30 Seconds Rule
เวลาผ่านไปหลายเดือนแล้ว แต่ผมก็ยังมีความรู้สึกลบกับรุ่นพี่คนหนึ่งที่เจอหน้าครั้งก่อนพอนั่งโต๊ะก็พูดจาแซวผมแรงๆต่อหน้าหลายคนจากเรื่องไม่เป็นเรื่องแถมทั้งๆที่รู้ว่าไม่จริง คนที่เหลือก็ผสมโรงต่ออีกนิดหน่อย เอาจริงๆ ก็เป็นเรื่องเล็กมากแต่พอคิดดีๆว่าทำไมผมถึงจำแม่นนักนั้น
ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะผมเป็นทุกข์กับเรื่องนี้และคาดหวังว่าเพื่อนเขาจะเข้าใจและใหิกำลังใจเพราะรู้จักกันมานาน เลยไม่คิดว่าจะได้ยินแบบนั้น แต่อีกเหตุผลก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาพูดเป็นประโยคแรกที่เจอหน้า
ทำให้ผมนึกถึงกฏ 30 วินาทีแรกขึ้นมา
จริงๆแล้วมันเป็นกฎตรงข้ามกับที่รุ่นพี่ผมทำ คุณ John Maxwell นักเขียนด้านแรงบันดาลใจชื่อดังเคยสอนกฏแห่งการเอาชนะใจคนไว้ว่า ภายใน 30 วินาทีแรกที่เจอกัน ให้พูดถึงด้านดี ด้านบวกอะไรก็ได้เกี่ยวกับคู่สนทนาอย่างจริงใจ เพราะอีกข้างจะจำแม่นมากกว่าปกติ และยิ่งพูดต่อหน้าคนอื่นด้วยจะยิ่งได้ผลเป็นเท่าทวีคูณ
การพูดด้านบวกนั้นแบบง่ายๆ ก็คงเป็นแนววันนี้ชุดสวยจัง แต่ถ้าเราใส่ใจ การมีข้อมูลที่มากกว่าแค่ทักทายหรือชมจากรูปลักษณ์จะได้ผลกว่ามาก เช่นทักว่าเมื่อเช้าก่อนมาประชุมไปวิ่งสิบกิโลมาก่อนเหรอ มีวินัยมากเลยนะ โดยเราอาจจะเห็นจากที่เขาโพสต์รูปใน FB ก็ได้
หรือชมว่าเดือนที่แล้วตัวเลขยอดขายโตขึ้นมากเลยนะ ไม่มีใครขยันเท่าอีกแล้ว โดยเราทำการบ้านมาก่อนจากการดูรายงานเป็นต้น หรือแม้แต่ทักทายในเรื่องที่เขาไม่คิดว่าเราจะใส่ใจหรือจำได้ เช่นลูกย้ายโรงเรียนแล้วชอบมั้ยเพราะเขาเคยบอกเราเมื่อหกเดือนก่อน
คุณจอห์นบอกว่ากฎทองข้อนี้นั้นเขาสังเกตจากพ่อของเขาซึ่งเป็นครูใหญ่ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ทุกๆเช้าระหว่างทางที่พ่อเขาไปทำงาน พ่อก็จะหยุดทักทายด้วยคำพูดเชิงบวกและส่วนตัวกับบุคลากรในโรงเรียน นักเรียนที่พบเจอไปตลอด จอห์นบอกว่าผลที่คุณพ่อเขาทำแบบนั้นอย่างสม่ำเสมอทำให้คุณพ่อเป็นที่รักกับคนทุกคน มีอดีตนักเรียนที่จบไปแล้วหลายคนมากที่ยังติดต่อ ยังห่วงใยและมาเยี่ยมอย่างสม่ำเสมอแม้คุณพ่อจะเกษียณไปหลายปีแล้วก็ตาม
คุณจอห์นก็เลยใช้กฎ 30 วินาทีนี้มาพยายามใช้กับตัวเองทุกวันและเตือนใจตัวเองให้ Be kind กับผู้คนที่พบเจอเพราะเราจะไม่รู้เลยว่าคนที่เราเจอนั้นกำลังเจอมรสุมชีวิตหรือกำลังทุกข์อะไรอยู่หรือไม่ การที่ใช้เวลาและความพยายามเล็กๆน้อยๆในการให้กำลังใจหรือชมคนเมื่อพบหน้าภายใน 30 วินาทีนั้น
นอกจากอาจจะทำให้เราได้เรื่องดีๆกลับมาที่คนจะจำเราได้ ได้ช่วยคนให้เขารู้สึกดีขึ้นแล้ว ยังเป็นการฝึกตัวเองให้เอาชนะความคิดลบ ชนะอคติที่มี ชนะอีโก้ของตัวที่อยากจะพูดแต่เรื่องตัวเอง ฝึกให้มีความปรารถนาดีกับผู้อื่นอย่างจริงใจซึ่งจะนำมาซึ่งจิตใจที่สงบของเราอีกด้วย
ผมเพิ่งอ่านที่น้องคนหนึ่งสรุปข้อคิดจากอาจารย์กิตติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ปรมาจารย์ด้านกฎหมายเมืองไทย ที่ให้ความกรุณาน้องๆไปบรรยาย dinner talk การกุศล โดยอาจารย์ได้ให้ข้อคิดทิ้งท้ายจากประสบการณ์อันยากนานของอาจารย์ว่ามีสองห้ามที่น้องๆรุ่นใหม่ไม่ควรทำอย่างเด็ดขาดในชีวิต ข้อแรกก็คืออย่ากร่าง ให้ถ่อมตนเข้าไว้ ส่วนข้อสองก็คืออย่าทำร้ายจิตใจคน ให้คิดก่อนทำ
ซึ่ง 30 seconds rule ก็น่าจะเป็นเครื่องมือที่ดีในการปฏิบัติตามที่อาจารย์แนะนำได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ
A gossip is one who talks to you about other people. A bore is one who talks to you about himself. And a brilliant conversationalist is one who talks to you about yourself.
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
