลาดหุ้น และได้เงินระดมทุนถึง 746 ล้านดอลลาร์ ด้วยมูลค่าสูงถึง 7.3 พันล้านดอลลาร์
ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานกว่า 1,000 คน ยอดขายกว่า 60 ประเทศ และมีส่วนแบ่งการตลาดทวีปอเมริกาเหนือถึง 40%
แม้จะไม่ใช่ยักษ์ใหญ่อย่าง Nike หรือ Addidas แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า On เติบโตเร็วและเริ่มอยู่ในลิสต์รองเท้าโปรดของใครหลายคน
ก่อนจบขอทิ้งทวนด้วยคำกล่าวของ Olivier ผู้ก่อตั้งว่า “เราจะไม่รีบเติบโตหรือแข่งขันกับเจ้าใหญ่ ๆ แต่เราจะค่อยเป็นค่อยไป ต้องยอมรับที่เราตัวเล็กกว่าและช้ากว่า แต่แค่พยายามสร้างรองเท้าที่ดีที่สุดในโลกก็พอแล้ว”
ผู้เขียน : ขัตติยาภรณ์ ด้วงแก้ว Political Analyst, Bnomics
ภาพประกอบ : ชนากานต์ วรสุข Graphic Designer, Bnomics
════════════════
Bnomics - Bangkok Bank Economics
'Be an Economist for Everyone'
วิเคราะห์ เจาะทุกประเด็นเศรษฐกิจ ให้เป็นเรื่องง่ายสำหรับคุณ
════════════════
References :
โฆษณา