10 พ.ย. 2023 เวลา 06:23 • ประวัติศาสตร์

“แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini)” นักมายากลผู้สามารถหนีจากพันธนาการทุกชนิด แต่ไม่สามารถหนี “ความตาย”

หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อ “แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini)” กันมาบ้าง
เขาเป็นนักมายากลชื่อดังระดับตำนาน แสดงมายากลที่ไม่น่าจะเป็นไปได้มาแล้วมากมายหลายครั้ง สามารถหนีจากพันธนาการต่างๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงจนทำให้หลายคนคิดว่าไม่มีพันธนาการใดในโลกจะขังฮูดินีได้ และดูเหมือนไม่มีสิ่งใดจะพิชิตนักมายากลชื่อก้องโลกผู้นี้ได้
แต่แล้วในวันฮาโลวีน 31 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ฮูดินีก็เสียชีวิตอย่างกระทันหัน ทิ้งปริศนาต่างๆ มากมายซึ่งเป็นที่เล่าขานจนถึงทุกวันนี้
“แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini)” เกิดในปีค.ศ.1874 (พ.ศ.2417) ที่ฮังการี โดยชื่อเดิมของเขาคือ “อีริก ไวสซ์ (Erik Weisz)” ก่อนจะย้ายไปสหรัฐอเมริกาในปีค.ศ.1878 (พ.ศ.2421)
แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini)
ไวสซ์นั้นได้เริ่มแสดงกายกรรมตั้งแต่อายุเพียงเก้าขวบ และเริ่มแสดงมายากลบนเวทีเมื่อปีค.ศ.1891 (พ.ศ.2434) และได้เปลี่ยนชื่อเป็น “แฮร์รี ฮูดินี (Harry Houdini)”
ฮูดินีเป็นที่รู้จักในนาม “ราชากุญแจมือ (Handcuff King)” เนื่องจากเขาสามารถหนีออกจากพันธนาการแทบทุกอย่างได้ โดยการแสดงที่โด่งดังที่สุดของเขาคือ “Chinese Water Torture Cell” โดยตัวฮูดินีซึ่งถูกพลิกกลับหัว จะถูกหย่อนลงมายังถังที่บรรจุน้ำเต็มถัง
1
ฮูดินีมีเวลาหนีสองนาที ซึ่งฮูดินีก็ทำสำเร็จทุกครั้ง สร้างความตื่นตะลึงให้เหล่าผู้ชม ซึ่งการแสดงเหล่านี้ก็สร้างชื่อเสียงให้ฮูดินี และทำให้ฮูดินีกลายเป็นซุปตาร์คนหนึ่งในช่วงต้นศตวรรษที่ 20
Chinese Water Torture Cell
ในปีค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ฮูดินีมีอายุได้ 52 ปี และอยู่ในจุดสูงสุดของอาชีพ
ชื่อเสียงของเขากำลังโด่งดังถึงขีดสุด เขาออกทัวร์แสดงมายากลไปทั่วสหรัฐอเมริกา และก็ได้รับเสียงชื่นชมมาโดยตลอด
แต่แล้วเหตุการณ์ที่จะพลิกชีวิตของเขากำลังจะมาถึง
11 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ในระหว่างการแสดงที่นิวยอร์ก ฮูดินีพลาดและข้อเท้าหัก แต่ถึงอย่างนั้น ฮูดินีก็ยังฝืนคำสั่งแพทย์ และยังเปิดการแสดงต่อไป ก่อนจะเดินทางไปยังมอนทรีออล ประเทศแคนาดา
1
ที่มอนทรีออล ฮูดินีเปิดการแสดงและได้จัดบรรยายที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังการบรรยาย ฮูดินีก็ได้พูดคุยกับนักศึกษาที่เข้าฟังหลายคน และหนึ่งในนั้นก็คือ “ซามูเอล เจ. สมิโลวิทช์ (Samuel J. Smilovitch)” ซึ่งได้สเก็ตช์ภาพของฮูดินี
ฮูดินีนั้นชอบภาพที่สมิโลวิทช์สเก็ตช์เป็นอย่างมาก และได้เชิญสมิโลวิทช์มายังโรงละครที่ตนจะแสดงในวันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) เพื่อวาดรูปให้เสร็จ
เมื่อถึงวันนัด เวลา 11:00 น. สมิโลวิทช์ได้มาตามคำเชิญของฮูดินี โดยมาพร้อมกับเพื่อนที่ชื่อ “แจ็ค ไพรซ์ (Jack Price)” ตามมาสมทบด้วยนักศึกษาชั้นปีที่ 1 ที่ชื่อ “จอซลิน กอร์ดอน ไวท์เฮด (Jocelyn Gordon Whitehead)”
ในขณะที่สมิโลวิทช์กำลังวาดภาพฮูดินี ไวท์เฮดก็ได้พูดคุยกับฮูดินี โดยพูดคุยถึงเรื่องความแข็งแรงของฮูดินี และไวท์เฮดก็ถามฮูดินีว่าจริงหรือไม่ที่ฮูดินีแข็งแรงมากซะจนสามารถทนทานต่อหมัดที่รุนแรงซึ่งชกเข้าใส่ท้องได้
ฮูดินีก็ตอบว่าได้ ไวท์เฮดจึงขออนุญาตฮูดินี ลองชกใส่ท้องฮูดินี และยิงหมัดใส่ใต้เข็มขัดของฮูดินี รัวหมัดใส่ฮูดินีอย่างน้อยสี่ครั้ง และไพรซ์ก็ได้เล่าว่าฮูดินีนั้นดูเจ็บปวดมาก และฮูดินีก็กล่าวว่าเขาไม่คิดว่าไวท์เฮดจะชกทันทีโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัว
1
จอซลิน กอร์ดอน ไวท์เฮด (Jocelyn Gordon Whitehead)
เมื่อถึงเวลาเย็น ฮูดินีก็มีอาการเจ็บท้องมาก
เย็นวันต่อมา ฮูดินีก็ได้ขึ้นรถไฟออกจากมอนทรีออลไปยังมิชิแกน และได้ส่งโทรเลขหาแพทย์ขอให้ช่วยมาตรวจร่างกายของตน
แพทย์ได้ทำการตรวจร่างกายฮูดินี และลงความเห็นว่าฮูดินีนั้นเป็นไส้ติ่งอักเสบเฉียบพลัน และฮูดินีควรไปโรงพยาบาลโดยด่วน แต่ว่าโรงละครที่ฮูดินีเปิดแสดงได้ขายตั๋วชมการแสดงไปเรียบร้อยแล้ว และผู้ชมก็เรียกได้ว่าเต็มโรงละคร
มีรายงานว่าฮูดินีได้กล่าวว่า
“หากโชว์นี้เป็นครั้งสุดท้ายของฉัน ฉันก็จะแสดง”
24 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ฮูดินียังคงเปิดการแสดงถึงแม้ว่าจะมีไข้สูงถึง 40 องศาเซลเซียส ต้องมีการเตรียมน้ำแข็งเพื่อช่วยบรรเทาความร้อนในร่างกายให้ฮูดินี
มีรายงานว่าฮูดินีได้หมดสติระหว่างแสดง และต้องยกเลิกการแสดง แต่ฮูดินีก็ยังไม่ยอมไปโรงพยาบาล จนกระทั่งภรรยาของเขาบังคับให้เขาไปโรงพยาบาล ฮูดินีจึงยอมไป
25 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) แพทย์ได้ทำการผ่าเอาไส้ติ่งของฮูดินีออก แต่เนื่องจากกว่าจะทำการรักษาก็ล่าช้า ทำให้ฮูดินีอาการไม่ดีและติดเชื้อ
ฮูดินีต้องเข้ารับการผ่าตัดอีกสองครั้ง และอาการของฮูดินีก็แย่ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลา 1:26 น. ของวันที่ 31 ตุลาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) ฮูดินีเสียชีวิตในอ้อมแขนของผู้เป็นภรรยา โดยคำพูดประโยคสุดท้ายของฮูดินีคือ
“ฉันรู้สึกเหนื่อยและฉันสู้ต่อไม่ไหวแล้ว”
ภายหลังการเสียชีวิตของฮูดินี ก็ได้มีเรื่องของวิญญาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งต้องเล่าย้อนกลับไปว่าสมัยยังมีชีวิตอยู่ หนึ่งในสิ่งที่ฮูดินีโปรดปราน นั่นก็คือ “การเปิดโปงเหล่านักจิตวิญญาณ”
ถึงแม้ว่าฮูดินีจะแสดงมายากล แต่เขาก็ไม่เคยพูดว่าการแสดงของเขาเป็นเวทมนตร์ แต่ก็คือการแสดง คือภาพลวงตาที่มีทริค สร้างความบันเทิงให้ผู้ชม
ในยุค 20 (พ.ศ.2463-2472) เป็นช่วงเวลาที่ศาสนากำลังเบ่งบาน โดยเฉพาะเหล่านักจิตวิญญาณ ผู้วิเศษทั้งหลายที่คนเชื่อว่าสามารถติดต่อกับวิญญาณผู้ที่เสียชีวิตไปแล้วได้
1
สงครามโลกครั้งที่ 1 ที่เพิ่งผ่านมาก็ทำให้มีผู้เสียชีวิตไปทั่วโลกกว่า 16 ล้านคน อีกทั้งไข้หวัดใหญ่สเปนในปีค.ศ.1918 (พ.ศ.2461) ก็ทำให้คนกว่า 50 ล้านคนทั่วโลกต้องเสียชีวิต
ความตายนั้นปกคลุมโลกทั้งใบ และหลายคนก็ต้องการติดต่อกับผู้เป็นที่รักซึ่งจากไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้ทำให้เหล่า “ผู้วิเศษ” ซึ่งอ้างตนว่าสามารถสื่อสารกับคนตายได้ ต่างกลายเป็นคนดัง และต่างก็หากลวิธีต่างๆ ให้คนเชื่อว่าตนนั้นมีพลังเหนือธรรมชาติ และฮูดินีก็ไม่พอใจคนเหล่านี้
และฮูดินีก็ตั้งใจว่าจะเปิดโปงเหล่าผู้วิเศษจอมปลอมเหล่านี้ให้ได้
ครั้งหนึ่ง ฮูดินีได้เข้าร่วมในพิธีสื่อวิญญาณโดยมีสื่อกลางคือผู้วิเศษที่ชื่อ “มินา แครนดอน (Mina Crandon)” ผู้ซึ่งอ้างว่าตนสามารถติดต่อกับน้องชายที่ชื่อ “วอลเตอร์ (Walter)” ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว
มินา แครนดอน (Mina Crandon)
แครนดอนได้รับข้อเสนอว่าในพิธีนี้จะมีกรรมการเข้าร่วมสังเกตการณ์จำนวนหกคน โดยทั้งหกคนนี้ก็คือเหล่านักวิทยาศาสตร์จากฮาร์วาร์ด เอ็มไอที และสถาบันต่างๆ หากแครนดอนสามารถพิสูจน์ได้ว่าพลังของตนนั้นเป็นของจริง ก็จะได้รับเงินเป็นจำนวน 2,500 ดอลลาร์ (ประมาณ 89,000 บาท)
ฮูดินีก็ได้เข้าร่วมพิธีของแครนดอนในปีค.ศ.1924 (พ.ศ.2467) และก็สรุปได้ทันทีว่าแครนดอนนั้นเป็นผู้วิเศษเก๊ เพียงแค่อาศัยทริคเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
ฮูดินีนั้นจดบันทึกสิ่งที่ตนคาดการณ์ลงในใบปลิว และวาดภาพอธิบายเป็นฉากๆ และนำออกแสดงให้ผู้ชมได้รับชม เรียกเสียงหัวเราะเฮฮาจากผู้ชม
แน่นอนว่าเหล่าผู้ศรัทธาในตัวแครนดอนนั้นไม่พอใจ และในเดือนสิงหาคม ค.ศ.1926 (พ.ศ.2469) วอลเตอร์ วิญญาณน้องชายของแครนดอนก็ได้สื่อสารมาว่า ฮูดินีจะเสียชีวิตภายในวันฮาโลวีน
และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
สำหรับผู้ที่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ คำทำนายของผีวอลเตอร์คือสิ่งที่พิสูจน์ว่าความเชื่อของพวกตนนั้นถูก แต่ในขณะเดียวกันก็ทำให้เกิดทฤษฎีสมคบคิดว่าแท้จริงแล้วพวกนี้นี่แหละที่เป็นต้นเหตุทำให้ฮูดินีเสียชีวิต ฮูดินีอาจจะโดนวางยา และคนทำก็คือไวท์เฮด
1
แน่นอนว่าทฤษฎีนี้ไม่มีหลักฐานเลย
และถึงแม้ว่าฮูดินีจะไม่ได้เชื่อเรื่องวิญญาณ แต่เขากับ “เบสส์ ฮูดินี (Bess Houdini)” ผู้เป็นภรรยา ก็เคยพูดคุยกันว่าหากใครเสียชีวิตก่อน ฝ่ายที่เสียชีวิตจะหาทางติดต่อกลับมาจากโลกวิญญาณ พิสูจน์ว่าวิญญาณนั้นมีจริง
เบสส์ ฮูดินี (Bess Houdini)
ดังนั้นในเวลาต่อมา เบสส์จึงได้จัดพิธีติดต่อกับวิญญาณของฮูดินีหลายครั้ง และอีก 10 ปีต่อมา ค.ศ.1936 (พ.ศ.2479) เบสส์ได้จัดพิธีครั้งสุดท้าย แต่ฮูดินีก็ไม่เคยกลับมา
เบสส์ได้กล่าวว่า
“ฮูดินีไม่กลับมา ความหวังสุดท้ายของฉันสลายไปแล้ว ฉันไม่เชื่อว่าฮูดินีจะสามารถกลับมาหาฉันได้ หรือกลับมาหาใครได้ หลังจากพยายามทุกวิถีทางมากว่า 10 ปี เวลานี้ฉันก็เชื่ออย่างหมดใจแล้วว่าการติดต่อกับวิญญาณในทางใดก็ตามเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ฉันไม่เชื่อว่าผีหรือวิญญาณมีจริง ถึงเวลาต้องจบแล้ว ราตรีสวัสดิ์นะแฮร์รี”
1
แต่ถึงเบสส์จะล้มเลิกความตั้งใจไปแล้ว แต่ก็มีอีกหลายคนที่เชื่อว่าวิญญาณของฮูดินียังอยู่ และยังคงหาทางติดต่อกับวิญญาณของนักมายากลชื่อดังรายนี้ให้ได้แม้จนปัจจุบัน
และนี่ก็คือเรื่องราวของนักมายากลชื่อก้องโลกอย่างแฮร์รี ฮูดินี และการตายรวมทั้งเรื่องจิตวิญญาณที่เกี่ยวข้องกับเขา
โฆษณา