30 พ.ย. 2023 เวลา 23:10 • ประวัติศาสตร์

‎بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ

วันพุธ ที่ 01 เดือนซุ้ลเกาะดะห์ ฮ.ศ. 1443 : อ้างอิงวันที่จากเพจประวัติศาสตร์อิสลาม
ท่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิร สุลต่านราชวงศ์อุมัยยะห์แห่งคอร์โดบา
ท่านอับดุลเราะห์มาน บิน มูฮัมหมัด บุตรชายของเจ้าชายอับดุลลอฮ์ บิน มูฮัมหมัด บิน อับดุลเราะห์มาน บิน อัลฮะกัม อัรรอบดีย์ บิน ฮิชาม อัรรอดีย์ บิน อับดุลเราะห์มาน อัลดาคิล : عبد الرحمن بن محمد، ابن الأمير عبد الله بن محمد بن عبد الرحمن بن الحكم الربضي بن هشام الرضي بن عبد الرحمن الداخل : หรือที่เรียกกันว่า ท่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิร : عبد الرحمن الناصر
ท่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิร เกิดปี ฮ.ศ. 277 ที่ประเทศสเปนในปัจจุบัน แต่หลังจากการเกิดของท่านเพียง 21 วันบิดาของท่านก็ถูกสังหาร
ท่านเป็นบุคคลแรกในอันดาลูเซียที่ได้รับฉายาว่า “บิอามีริลมุมีนีน : بأمير المؤمنين : แม่ทัพผู้ศรัทธา : จากการที่ท่านสามารถบุกพิชิตดินแดนอันดาลูเซียได้หลายครั้ง
ตลอดช่วงเวลาที่ท่านปกครองอาณาจักรเป็นเวลาถึง 50 ปีนั้น ท่านเป็นมุญาฮิดผู้นำการญิฮาดกับพวกครูเสดและบุกพิชิตดินแดนอิฟรีกิยะฮ์
อาณาจักรคอร์โดบาร์ในสมัยนั้นมีอารยธรรมอิสลามที่บริสุทธิ์ที่มิได้มีรากฐานมาจากอารยธรรมอื่นใดเลย
แตกต่างจากอารยธรรมอิสลามที่อื่นๆที่เกิดจากการผสมผสานอารยธรรมระหว่างกันในช่วงเวลาที่มุสลิมได้เข้าพิชิตดินแดนเหล่านั้น เช่น อินเดีย เปอร์เซีย ไบแซนไทน์ และอารยธรรมเฮเลนนิสติค เป็นต้น
ผู้คนภายในอาณาจักรคอร์โดบาในยุคสมัยนั้นไม่ได้ทอดทิ้งที่ดินสักตารางนิ้วเดียวโดยที่ไม่ได้ทำอะไรไว้เลย เช่น
การทำเหมืองแร่ซึ่งไม่เคยมีใครแตะต้องมาเป็นเวลานานหลายพันปีตั้งแต่ชาวฟินีเซียนโบราณ และชาวอาหรับในอาณาจักรคอร์โดบาที่สามารถใช้ประโยชน์จากเหมืองแร่เหล่านี้จากการสกัดแร่เหล็ก ทองแดง และปรอทจำนวนมากมาทำเป็นอาวุธและเครื่องใช้สิ่งของต่างๆ
การทำเหมืองแร่
จากนั้นได้เริ่มแพร่กระจายไปทั่วอาณาจักร ซึ่งชาวยุโรปในช่วงเวลานั้นไม่มีความรู้ในการทำเหมืองแร่
รวมถึงการทำเกษตรกรรม ที่ท่านสุลต่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิรได้ให้นักวิชาการที่มีความรู้และเชี่ยวชาญเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมได้ไปสอนชาวไร่ชาวนาในเรื่องของวิธีการปลูกและดูแลพืชผลและผลไม้ชนิดต่างๆ อาทิเช่น แอปเปิล ลูกพีช อัลมอนด์ แอปริคอต ส้ม เกาลัด กล้วย ต้นปาล์ม และแตงโม
การทำเกษตรกรรม
และยังให้ความสนใจเป็นพิเศษกับพืชผลทางเกษตรอื่นๆ เช่น ฝ้าย อ้อย และพืชและต้นไม้อื่น ๆ ที่ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการส่งออกของสเปนจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งต้องขอบคุณความพยายามทั้งหมดเหล่านี้ในด้านการเกษตรที่ดินในช่วงเวลานั้น
ส่วนเรื่องการศึกษา ท่านสุลต่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิรได้จัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาถึง 80 แห่ง เทียบโรงเรียนมัธยมศึกษาในปัจจุบันอีก 17 แห่งและยังมีห้องสมุดสาธารณะ 20 แห่งพร้อมหนังสือหลายหมื่นเล่ม
ในช่วงเวลา 50 ปีที่ท่านสุลต่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิรปกครองอาณาจักร ท่านได้สร้างสารณูปโภคต่างๆ เช่น โรงพยาบาล ถนนที่ปูพื้นผิวเรียบและแข็งแรง และยังมีแสงสว่างจากตะเกียงจากสองข้างทาง
ถนนหนทางในสมัยนั้น
หมู่บ้านหลายพันแห่งกระจัดกระจายไปทั่วอาณาจักรคอร์โดบา ทั้งหมดมีความเจริญรุ่งเรืองและมั่งคั่ง และมหานครคอร์โดบาเป็นเมืองหลวงของอาณาจักร
และในเขตชานเมือง 28 แห่งของอาณาจักรคอร์โดบานั้น เขตชานเมืองหลายแห่งนั้นเป็นเขตชานเมืองที่ใหญ่กว่าเขตชานเมืองของยุโรปซะอีก
เฉพาะแค่มหานครคอร์โดบาในช่วงเวลานั้นได้บรรลุถึงจุดสูงสุดของความยิ่งใหญ่และมั่งคั่งไปด้วยความสง่างาม
และแทบจะมีความเจริญรุ่งเรืองที่เหนือกว่ากรุงแบกแดดของอาณาจักรอับบาซิยะห์คู่แข่งทางทิศตะวันออกเสียด้วยซ้ำ
ซึ่งมหานครคอร์โดบามีสะพานที่หรูหราที่มีซุ้มโค้ง 17 แห่ง และว่ากันว่าภายในมหานครมีเคหะสถานสำหรับขุนนางและรัฐบุรุษมากกว่า 5 หมื่นหลัง
มัสยิดกว่า 3 พันหลัง และโรงอาบน้ำสาธารณะอีกกว่า 9 ร้อยแห่ง
บ้านเรือนสำหรับประชาชนมากกว่า 1 แสนหลังที่เติมเต็มไปด้วยร้านค้ากว่า 8 หมื่นร้านค้า และบ้านเรือนทุกหลังยังได้ติดตั้งโคมไฟใว้ที่ผนังนอกบ้าน
มหานครคอร์โดบา
ซึ่งชาวแซกซอนในยุคสมัยนั้นยังอาศัยอยู่ในกระท่อมและนอนบนพลาทูน ภาษายังไม่เกิด และการอ่านเขียนหนังสือก็จำกัดอยู่แต่ในนักบวชซึ่งมีจำนวนน้อยอยู่เลย
ถนนในยุโรปที่ยังเต็มไปด้วยดินโคลนและความมืดมิด
อาจจะกล่าวได้ว่ายุโรปทั้งหมดในยุคสมัยนั้นถูกแช่อยู่ในกากตะกอนแห่งความไม่รู้และศีลธรรมอันหยาบกระด้าง
อาณาจักรคอร์โดบาในยุคสมัยของท่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิร มีเสถียรภาพภายในอาณาจักรที่มั่นคง มีความก้าวหน้าในด้านต่างๆ และยังมีความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก หรือแม้แต่ทาสมุสลิมก็ไม่มีสักคน
ในวันพุธสองวันก่อนจะถึงเดือนรอมฎอน ปี ฮ.ศ. 350 ท่านอับดุลเราะห์มาน อันนาซิรได้เสียชีวิตด้วยวัย 73 ปีตามฮิจเราะห์ศักราช
ขอยกอัลกุรอานมากล่าวไว้ ณ ที่นี้ ความว่า :
‎يأيها الذين ءامنوا لا تتخذوا عدوي وعدوكم أولياء تلقون إليهم بالمودة وقد كفروا بما جاءكم من الحق يخرجون الرسول وإياكم أن تؤمنوا بالله ربكم إن كنتم خرجتُم جهدا في سبيلي وابتغاء مرضاتي تسرون إليهم بالمودة
‎وأنا أعلم بما أخفيتم وما أعلنتُم ومن
‎يفعله منكم فقد ضل سواء السبيل
โอ้บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย พวกเจ้าอย่าได้คบศัตรูของข้าและศัตรูของพวกเจ้าเป็นมิตร โดยให้ความรักใคร่แก่พวกเขา และทั้งๆที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาต่อสิ่งที่มีมายังพวกเจ้า คือสัจธรรม
พวกเขาขับไล่รอซูล และโดยเฉพาะพวกเจ้า เนื่องเพราะพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า หากพวกเจ้าได้เคยออกไปต่อสู้ในแนวทางของข้า และแสวงหาความโปรดปรานของข้า โดยซ่อนความรักใคร่แก่พวกเขาอย่างลับๆ
และข้ารู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าปิดบัง และสิ่งที่พวกเจ้าเปิดเผย และผู้ใดในหมู่พวกเจ้ากระทำเช่นนั้น แน่นอนเขาได้หลงจากทางอันเที่ยงธรรม
إِن يَثۡقَفُوكُمۡ يَكُونُواْ لَكُمۡ أَعۡدَآءٗ وَيَبۡسُطُوٓاْ إِلَيۡكُمۡ أَيۡدِيَهُمۡ وَأَلۡسِنَتَهُم بِٱلسُّوٓءِ وَوَدُّواْ لَوۡ تَكۡفُرُونَ
หากพวกเขามีสถานะดีกว่าพวกเจ้า พวกเขาก็จะแสดงตัวเป็นศัตรูกับพวกเจ้า และจะยื่นมือของพวกเขาไปยังพวกเจ้า และลิ้นของพวกเขาจะกล่าวร้ายสาปแช่ง และพวกเขาใคร่ที่จะให้พวกเจ้าเป็นพวกปฏิเสธศรัทธา
ซูเราะห์อัลมุมตะฮินะฮ์ อายะห์ที่ 01 - 02
โฆษณา