15 พ.ย. 2023 เวลา 01:16 • หนังสือ
เรื่องของการสร้างบุญ การที่เราทำบุญ ไม่ใช่แค่คิดในใจ เราต้องมีการเสียสละ ทั้งเวลาที่เราอยู่กับโลก ใช้อารมณ์โลภโกรธหลง ไปเสาะแสวงหาหาปัจจัย เอามายึดถือ เพื่อหล่อเลี้ยงชีวิตตามยุคสมัยนี้ ..ปัจจัยที่เราเสาะแสวงหามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ด้วยแรงกายที่เราเกิดมาอาศัยกายนี้อยู่
กายที่เราอาศัยนี้มันก็ไม่ใช่ของเรา เป็นของที่พ่อแม่ให้เรามาอาศัย .การที่เราใช้กายไปทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ มีวิญญาณทั้งหกไปกระทบ เรื่องนั้นเรื่องนี้ เรื่องวถูกใจไม่ชอบใจ .
เก็บเข้า เก็บมานึกคิด ..มันก็เกิดเป็นอารมณ์กรรม ..เกิดขึ้นไม่มีหยุด ..เอามาทับถมจิตใจเราไปเรื่อยๆทับถมกายที่พ่อแม่ให้มา ไปจนแก่นี้แก่เฒ่าชรา นั่นก็เป็นเรื่องที่เราใช้กายนี้ สร้างกรรม เป็นกายที่มีกรรม กายนั่นมันก็เป็นกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา
คราวนี้ เมื่อเราจะสร้างบุญกุศล ..เราก็นำกายนี้ เคลื่อนที่ไปหาสถานที่ ที่เค้ามีธรรม เข้าหาสถานที่ที่เค้าสร้างวัดวาอารมณ์ ถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีผู้ที่ประพฤติปฏิบัติธรรมตามรอยคำสอนของท่านอยู่
..หากหาไม่ได้เราก็..ทำบุญกับผู้ที่มาบวช ครองผ้ากาสาวพัสตร์ที่เป็นเครื่องหมายของธรรม เคื่องหมายของผู้ที่จะสละความโลภโกรธหลง เดินตามรอยองค์พระสัมมาสัมพุทธที่ท่านชี้ทางไว้ให้ ให้ปฏิบัติธรรไป ..ไม่ต้องห่วงเรื่องทำมาหากินเยี่ยงฆราวาส ก็ญาติโยมที่ศรัทธา ..มาทำบุญสร้างกุศลกับผู้ที่ครองผ้าเหลือง ..น้อมถวายอาหารปัจจัยที่ตนไปหามา น้อมถวายต่อองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านผู้ที่ครองผ้าเหลือง ..ให้เกิดคำว่าบุญกุศล
เรื่องของบุญกุศล นั่นต้องกระทำด้วยความเต็มใจ ระลึกถึงปัจจัยที่เราหามาด้วยความเหน็ดเหนื่อย ระลึกถึงเรื่องราวที่เราต้องไปมีอารมณ์ ใช้อารมณ์กับคนนั้นคนนี้ ..กว่าจะได้ปัจจัยนั่นมา ..นั่นก็คือ เราใช้กายพ่อแม่ สร้างแต่เรื่องที่เกิดทุกข์ ..สะสมทุกข์ ..แล้วก็ยึดทุกข์ ยึดปัจจัยที่ซ่อนเร้นความโลภโกรธหลงอยู่ในวัตถุสิ่งของนั่น เราก็แบ่งปันวัตถุสิ่งของนั่นออกไป ..นำไปสร้างให้เป็นบุญ ..ที่จะช่วยดึงอารมณ์โลภโกรธหลง ตามไปกับวัตถุนั้นไป
เรื่องการทำบุญนั้น ต้องกระทำด้วยความเต็มใจใจ ด้วยความนอบน้อม ใช้กิริยาที่ดีๆในการสร้างบุญกุศล ..บุญที่เราที่นั้นก็เกิดเป็นแสงสีเหลืองเกิดขึ้น ..ตรงนั้นแหละที่จะช่วย แผ่กระจายกุศลให้เกิดขึ้น ..บางคนก็ว่าทำบุญที่ใจ ..แล้วใครล่ะจะรู้ใจตนเองเป็นอย่างไร ก็ยึดอยู่อย่างนั้น คิดเองเออเองจริงหรือไม่
เรื่องของการที่เราใช้กายไปหาปัจจัย ไปทำมาหากิน ..มันมีการสะสมกรรม โดยที่เราไม่รู้ตัว มีเรื่องห่วง มีความยึดถือ ความวุ่นวาย ความวิตกกังวลอะไรมากมาย มันเกิดขึ้นที่กาย ..เป็นกายของผู้ที่มีกรรม ..เป็นกายกรรม เราก็มาทำกายนี้ ให้เป็นกายของผู้ที่บุญกุศล ..กายที่เบาบางจากอารมณ์กรรม ไม่นึกคิดอะไร เราก็นำกายที่พ่อแม่ให้มา มาสวดมนต์ ปฏิบัติธรรม ..เรื่องอะไร..ที่ทุกข์ร้อนเราก็ไม่ต้องนึกคิดอะไร ปล่อยวางมันไปก่อน .ชั่วขณะหนึ่ง
แล้วเราก็เอากายนี้มา มาเดินจงกรมบ้าง ไม่ต้องนึกคิดอะไร ทำกายทำใจให้อยู่กับพระ จิตเป็นพระ ภาวนาพุทโธ .ขึ้น ไม่นึกคิดเรื่องอะไรทั้งนั่น นึกคิดเมื่อไหร่นั่นก็คืออารมณ์กรรม .นั่นก็คือ สิ่งที่จะทำให้กายเรา เป็นกายของผู้ที่บุญ กายบุญก็คือกายของเทพยดาอินทร์พรหม ไม่มีอารมณ์ที่สร้างความทุกข์
บุญกุศลนั่น ต้องเกิดขึ้นจากการกระทำ ..ด้วยกายวาจาใจ เอากายมาสร้างให้เกิดเป็นบุญกุศล ..ต้องสละทั้งเวลาที่จมอยู่กับความโลภโกรธหลง ..เวลาทำมาหากิน เวลาไปเที่ยวที่นั้นที่นี่ สละความยึดถือ ในปัจจัยที่หามา ..หามายึดนี่ของฉันๆๆ จิตมันยึดถือ ..ยึดถืออะไรมากมาย ยึดความโลภโกรธหลงที่พาไปหาทุกข์ สร้างแต่กรรม ..ปลดเปลื้องเรื่องของกรรมไม่ได้เลย ..ชีวิตจึงเกิดมีกายมาเพื่อสร้างกรรม ..สะสมกรรม จิตออกจากกายมันก็หนัก หนักด้วยเวรกรรม ไปสู่ทุกข์คนิแน่นอน ..จึงมีน้อยที่จิตจะไปหาที่สุุคติ ..
บางทีเรื่องทำบุญ หากเราไม่พิจารณาให้ดี .ไปทำบุญกลับได้กรรมเพิ่มพูนขึ้น ได้ความยึดถือมากขึ้น มีอารมณ์ยึดถือมากขึ้น ทะเยอทะยานเพิ่มพูนขึ้น ได้ตะกรุดผ้ายันต์ ได้วัตถุมงคลไอ้นั้นไอ้นี่ศักดิ์สิทธิ์ ..จะร่ำรวยเงินทอง เป็นเศรษฐีอารมณ์กรรม มีแต่กรรมทับถมเข้าไป ...ร่ำรวยกรรมให้มากขึ้น..ร่างกายก็จะเดินไม่ไหว เดินเอียงไปเอียงมา เพราะแบกกรรมมาก ..เศรษฐีกรรม..ทำไมเป็นอย่างนี้น่ะ ไหนว่าสร้างบุญกุศล ..ทำไมเป็นอย่างนี้ ..
จะทำบุญทั้งที่ ก็ตั้งใจกระทำ ทำมันให้ครบทั้งกายวาจาใจ ทำให้เต็มที่ .เหมือนเวลาโมโหโกรธใครสร้างแต่กรรม ทำไมทำเต็มที่ ..ฉะนั้นเวลาสร้างบุญสร้างกุศล ก็ทำให้เต็มที่ .เหมือนกัน เราจะเอาบุญกุศล เราก็ทำเต็มที่ของเรา ..เอาจิตเรามากระทำ ทำให้เกิดบุญ ทำให้เผื่อแผ่ไปถึงเจ้ากรรมนายเวร ไปถึงน้ำเลือดน้ำหนองผู้ที่สละเนื้อมาให้เรากินเอร็ดอร่อย ..เนื่อของกรรม จะได้เป็นเป็นบุญกุศล เกิดเป็นเนื้อนาบุญเกิดขึ้น
ปัจจัยที่เราเอาสร้างบุญ ต้องเป็นปัจจัตที่ไปเสาะแสวงหามาด้วยความเหนื่อยยากสุจริต แล้วแ่งปันสละออกไป ..จะเกิดเป็นเนื้อนาบุญที่ดีเกิดขึ้น ..แค่บาทเดียว .ก็มีบุญกุศลเกิดขึ้น ระลึกถึงนำกายพ่อแม่มาสร้างบุญกุศล ให้กายพ่อแม่ที่อาศัยได้อนุโมทนาบุญ ..จะได้เกิดเป็นกายของผู้ที่มีบุญกุศล กายเป็นบุญ ..กายก็แข็งแรขึ้น
พระ ..หมายถึง ว่าพอละ ..ไม่ทะเยอทะยาน ไม่โลภไม่โกรธไม่หลง ..พอละ..กายก็สงบ จิตก็สงบ…พอละ ..ท่านบอกว่า ..จิตจะเป็นพระ..ไม่วุ่นวาย ..ไม่มีอารมณ์
เรื่องบุญกุศล ก็ควรศึกษา ว่าทำอย่างไร จึงเกิดเป็นบุญกุศล ..ควรศึกษาให้เข้าใจให้ชัดเจน ว่าบุญกุศลนั่น เกิดขึ้นเนื่องด้วยอะไร บุญกุศลแท้จริงเกิดขึ้นเป็นลักษณะอย่างไร บางครั้งเราก็ว่าเป็นเรื่องของพิธีกรรม แต่งเราก็ไม่เข้าใจ เหมือนเรื่องครองผ้ากาสาวพัสตร์ ทำไมต้องไปบวขกันในโบสถ์ ..เรื่องทำบุญก็คล้ายกัน ส่วนมาไม่รู้เป็นยังไง ทั้งนักบวช ทั้งคนทำบุญ ต่างคนต่างรีบร้อน ลุกลี้ลุกลน เร้าร้อน ..ทำบุญด้วยอารมณ์ที่เร้าร้อน แล้วมันจะเป็นบุญกุศลได้อย่างไร ..
จิตของคนเราเมื่อออกจากร่าง ..ล้วนต้องการคำว่าบุญกุศล ที่เค้าว่าเราจะไม่อาหารการกินเป็นสะเบียงให้แก่จิต เพราะจิตออกจากร่างก็หิวกระหาย เหมือนตอนเป็นคนหิวน้ำหิอาหาร หากขาดบุญกุศล ก็เหมือนคนเดินตากแดด ในทะเลทราย ขาดน้ำขาดอาหาร ไม่มีทีร่มให้พักพิง เดินไปก็หมดแรง นอนทุกข์ทรมาน อยู่กับความร้อน เรียวแรงจะเดินก็ไม่มี มีแต่จิตที่ไม่มีกายที่ต้องทุกข์ทรมาน ..นึกไม่ออก ก็ให้นึกถึงตอนที่เจ็บป่วยเป็นไข้ตัวร้อนดังไฟ ทุกข์ทรมานไม่มีหยุดหย่อนเลย
โฆษณา