ชะตากรรมของ Coyote vs. Acme : แผนยกเลิกฉายหนังของ Warner Bros. ที่ย้อนคืนสนอง
ล่าสุด Coyote vs. Acme โครงการหนังคนแสดงทุนสร้าง $70 ล้านเหรียญ ดัดแปลงจากแอนิเมชันจากแฟรนไชส์ของลูนีย์ตูนส์ และมี จอห์น ซีน่า แสดงนำ และกำกับโดย เดฟ กรีน (“Teenage Mutant Ninja Turtles: Out of the Shadows”) อีกทั้งยังมี เจมส์ กันน์ ร่วมเขียนบท ถูก Warner Bros. ตัดสินใจล้มเลิกแผนการฉายไป และถือเป็นหนังเรื่องที่สาม ตามหลัง Bargirl และ Scoob! Holiday Haunt ที่ถูกยกเลิกไปก่อนเมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Coyote vs. Acme มีชะตากรรมที่ไม่ต่างกันมาก แต่แตกต่างตรงที่ตัวหนังเสร็จสิ้นสมบูรณ์พร้อมฉาย จนได้รับการฉายรอบทดสอบและได้ตัวเลขคะแนนที่ค่อนข้างดีมาก ในกลุ่มผู้ชมครอบครัว แต่ตัวหนังก็ถูกยกเลิกแผนการฉาย ซึ่งคาดว่ามาจากการลดหย่อนภาษี อ้างอิงจากรายงานตัวเลขผลประกอบการในไตรมาสที่ 3 ที่ระบุไว้ว่า Warner Bros. ได้ลดหย่อนภาษีจากตัวหนัง Coyote vs. Acme เป็นมูลค่าราว $30 ล้านเหรียญ
อย่างไรก็ตาม ตัวหนัง Coyote vs. Acme ซึ่งถูกสร้างอนุมัติงานสร้างจากซีอีโอของ Warner Bros. คนก่อนอย่าง เจสัน คิลาร์ ซึ่งวางแผนจะปล่อยตัวหนังเพื่อผลักดันสตรีมมิ่งอย่าง HBO Max (หรือ MAX ในปัจจุบัน) แต่การเข้ามารับช่วงต่อโดย เดวิด ซาสลาฟ ซึ่งมีกลยุทธ์ที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง ในการให้ความสำคัญในการผลิตภาพยนตร์เพื่อส่งฉายในโรง ทำให้เกิดการตัดสินใจที่รู้สึกว่า หนังเรื่องนี้ไม่เหมาะกับทิศทางใหม่ของบริษัท
ซึ่งจากการตัดสินใจนี้ของ Warner Bros. ทำให้เกิดกระแสต่อต้านและตอบโต้อย่างหนัก รวมถึงผู้กำกับ ฯ และบุคลากรในวงการภาพยนตร์หลายคน ก็ออกมาให้การชื่นชมเกี่ยวกับตัวหนัง บ้างก็ว่าเป็นหนังลูนีย์ตูนส์ที่ดีสุดนับตั้งแต่ Who Framed Roger Rabbit เลยเสียด้วยซ้ำ
ส่วนทางด้านผู้กำกับ ฯ อย่าง เดฟ กรีน ก็ออกมาแถลงการณ์ทางบัญชี X ของเขาว่า “เขาภูมิใจอย่างยิ่งในผลงานที่ออกมา แต่ก็รู้สึกเสียใจอย่างมากเช่นกัน จากการตัดสินใจของ Warner Bros. แต่ด้วยจิตวิญญาณอันไม่ย่อท้อและเข้มแข็งของ ไวล์ อี. โคโยตี้ จะมีชัยในที่สุด”
ทั้งนี้ รายงานจาก Rolling Stone ยังเผยด้วยว่า กรีน และผู้อำนวยการสร้างระดับสูงของหนังหลายคน ไม่ทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจยกเลิกแผนฉายหนังจาก Warner Bros. เพื่อลดหย่อนภาษีด้วยซ้ำ แต่ก็ทราบเรื่อง หลังจากที่มีรายงานข่าวเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีของ Coyote vs. Acme รายงานจาก The Hollywood Reporter เผยว่า มีผู้กำกับ ฯ หลายคนที่ทราบข่าวของการยกเลิกฉายหนังเรื่องนี้ ต่างแจ้งตัวแทนหรือเลขาของพวกเขา ในการยกเลิกประชุมที่จะมีขึ้นกับทาง Warner Bros.
แต่กระนั้นเอง หลังได้รับกระแสตอบโต้รุนแรง Warner Bros. ก็กำลังเปลี่ยนแผนใหม่ และตระเตรียมรอบฉายหนังให้กับสตรีมมิ่งอย่าง Amazon Prime Video, Apple TV+ และ Netflix เพื่อความเป็นไปได้ในการให้ เดฟ กรีน ได้ประมูลสิทธิจัดจำหน่ายหนัง ซึ่งถึงแม้ยังไม่มีการร่างสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่รายงานจาก Deadline ก็เผยว่า มีความเป็นไปได้ที่ Amazon Prime Video จะเป็นผู้ได้สิทธิจัดจำหน่ายไป หลังเคยได้สิทธิจำหน่ายของหนังค่าย Sony Pictures อย่าง Hotel Transylvania 4 และ Cinderella จากในช่วงโควิด