#รวมความในพระพุทธศาสนา
พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสไว้ว่า...
" เมื่อใดบุคคล #คิดดี #พูดดี #ทำดี
เมื่อนั้นแหละ ฤกษ์ดี ยามดี
เป็นมงคลอันสูงสุด "
ใคร ๆ ก็อยากจะมีชีวิตที่ดีงามทั้งนั้น
ที่เราจะทำอะไร เราก็แสวงหาฤกษ์ยามงามดี
.. จะเปิดร้านใหม่ ก็ดูฤกษ์ดูยาม
.. จะแต่งงาน ก็ดูฤกษ์ดูยาม
.. อยากมีชีวิตที่ดีเป็นมงคล
ในทางพระพุทธศาสนาแล้ว
ฤกษ์ยามงามดี ชีวิตที่เป็นมงคล
ก็คือการกระทำที่ถูกต้องที่ดีงามนั่นเอง
เป็นไปตามกฎของธรรมชาติ
ทำสิ่งใด ย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้น ๆ
ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว
#หว่านพืชเช่นใด
#ย่อมได้รับผลจากการกระทำนั้นๆ
ถ้าเราปรารถนาสิ่งที่ดีงาม
เราก็เพียรสร้างเหตุปัจจัยที่ดีงามไว้
ใจเราก็มีความสุขสบาย ปลอดโปร่งโล่งใจ
เหตุปัจจัยที่ทำไว้
ก็ส่งผลปัจจัยที่ดีงามต่อไป
#รวมความในพระพุทธศาสนา ก็คือ
.. การงดเว้นจากความชั่วทั้งปวง
.. ทำแต่ความดี ทำความดีให้ถึงพร้อม
.. การพัฒนาคุณภาพจิตใจของเราขึ้นมา
.. ชำระจิตให้หมดจดจากเครื่องเศร้าหมองต่างๆ
พื้นฐานกายภาพ
เราก็ฝึกฝนพัฒนาอยู่เนือง ๆ
ให้เป็นผู้คิดดี พูดดี ทำดี
มีจิตใจที่โอบอ้อมอารี
เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เกื้อกูลกัน
มีเมตตา ความรัก ความปรารถนาดีต่อกัน
กล่อมเกลาจิตใจ
เพาะบ่มจิตใจที่ดีงามขึ้นมา
#ในด้านของการพัฒนาสภาวธรรมภายใน
ก็อาศัยการฝึกปฏิบัติในรูปแบบ
ประกอบด้วยการเดินจงกรม
เพื่อพัฒนาสติสัมปชัญญะขึ้นมา
แล้วก็การนั่งภาวนา เพื่อพัฒนาสมาธิ
ความสงบสภาวธรรมภายใน
เวลานั่งสมาธิก็วางเรื่องความคิดต่าง ๆ ลง
อยู่กับความรู้สึกของกายของใจ
จนเกิดความรู้สึกตัวทั่วพร้อมขึ้นมา
จิตใจก็คลายออกจากอารมณ์หยาบ ๆ ต่าง ๆ ความฟุ้งซ่านต่าง ๆ
ก็หยั่งเข้าสู่สภาวธรรมโดยลำดับลำดา
เกิดปีติ อาการของปีติต่าง ๆ ขึ้นมา
ก็รับรู้สภาวธรรมที่ปรากฏ
เกิดความสุขเบาสบาย
ฝึก ๆ ไป กายเบาจิตเบา
สัมผัสความสุขที่ประณีตลึกซึ้ง
รับรู้สภาวะอาการต่าง ๆ ที่ปรากฏ
ก็เป็นการพิจารณาเวทนาในเวทนา
เมื่อฝึก ๆ ไป
จิตเข้าถึงความสงบ เข้าถึงสมาธิ
สติก็พัฒนาจากฐานเวทนา ขึ้นสู่ฐานจิต
มีใจที่ผ่องใสมีความตื่นรู้ภายใน
เข้าถึงจิตที่ตั้งมั่นตื่นอยู่
เข้าถึงความสงบลึกซึ้งโดยลำดับลำดา
ก็เป็นการพิจารณาจิตในจิต
#เมื่อฝึกฝนเป็นประจำสม่ำเสมอ
ต่อเนื่องกันไปในทุก ๆ วัน
สติก็มีกำลัง สมาธิก็มีกำลัง
เมื่อฝึกไปถึงจุดหนึ่ง
ก็สามารถยกจิตขึ้นสู่วิปัสสนาญาณได้
.. ธรรมทั้งหลายก็จะปรากฏตามความเป็นจริง
.. เกิดการรู้เห็นตามความเป็นจริง
.. เรียกว่าเผยสภาวธรรมที่ปรากฏตามความเป็นจริง
#ปกติแล้วเราก็ใช้ชีวิตอยู่กับสมมติมายา
ติดอยู่กับโลกสมมติ
แต่เมื่อฝึกฝนจนเกิดวิปัสสนาญาณ
สมมติต่าง ๆ ก็หลุดออกไป
เหลือแต่สภาวธรรมตามความเป็นจริงล้วน ๆ
สิ่งต่าง ๆ ที่ปรากฏตามเหตุตามปัจจัย
เกิดขึ้นแล้วก็เสื่อมสลายไป
รับรู้ความเสื่อมสลายไปของสรรพสิ่ง
.
ธรรมบรรยาย โดย พระมหาวรพรต กิตฺติวโร
เช้าวันที่ 25 กรกฎาคม 2566
- 1
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
