13 พ.ย. 2023 เวลา 06:46 • ปรัชญา
ไม่ว่าเราจะไปทำงานทำการที่ไหน เราก็ต้องอยู่กับคน คนที่มีอารมณ์ มีทิฐิมีดีมีชั่ว มีความคิดเห็นอะไร ที่แตกต่างกันด้วยนิสัย เราปิดตาเราไม่เห็นคนไม่ได้ เราปิดหูให้ไม่ให้ได้ยินเสียงไม่ได้ ต่างคนต่างมีอารมณ์ เหมือนน้ำโคลน ที่ไหลบ่าเข้ามาทางหูทางตา มันไหลเข้ามาในเรือนกาย เรือนกายของเราก็ดูดซับโคลนนั้นไว้กับ ธาตุทั้งสี่ นานวันไปสิ่งที่กายเรา วิญญาณทั้งหกที่ไปรับบันทึกจดจำมา มันมากมายเพิ่มพูนขึ้น มันหนักอกหนัดจิต หงุดหงิดรำคาญใจ ..
1
ก็เหมือนว่า จิตใจเรารับเอาสิ่งที่สะสมเข้ามา เหมือนกองขยะ ที่มีของเสียของเน่า มันเริ่มล้นออกมาแล้ว มันเป็นเรื่ิองราวของกรรมทั้งนั่น ที่เราต้องเจอะเจอในชีวิต เมื่อเรายังมีกรรมอยู่ สะสมกรรมไว้ แม้ลาออกมา ว่าจะไปทำงานหาเงินเล็กๆน้อยๆ เราก็ต้องหาเงินจากใครล่ะ ก็ต้องหาจากคนที่เค้ามีเงินมีทอง คนที่เค้ามีเงินมีทอง เค้าก็หวงเงินในกระเป๋า กว่าจะควักเงินมาจับจ่าย จ่ายในสิ่งที่เค้าต้องการ ให้แก่เรา
มันก็ไม่ง่ายเลย ..อาจจะย่ำแย่ กว่าตอนที่เรากำลังทำอยู่ในขณะนี้ก็ได้ นั่นก็ล้วนของบุญหรือกรรม ที่หนุนนำจิตของเรา เรื่องที่เค้าว่า จิตของเราเกิดมามีกรรม เราก็ใช้กายไปเจอะเจอ อารมณ์คนนั้นคนนี้ เข้ามา…เอาหูเอาตาไปรับเข้ามา ..โดยที่เราไม่รู้จักไม่รู้ว่า สิ่งเหล่านี้มันเป็นเรื่องราวของอารมณ์กรรมทั้งนั้น ..เรื่องเราพวกนี้ เมื่อเราอยู่กับกรรม ใช้เวลาของชีวิตทำงานทำการ มันเป็นเวลาที่อยู่กับโลก สร้างแต่กรรม เราก็แบ่งปันเวลา มาพักกายพักจิต สละพิษของอารมณ์นั่นออกไป
1
เราก็ลองอ่านดู เรื่องนี้ดู ทำดู ..เพื่อช่วยเหลือจิตของเราเอง https://www.blockdit.com/posts/653dd32a2b30d443564de51f เรื่องราวพวกนี้ ต้องทำเป็นนิจสิน เราก็จะได้เรียนรู้จัก เรื่อง กาย อารมณ์ กรรม เรื่องจิต เรื่องธรรม เราก็จะค่อยเรียนรู้จักขึ้นมา ว่าบุญกุศลนั่นช่วยหล่อเลี้ยงจิตของเราให้มีความสุข ก่อนถึงความสุขเราก็ต้องเจออุปสรรค ..วิบากกรรม ..ที่เราต้องแก้ไขด้วยตัวเราเอง เอาเรื่องของบุญกุศลมาหนุนนำกายหนุนนำจิต
โฆษณา