Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
TrustFinance_th
•
ติดตาม
13 พ.ย. 2023 เวลา 08:12 • หุ้น & เศรษฐกิจ
A-Book vs B-Book: เลือกแบบไหนดี?
A-Book และ B-Book เป็นคำเรียกที่ใช้ในการอธิบายลักษณะการดำเนินการของโบรกเกอร์ในการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์ โดย A-Book จะเป็นการส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังตลาดจริงโดยตรง ส่วน B-Book จะเป็นการดำเนินการผ่านระบบการจัดการที่ทำโดยโบรกเกอร์เองโดยรับความเสี่ยงด้วยทุนของบริษัทของตนเอง
ความแตกต่างระหว่างโบรกเกอร์แบบ A-Book และ B-Book
โบรกเกอร์ A-book: เป็นรูปแบบการดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าไปยังตลาดจริงโดยตรง การติดต่อทั้งหมดจะกระทำโดยตรงกับตลาดไม่ใช่กับโบรกเกอร์หรือบริษัทที่โบรกเกอร์ทำงานอยู่ และส่งเงินของลูกค้าทั้งหมด 100% เข้าสู่ตลาดจริง มักไม่มีผลประโยชน์อื่นแอบแฝง โบรกเกอร์ A-Book จะได้ผลกำไรจากค่า Spread และ Commission ตามเงื่อนไขที่ประกาศในตอนแรกเท่านั้น ทำให้ผู้ลงทุนมีความปลอดภัยสูงในการซื้อขายและสามารถทำกำไรได้อย่างเต็มที่ในการสมัครเปิดบัญชีกับโบรกเกอร์
ซึ่งโบรกเกอร์ A-book ถือเป็นโบรกเกอร์ที่น่าเชื่อถือ เพราะมีเอกสารและข้อกำหนดต่างๆ ที่เป็นไปตามกฎหมายการเงินการธนาคารสากล ซึ่งกฎหมายนี้จะเป็นข้อบังคับโบรกเกอร์ให้ทำการซื้อขายอย่างถูกต้อง และจะมีแผนการตลาดแบบ Win : Win เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่องและมั่นคงมากขึ้น
โบรกเกอร์ B-book: เป็นโบรกเกอร์ที่ดำเนินการส่งคำสั่งซื้อขายของลูกค้าผ่านระบบการจัดการของตนเอง ซึ่งจะดำเนินการผ่านระบบการจัดการที่ทำโดยโบรกเกอร์เอง โดยจะมีห้องรวบรวมข้อมูลของลูกค้าไว้ และจะมีพนักงานคอยตรวจสอบข้อมูลของลูกค้า ออร์เดอร์ที่ลูกค้าสั่งก็จะอยู่ในมือของโบรกเกอร์ เมื่อมีการซื้อขาย โบรกเกอร์ก็จะทำการจับคู่กับอีกฝั่งหนึ่งให้ ในบางกรณี โบรกเกอร์แบบ B-book อาจไม่ได้เป็นโบรกเกอร์ที่ถูกกฎหมาย พวกเขารับความเสี่ยงด้วยทุนของบริษัทของตนเอง
ดังนั้นเมื่อผู้ลงทุนเทรดได้ โบรกเกอร์ก็จะเสียผลประโยชน์ แต่ถ้าผู้ลงทุนเทรดเสียโบรกก็จะได้กำไร ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้ผู้ลงทุนอาจจะไม่มีความปลอดภัยในการลงทุน เพราะเงินไม่ได้เข้าสู่ตลาดจริง แต่กลับไปอยู่ในมือของโบรกเกอร์แทน ซึ่งเมื่อเงินไปอยู่ในมือของโบรกเกอร์แล้ว ก็จะเกิดช่องว่างให้โบรกเกอร์สามารถโกงผู้ลงทุนได้ โดยมีกลโกงอยู่หลากหลายรูปแบบ เช่น
●
การดีเลย์คำสั่งออเดอร์
●
การถ่างค่าสเปรดเกินจริง
●
การดึงกราฟไส้เทียน
●
การปิดบัญชีโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า
เลือกโบรกเกอร์แบบไหนดี?
เป็นเรื่องยากที่จะตัดสินได้ว่า A-Book หรือ B-Book ดีกว่ากัน แต่โบรกเกอร์ A-Book มีสภาพคล่องที่สูงกว่า เนื่องจากติดต่อกับตลาดโดยตรง และผลกำไรขาดทุนของเทรดเดอร์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับทางโบรกเกอร์
ในทางตรงกันข้าม โบรกเกอร์ B-Book ที่มีขนาดใหญ่ หรือโบรกเกอร์ Liquid Provider ก็สามารถทำงานได้เทียบเท่าโบรกเกอร์ A-Book ดังนั้น หากต้องเลือกเปิดบัญชีกับโบรกใดโบรกหนึ่งควรคำนึงถึงปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย เช่น Spread ต่ำ, Commission ถูก, ฝากและถอนได้รวดเร็ว, เทรดแล้วไม่มีปัญหากราฟค้าง หรือเปิดออเดอร์ไม่ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใบอนุญาตของโบรกเกอร์นั้นๆ เนื่องจากใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำกับสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของโบรกเกอร์
อ่านบทความที่มีประโยชน์อื่นๆเพิ่มเติมได้ที่นี่
https://blog.trustfinance.com/
การเงิน
การลงทุน
หุ้น
บันทึก
2
1
2
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย