21 ธ.ค. 2023 เวลา 23:10 • ประวัติศาสตร์

‎بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَـٰنِ الرَّحِيمِ

วันศุกร์ ที่ 27 เดือนรอมฎอน ฮ.ศ. 1443 : อ้างอิงวันที่โพสต์จากเพจประวัติศาสตร์อิสลาม
การเปลี่ยนกิบลัต
มัสยิดอัลอักศอ ที่เยรูซาเล็ม เป็นที่ถูกกำหนดให้มุสลิมต้องหันหน้าไปทางนั้นในการละหมาด ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการเผยแพร่อิสลามของท่านนบีมูฮัมหมัด ซล.
แต่ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. ได้ใฝ่ฝันที่จะเปลี่ยนทิศทางกิบลัต เพราะในตอนแรกของการละหมาดของนบีทั้งหลาย คือ “บัยตุลลอฮฺ” ที่เมืองมักกะฮฺ ซึ่งบ้านหลังนี้เป็นที่ๆถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยท่านนบีอิบรอฮีม อะลัยฮิสสลาม ที่ได้ถูกระบุไว้ในซูเราะห์อาลิ อิมรอน อายะห์ที่ 96 ความว่า
إِنَّ أَوَّلَ بَيۡتٖ وُضِعَ لِلنَّاسِ لَلَّذِي بِبَكَّةَ مُبَارَكٗا وَهُدٗى لِّلۡعَٰلَمِينَ
แท้จริงบ้านหลังแรกที่ถูกตั้งขึ้นสำหรับมนุษย์นั้นคือ บ้านที่มักกะฮ์ โดยเป็นที่ที่ถูกให้มีความจำเริญ และเป็นที่แนะนำแก่ประชาชาติทั้งหลาย.
และท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. ได้ขอดุอาอ์ต่อเอกองค์อัลลอฮ์ ซบ. เพื่อให้เปลี่ยนทิศทางของกิบลัต
ต่อมา ในวันจันทร์ เดือนรอญับ ฮ.ศ. 2 ช่วงเวลาขณะที่ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. กำลังละหมาดซุฮฺรี ณ มัสยิดบานี ซะลามะฮ์ อยู่นั้น
ทันใดนั้นเอง “วะฮียฺ” ได้ประทานลงมาอยู่ในอายะห์ที่ 144 ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ ความว่า
قَدۡ نَرَىٰ تَقَلُّبَ وَجۡهِكَ فِي ٱلسَّمَآءِۖ فَلَنُوَلِّيَنَّكَ قِبۡلَةٗ تَرۡضَىٰهَاۚ فَوَلِّ وَجۡهَكَ شَطۡرَ ٱلۡمَسۡجِدِ ٱلۡحَرَامِۚ وَحَيۡثُ مَا كُنتُمۡ فَوَلُّواْ وُجُوهَكُمۡ شَطۡرَهُۥۗ وَإِنَّ ٱلَّذِينَ أُوتُواْ ٱلۡكِتَٰبَ لَيَعۡلَمُونَ أَنَّهُ ٱلۡحَقُّ مِن رَّبِّهِمۡۗ وَمَا ٱللَّهُ بِغَٰفِلٍ عَمَّا يَعۡمَلُونَ
แท้จริงเราเห็นใบหน้าของเจ้าแหงนไปในฟากฟ้าบ่อยครั้ง แน่นอนเราให้เจ้าผินไปยังทิศที่เจ้าพึงใจ ดังนั้นเจ้าจงผินใบหน้าของเจ้าไปทางมัสยิดิลฮะรอมเถิด และที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่ ก็จงผินใบหน้าของพวกเจ้าไปทางทิศนั้น และแท้จริงบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์นั้น ย่อมรู้ดีว่ามัน คือความจริงที่มาจากพระเจ้าของพวกเขา และอัลลอฮ์นั้นไม่ทรงเผลอในสิ่งที่พวกเขากระทำกัน.
ซึ่งในตอนแรกท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. และบรรดาศอฮาบะห์ได้หันหน้าไปทางทิศที่มัสยิดอัลอักศอตั้งอยู่
แต่เมื่อได้รับอายะห์ดังกล่าว ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. จึงหยุดละหมาดชั่วคราวซึ่งผ่าน 2 รอกาอัตแรกไปแล้ว
ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. ได้เปลี่ยนทิศทางหันหน้าไปทางมัสยิดอัลฮะรอม ที่เมืองมักกะฮ์โดยการหมุนตัว 180 องศา (เดินวนรอบมะมูมเปลี่ยนทิศ) แล้วดำเนินทำการละหมาดต่ออีก 2 ร่อกะอัตจนครบ
ในปีที่ 2 ของการฮิจเราะห์มีการลงบัญญัติสำคัญต่อไปนี้คือ :
1. การเปลี่ยนกิบละห์
2. การถือศีลอด
3. ซะกาตฟิฏร์
4. ซากาตประเภทอื่นๆ
ในเดือนรอยับของปีฮิจเราะห์ที่ 2 คำสั่งของเอกองค์อัลลอฮ์ ซบ. ให้เปลี่ยนกิบลัตจาก บัยตุ้ลมักดิส มาเป็น กะอ์บะห์ เป็นเรื่องแรก และเพื่อไม่ให้เหมือนกับชาวยิวและคริสเตียน
ซึ่งในขณะที่ “โดมสีทอง” ในบริเวณมัสยิดอัลอักศอนั้นได้ถูกกำหนดให้เป็นกิบลัตสำหรับนบีและชาวอิสราเอลในสมัย”อิสรอเอลียฺยะฮฺ”
ท่าทีของมุสลิมต่อการเปลี่ยนแปลงกิบลัต พวกเขาต่างกล่าวว่า
“เราได้ยินแล้ว และเราจะเชื่อฟังภักดี”
ท่าทีของบรรดาของมุชริกีน พวกเขากล่าวว่า
“มูฮัมหมัดยังไม่รู้เลยว่าจะหันหน้าไปทางไหน หากตอนแรกถูกแล้วทิ้งมาทำไม หรือว่าตอนหลังถูกทำไมไม่ทำตั้งแต่ตอนแรก”
ท่าทีของบรรดายะฮูดี พวกเขากล่าวว่า
“มูฮัมหมัดทำค้านกับกิบลัตของบรรดานบีก่อนหน้าเขา หากว่าเขาเป็นนบีจริงแล้วไซร้ แน่นอนว่าเขาต้องละหมาดหันไปทางทิศกิบลัตของบรรดานบีก่อนหน้าเขา”
และยังมีคำพูดอีกมากมายของบรรดาพวกโง่เขลาทั้งหลายที่พูดกันไปต่างๆนาๆ
และเหตุการณ์ในครั้งนี้ ท่านนบีมูฮัมหมัด ซล. จึงได้ให้เปลี่ยนชื่อมัสยิดบานี ซาลามะฮ์ เป็น "มัสยิด กิบละตัยนฺ" ซึ่งมีความหมายว่า “มัสยิดสองกิบลัต”
ขอยกอัลกุรอานมากล่าวไว้ ณ ที่นี้สัก 1 อายะห์ความว่า :
وَكَذَٰلِكَ جَعَلۡنَٰكُمۡ أُمَّةٗ وَسَطٗا لِّتَكُونُواْ شُهَدَآءَ عَلَى ٱلنَّاسِ وَيَكُونَ ٱلرَّسُولُ عَلَيۡكُمۡ شَهِيدٗاۗ وَمَا جَعَلۡنَا ٱلۡقِبۡلَةَ ٱلَّتِي كُنتَ عَلَيۡهَآ إِلَّا لِنَعۡلَمَ مَن يَتَّبِعُ ٱلرَّسُولَ مِمَّن يَنقَلِبُ عَلَىٰ عَقِبَيۡهِۚ وَإِن كَانَتۡ لَكَبِيرَةً إِلَّا عَلَى ٱلَّذِينَ هَدَى ٱللَّهُۗ وَمَا كَانَ ٱللَّهُ لِيُضِيعَ إِيمَٰنَكُمۡۚ إِنَّ ٱللَّهَ بِٱلنَّاسِ لَرَءُوفٞ رَّحِيمٞ
และในทำนองเดียวกัน เราได้ให้พวกเจ้าเป็นประชาชาติที่เป็นกลาง เพื่อพวกเจ้าจะได้เป็นสักขีพยานแก่มนุษย์ทั้งหลาย และร่อซูลก็จะเป็นสักขีพยานแด่พวกเจ้า และเรามิได้ให้มีขึ้นซึ่งกิบลัตที่เจ้าเคยผินไป นอกจากเพื่อเราจะได้รู้ว่า ใครบ้างที่จะปฏิบัติตามร่อซูล จากผู้ที่กำลังหันส้นเท้าทั้งสองของเขากลับ
และแท้จริงการเปลี่ยนแปลงกิบลัตนั้น เป็นเรื่องใหญ่ นอกจากแก่บรรดาผู้ที่อัลลอฮ์ได้ทรงแนะนำเท่านั้น และใช่ว่าอัลลอฮ์นั้นจะทำให้การศรัทธาของพวกเจ้าสูญไปก็หาไม่ แท้จริงอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาแก่มนุษย์เสมอ
ซูเราะห์อัลบะกอเราะห์ อายะห์ที่ 143
โฆษณา