13 พ.ย. 2023 เวลา 13:57 • หนังสือ

16 ข้อคิดที่ชอบจากหนังสือ ‘มนุษย์เป็นสัตว์สังคม (แค่บางวันก็พอ)’

1 รู้สึกเหงาทั้งที่อยู่กับผู้คน
จริง ๆ แล้วมันไม่ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่คนเดียหรือไม่ แต่มันขึ้นกับสถานที่นั้นยอมรับเราหรือไม่นั่นเองครับ
ถ้าเราสร้างสถานที่ที่ทำให้เรารู้สึกว่า ‘เราสามารถอยู่ตรงนี้ได้’
หากทำได้ ไม่ว่าเราจะอยู่คนเดียวหรืออยู่กับผู้คนเราก็ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวครับ
2
2 ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
ถ้าเราควบคุมโดยการไม่ให้ความเศร้ามันออกมา ข่มกลั้นมันมากไป อาจส่งผลกับการแสดงอารมณ์ได้
และนั่นมีผลมากเพราะการแสดงอารมณ์ คือ หนึ่งในสิ่งที่สำคัญของมนุษย์
เพราะมีวันที่โกรธหรือเสียใจ เราจึงรู้ว่าการดีใจหรือความสนุกมันทำให้เรามีความสุขครับ
5
3 คิดในแง่ลบตลอดเวลา
มุมมองที่แตกต่างออกไปของคนที่มองโลกในแง่ร้าย คือ คนที่รอบคอบและคำนึงถึงความเสี่ยง
บางทีการมองโลกในแง่บวกเกินไป มันก็ไม่ดี อาจจะพลาดการทบทวนตัวเองไปหรือยึดตัวเองเป็นศูนย์กลางได้ครับ
7
4 รู้สึกอิจฉาคนอื่น
หากบอกให้ไม่อิจฉาคนอื่นมันคงยากเกินไป
ลองเปลี่ยนมุมมองเป็นแอบอิจฉาเพื่อให้ตัวเองฮึดสู้และก้าวไปข้างหน้าดูครับ
2
5 ไม่อาจเลิกนิสัยแย่ ๆ ได้
เป็นมุมมองที่พลิกไปอีกแบบเช่นกันครับ เพราะวิธีการผ่อนคลายความเครียดมีหลากหลายวิธี
เราชอบกินขนมขบเคี้ยวหรือเล่นอินเทอร์เน็ตเป็นเวลานาน
ทำไมไม่ลองเปลี่ยนไปออกกำลังกายดูล่ะ เพราะนั่นคือการฝึกกล้ามเนื้อและเป็นการออกกำลังกายที่ดีต่อสุขภาพด้วยครับ
5
6 กังวลว่าคนอื่นจะมองตัวเองอย่างไร
บางครั้งเรากังวลว่าคนอื่นจะมองเราอย่างไรมากเกินไป
แต่สิ่งที่คนอื่นเห็น ก็เหมือนฉากหนึ่งของหนังครับ ไม่มีทางเห็นเรื่องราวทั้งหมดอยู่แล้ว เหมือนความคิดเห็นที่เรามีต่อหนังเรื่องหนึ่ง
ดังนั้น เราไม่จำเป็นต้องไปกังวลกับคนอื่นที่จะมองเราอย่างไรเลยครับ
6
7 ไม่ถนัดในการขอร้องคนอื่น
เราไม่ถนัดการของคนอื่นเพราะเหมือนเราติดหนี้บุญคุณ
ให้ลองคิดอีกมุม ว่าเราแลกเปลี่ยน เพียงแต่ยังไม่ได้ให้ในตอนนี้
แต่เราจะตั้งใจช่วยให้เหมือนที่เขาช่วยเรานั่นเองครับ
3
8 กลัวการพบเจอกับคนแปลกหน้า
อยากบอกว่าทุกคนเป็นผู้เชี่ยวชาญในการพบเจอคนแปลกหน้าอยู่แล้ว
เพราะคนที่เรารู้จักมาจนถึงทุกวันนี้ ก่อนหน้านั้นเราก็เป็นคนแปลกหน้ากันนั่นเอง
7
9 รู้สึกผิดกับการพักผ่อน
หากเรารู้สึกเช่นนั้น ก็คิดว่าการพักผ่อนก็คืองานอย่างหนึ่งเลยครับ
เพราะหากเราพักผ่อนไม่ดี งานเราที่ทำก็ออกมาไม่ดีตามนั่นเอง
4
10 อยากได้รับคำชมจากคนอื่น
อย่ากังวลกับคำชมคนอื่นเลย เพราะหากอีกฝ่ายชมเรื่องที่เราไม่ได้ทำ เราก็ไม่ได้รู้สึกดีขนาดนั้น
กลับกัน หากถูกชมแบบไม่ตั้งตัว กลับรู้สึกดียิ่งกว่าอีกครับ
1
11 ไม่รู้ตัวเองอยากทำอไร
คนส่วนน้อยที่มีเป้าหมายชัด ๆ ครับว่าต้องการทำอะไร
นึกถึงตอนเด็กที่เราไม่ได้มีเป้าหมายขนาดนั้น เราก็ใช้ชีวิตได้แบบไม่มีอะไร
แต่พอโตมาเราถูกปลูกฝังมากมายจนลืมมันไป
ชีวิตเราไม่มีถูกไม่มีผิด หากไม่ทำให้เราหรือคนอื่นเดือดร้อนครับ
3
12 มีสิ่งที่อยากทำแต่ไม่กล้าลงมือทำ
ลองคิดว่าการไม่ลงมือทำมันก็คือความเสี่ยงดูครับ เพราะอย่างไรก็ตามกาสนั้นไม่มีทางกลับมาเป็นหนที่ 2
แต่หากกลัวจริง ๆ ให้ลองรวบรวมความกล้าแล้วลงมือทำดู
2
13 โดนข้อมูลปั่นหัว
เพราะในปัจจุบันข้อมูลมีมากเกินไปสำหรับเรา
หากเราเริ่มไตร่ตรองด้วยตนเองได้มากขึ้น มันก็ลดการโดนข้อมูลปั่นหัวได้ครับ
1
14 ทรมานกับการใช้ชีวิตแบบมีข้อจำกัด
ลองเปลี่ยนมุมมองเป็นเราสามารถทำอะไรในตอนนั้นดีกว่าครับ
บางทีมันอาจมีอะไรดี ๆ หรือไอเดียดี ๆ ผุดขึ้นมาได้ครับ
2
15 รู้สึกกังวลหรือหวาดกลัวสิ่งที่มองไม่เห็น
จริง ๆ สิ่งที่น่ากลัวกว่าสิ่งที่มองไม่เห็นคือสิ่งที่มองเห็นครับ
ไม่ต้องไปตื่นตระหนกกับสิ่งที่มองไม่เห็น ส่วนสิ่งที่มองเห็นเราก็รับมือกับมันด้วยสติครับ
2
16 รู้สึกขมขื่นทั้งที่มีคนลำบากมากกว่าตนเอง
หากรู้สึกขมขื่นก็ให้บอกออกมาเลย มันไม่มีใครไปวัดระดับความเจ็บปวดของเราได้ แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน
ต่อให้วัดได้ ความขมขื่นก็คือความขมขื่นอยู่ดี
และคนที่ช่วยเหลือตัวเราได้มีแต่ตัวเรา เพราะฉะนั้น นึกถึงการเยียวยาจิตใจของตัวเองก่อนนะครับ
1
หนังสือเล่มนี้ ดีมากเลยครับ
มีหัวข้อหลักคือ ‘ความโดดเดี่ยวและความกังวล’ ถึง 68 ข้อ ที่ทำให้เราอยู่กับมันได้
บางอันอาจเป็นสิ่งที่เรารู้อยู่แล้ว แต่ทำมาเป็นรูปแบบการ์ตูนให้เราได้มุมมองใหม่
ส่วนสิ่งที่เราไม่รู้ มันก็รู้สึกว้าวไปเลยครับ
แนะนำจริง ๆ ครับ ผมว่า 68 ข้อนี้มันต้องมีสักข้อที่ตรงกับใจเราตอนนี้แน่นอนครับ
แล้วผมจะนำบางข้อมาพูดอีกครับ
3
ผู้เขียน JAM
ผู้แปล คุณปาวัน การสมใจ
จำนวนหน้า 191 หน้า
สำนักพิมพ์ Welearn
โฆษณา