11 พ.ย. 2023 เวลา 04:43 • ประวัติศาสตร์

อำนาจและการสวรรคตของ “คลีโอพัตรา (Cleopatra)”

วันหนึ่งในเดือนสิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล “คลีโอพัตรา (Cleopatra)” พระประมุขแห่งอียิปต์ ได้ทรงขังองค์เองในสุสานหลวงในเมืองอเล็กซานเดรีย ก่อนจะทรงตัดสินพระทัยทำอะไรบางอย่าง
พระองค์ทรงมีรับสั่งให้นำงูเห่าอียิปต์มา โดยให้ใส่มาในตะกร้าผลไม้ ก่อนที่พระองค์จะทรงจับงูเห่านั้น ชูขึ้น และให้งูเห่ากัดลงไปยังพระวรกายของพระองค์
พระนางคลีโอพัตราสวรรคตเกือบจะทันที
แต่เรื่องราวการขึ้นสู่อำนาจของพระองค์และการสวรรคตของพระองค์มีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไร? ลองมาดูกันครับ
1
คลีโอพัตรา (Cleopatra)
พระนางคลีโอพัตราเสด็จพระราชสมภพในราชวงศ์ปโตเลมี (Ptolemaic Dynasty) ซึ่งปกครองอียิปต์ โดยพระนางคลีโอพัตราได้ใช้ความฉลาด ทะเยอทะยาน และการยั่วยวน ทำให้พระองค์ก้าวขึ้นสู่อำนาจ
พระนางคลีโอพัตราทรงสามารถพูดได้หลายภาษา ทรงมีกองทัพในกำมือ และทรงมีความสัมพันธ์กับผู้ยิ่งใหญ่ในจักรวรรดิโรมันถึงสองคน
แต่ในช่วงเวลาสุดท้ายของพระนางคลีโอพัตรา พระองค์ทรงมีข้อพิพาทกับจักรวรรดิโรมัน พระองค์ทรงสร้างศัตรูกับ “อ็อคเทเวียน (Octavian)” บุตรบุญธรรมของ “จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)” หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่ทีืพระองค์ทรงมีสัมพันธ์ด้วย
เมื่อถึงเดือนสิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล อ็อคเทเวียนและกองทัพของเขาก็ได้บุกมาถึงหน้าประตูบ้านอียิปต์เลยทีเดียว
กองทัพของคลีโอพัตราพ่ายแพ้ยับเยิน “มาร์ค แอนโทนี (Mark Antony)” หนึ่งในผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโรมันและเป็นคู่รักของพระองค์ก็ได้ฆ่าตัวตายไปแล้ว ทำให้พระนางคลีโอพัตราไร้ที่พึ่งพิง
พระนางคลีโอพัตราทรงหวาดกลัวว่าอ็อคเทเวียนจะจับพระองค์แห่ประจานรอบเมือง ซึ่งพระองค์ทรงรับไม่ได้
ตามตำนานนั้น พระนางคลีโอพัตราทรงตัดสินพระทัยจะปลงพระชนม์องค์เอง และก็เกิดคำถามตามมาว่า
“พระองค์ทรงปลงพระชนม์องค์เองด้วยงูพิษจริงหรือไม่?”
นักประวัติศาสตร์ยุคใหม่หลายคนไม่คิดเช่นนั้น และคิดว่าอาจจะมีความเป็นไปได้อย่างอื่นมากกว่า
ถึงแม้ว่าพระนางคลีโอพัตราจะเกิดมาในราชตระกูลเมื่อราว 70 ปีก่อนคริสตกาล แต่หนทางสู่บัลลังก์ของพระองค์ก็ไม่ได้ราบเรียบ โดยเมื่อ “ปโตเลมีที่ 12 (Ptolemy XII)” สวรรคต พระนางคลีโอพัตราซึ่งมีพระชนมายุได้ 18 พรรษาก็ได้ครองราชย์ร่วมกันกับพระอนุชาของพระองค์ นั่นคือ “ปโตเลมีที่ 13 (Ptolemy XIII)”
ตระกูลของพระนางคลีโอพัตราได้ปกครองอียิปต์มาตั้งแต่ 305 ปีก่อนคริสตกาล โดยในปีนั้น หนึ่งในแม่ทัพของ “พระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช (Alexander the Great)” ได้ขึ้นสู่อำนาจในอียิปต์ และปราบดาภิเษกเป็น “ปโตเลมีที่ 1 (Ptolemy I)”
1
ปโตเลมีที่ 1 (Ptolemy I)
แต่อำนาจของโรมันก็ยังคงปกคลุมอียิปต์ และพระนางคลีโอพัตรากับปโตเลมีที่ 13 ก็ยังแก่งแย่งอำนาจกัน
ปโตเลมีที่ 13 ทรงให้การต้อนรับ “จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโรมัน และพระนางคลีโอพัตราก็ทรงเห็นโอกาสที่จะครองอำนาจแต่เพียงผู้เดียว
ตามตำนานนั้น พระนางคลีโอพัตราทรงซ่อนองค์ไว้ในพรม และเล็ดลอดเข้าไปถึงที่พักของซีซาร์ และสามารถยั่วยวนซีซาร์จนซีซาร์ยอมตกลงที่จะช่วยพระนางคลีโอพัตราให้ครองอำนาจ
จูเลียส ซีซาร์ (Julius Caesar)
ในเมื่อมีซีซาร์เป็นพวก อีกทั้งมีพระราชโอรสกับซีซาร์อีกด้วย นั่นคือ “ซีซาเรียน (Caesarion)” ทำให้พระนางคลีโอพัตราสามารถชิงอำนาจมาจากปโตเลมีที่ 13 ได้สำเร็จ
แต่ถึงจะขึ้นสู่อำนาจ แต่พระนางคลีโอพัตราก็ยังต้องมีความเกี่ยวข้องกับจักรวรรดิโรมัน ซึ่งภายหลัง ซีซาร์ถูกลอบสังหารจนเสียชีวิตเมื่อ 44 ปีก่อนคริสตกาล พระนางคลีโอพัตราก็ได้ไปมีสัมพันธ์กับ “มาร์ค แอนโทนี (Mark Antony)” อีกหนึ่งผู้ยิ่งใหญ่แห่งจักรวรรดิโรมันซึ่งครองอำนาจร่วมกับอ็อคเทเวียน
มาร์ค แอนโทนีตกหลุมรักพระนางคลีโอพัตรา และถึงแม้ภายหลังมาร์ค แอนโทนีจะเข้าพิธีแต่งงานกับน้องสาวของอ็อคเทเวียน แต่นั่นก็เป็นเพียงการแต่งงานทางการเมืองเท่านั้น เขายังคงชื่นชอบสัมพันธ์กับพระนางคลีโอพัตรา
มาร์ค แอนโทนี (Mark Antony)
แต่ชาวโรมันต่างไม่ชอบพระนางคลีโอพัตราเท่าไรนัก มีการก่นด่าพระองค์เสียๆ หายๆ และเมื่อพระนางคลีโอพัตราและมาร์ค แอนโทนีแต่งตั้งให้ซีซาเรียนเป็นผู้สืบทอดอำนาจของซีซาร์ อ็อคเทเวียนก็ไม่ทนอีกต่อไป เขากล่าวหาว่ามาร์ค แอนโทนีนั้นถูกพระนางคลีโอพัตราปั่นหัว และได้ประกาศสงครามต่อพระนางคลีโอพัตรา
กองทัพของอ็อคเทเวียนได้รับชัยชนะ ทำให้พระนางคลีโอพัตราและมาร์ค แอนโทนีต้องหนีไปยังเมืองอเล็กซานเดรีย ซึ่งจะเป็นสถานที่จบชีวิตของทั้งคู่
เมื่อถึงเดือนสิงหาคม 30 ปีก่อนคริสตกาล โลกของพระนางคลีโอพัตราก็เรียกได้ว่าล่มสลาย
กองทัพของมาร์ค แอนโทนีได้ยอมจำนนต่อกองทัพของอ็อคเทเวียนอย่างน่าอับอาย และในไม่ช้า อ็อคเทเวียนก็จะเข้ายึดครองอเล็กซานเดรีย
พระนางคลีโอพัตราได้เสด็จไปยังสุสานหลวง และปล่อยข่าวออกไปว่าพระองค์ได้ปลงพระชนม์พระองค์เอง
มาร์ค แอนโทนีก็ได้รับทราบข่าวนี้ด้วยความตกใจ และก็ได้พยายามจะฆ่าตัวตายตามด้วยการใช้ดาบแทงตนเอง หากแต่เขาก็ยังไม่ตายในทันที และมีชีวิตนานพอที่จะรับทราบความจริงว่าพระนางคลีโอพัตรายังไม่สวรรคต ก่อนที่มาร์ค แอนโทนีจะเสียชีวิตในเวลาต่อมาในอ้อมแขนของพระนางคลีโอพัตรา
1
ก่อนที่พระนางคลีโอพัตราจะสวรรคต พระองค์ได้ทรงพบกับอ็อคเทเวียน และแสดงเจตนาที่จะเป็นมิตร เป็นพันธมิตรกับกรุงโรม หวังจะใช้เสน่ห์ของพระองค์ให้เป็นประโยชน์
แต่การเจรจาไม่เป็นผลสำเร็จ อ็อคเทเวียนไม่หลงกลหรือหลงเสน่ห์ของพระนางคลีโอพัตรา ทำให้พระนางคลีโอพัตราทรงตระหนักได้ว่าชะตากรรมของพระองค์นั้นสิ้นสุดแล้ว
ตามตำนานนั้น พระนางคลีโอพัตราได้ทรงขังตัวเองไว้ในห้องในสุสานหลวงกับหญิงรับใช้สองคน ชื่อ “อิราส (Iras)” กับ “ชาร์เมียน (Charmion)”
พระนางคลีโอพัตราทรงฉลองพระองค์ด้วยเสื้อคลุมยาวและเครื่องเพชร ก่อนจะคว้างูเห่าที่นำเข้ามา และให้งูเห่าสังหารพระองค์
ก่อนหน้านี้พระองค์ได้ทรงส่งจดหมายถึงอ็อคเทเวียน ขอให้จัดการฝังพระบรมศพของพระองค์ตามที่พระองค์ทรงปรารถนา ก่อนจะให้งูเห่ากัดที่พระอุระ และสวรรคตด้วยพระชนมายุ 39 พรรษา
ภายหลังพระนางคลีโอพัตราสวรรคต อ็อคเทเวียนก็ได้ผนวกอียิปต์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมัน และทำให้ราชวงศ์ปโทเลมีซึ่งครองอำนาจมานานนับร้อยปีต้องสิ้นสุดลง
1
ในเวลาต่อมา คนของอ็อคเทเวียนก็ได้ปลงพระชนม์ซีซาเรียน และนักประวัติศาสตร์โรมันก็ได้เขียนก่นด่าพระนางคลีโอพัตรา ให้ภาพพระนางคลีโอพัตราเป็นสตรีที่ชั่วร้าย
อ็อคเทเวียนได้ขึ้นครองราชย์เป็น “จักรพรรดิออกัสตัส (Augustus)” ส่วนพระนางคลีโอพัตราก็ถูกให้ภาพเป็นคนร้าย
และแม้เวลาจะผ่านมานานนับพันปี การสวรรคตของพระนางคลีโอพัตราก็ยังไม่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร
จักรพรรดิออกัสตัส (Augustus)
หลายคนคิดว่าพระองค์ไม่น่าจะสวรรคตจากงูกัด เนื่องจากการจะนำงูเห่าใส่ในตระกร้าหรือเหยือกน้ำก็ไม่น่าจะได้ เนื่องจากขนาดตัวของงูเห่าที่ใหญ่เกินกว่าจะใส่ได้ อีกทั้งยังมีบันทึกว่าไม่พบงูพิษที่ว่าเลย แต่พระนางคลีโอพัตราน่าจะปลงพระชนม์ด้วยการเสวยยาพิษมากกว่า
นอกจากนั้นนักประวัติศาสตร์บางคนยังคิดว่าอ็อคเทเวียนอาจจะมีส่วนในการสวรรคตของพระนางคลีโอพัตรา เนื่องจากหากพระนางคลีโอพัตรายังอยู่ ก็อาจจะสร้างปัญหาได้ อีกทั้งชาวโรมันจำนวนมากก็ไม่ชอบพระนาง
และนี่ก็คือเรื่องราวของคลีโอพัตรา สตรีผู้ที่โด่งดังที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์
โฆษณา