Martech คืออะไร? เจาะลึกการใช้เทคโนโลยีเพื่อการตลาดยุคใหม่
ในปัจจุบันที่ได้มีการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ในการทำงานมากขึ้น ทำให้การทำงานสะดวกและมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม จึงทำให้ Martech เป็นหนึ่งในเครื่องมือทำงานด้านการตลาด ที่นักการตลาดทุกคนจำเป็นต้องรู้จักและใช้ให้เป็น
บทความนี้ MANAWORK จะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ Martech เทคโนโลยีเพื่อการทำงานการตลาดยุคใหม่ ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย
Marketing Technology หรือ Martech คือ Tools หรือ แฟลตฟอร์มต่าง ๆ ที่นักการตลาดใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ทำให้งานสามารถบรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ นับว่า Martech เป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อทำให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ในปัจจุบันหลาย ๆ องค์กรได้มีการนำมา Martech มาปรับใช้กับการทำงานเพื่อช่วยให้การทำการตลาดแม่นยำมากยิ่งขึ้น เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน การดำเนินงาน และการวัดประสิทธิภาพของแคมเปญ ไปจนถึงการวางกลยุทธ์การตลาดต่าง ๆ ให้เหนือกว่าคู่แข่ง เช่น การนำข้อมูลหลังบ้านจาก ระบบ CRM มาวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค เพื่อทำโปรโมชั่นที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
ซึ่งในปัจจุบันมี Martech มากมายหลากหลายแฟลตฟอร์มให้คุณได้เลือกใช้งาน โดยคุณสามารถเลือก Martech ได้ตามความเหมาะสมของธุรกิจ เช่น Google Analytics, Facebook Business Suite, Post Affiliate Pro, CRM Systerm, MANAWORK, Slack และอื่น ๆ อีกมากมาย
6 ประเภท Marketing Technology ที่นักการตลาดต้องรู้จัก
1. Advertising and Promotion
Martech ประเภทนี้ เป็น Martech ที่มีจุดประสงค์เพื่อใช้ในการโฆษณาและโปรโมตสินค้าและบริการ เพื่อทำให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น เช่น การนำแบนเนอร์ของแบรนด์ไปติดตามเว็บไซต์ต่าง ๆ หรือ การซื้อโฆษณาผ่าน Facebook, IG, Linkedin, TikTok หรือ Google ไม่ว่าจะเป็น ข้อความ รูปภาพ หรือ วิดีโอ ก็นับว่าอยู่ในหมวด Advertising amd Promotion
2. Social and Relationships
Martech ประเภทนี้เป็น Martech ที่ช่วยรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างแบรนด์และลูกค้า เช่น ระบบ CRM ที่สามารถเก็บข้อมูลพฤติกรรมการใช้งานของลูกค้าเพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาวิเคราะห์และวางกลยุทธ์ให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย หรือ Chatbots หรือ Live Chat ที่ช่วยดูแลค้าในช่องทาง Chat ให้กับพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์
3. Content and Experience
เป็น Martech ที่ใช้ในการสร้างสรรค์คอนเทนต์และมอบประสบการณ์ที่ดีบนโลกออนไลน์ให้กับลูกค้า เช่น ระบบที่ช่วยจัดการให้เว็บไซต์ทำงานได้ดี เร็วมากขึ้น และง่ายต่อการใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่าง Wordpress และ Plugin ต่าง ๆ หรือ Tools ที่ช่วยตรวจสอบเรื่องการสะกดคำอย่าง Grammarly เป็นต้น
4. Data
แน่นอนว่า Martech ต้องมาคู่กับ Data ซึ่งเป็นการนำเอา Martech มาจัดการข้อมูลและใช้วิเคราะห์ข้อมูล แล้วจึงนำเสนอออกมาในรูปแบบชุดข้อมูล เพื่อให้นักการตลาดสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างแม่นยำและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น Google Data Studio หรือที่หลายคนเรียกว่า Looker Studio ที่สามารถนำข้อมูลที่มีอยู่มาทำเป็น Dashboard ทำให้สามารถอ่านผลได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
หรือ Google Search Console ที่ช่วยติดตามข้อมูลและพฤติกรรมของลูกค้า พร้อมยังสามารถตรวจสอบ Error ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นบนเว็บไซต์ได้อีกด้วย
5. Commerce and Sale
เป็นการนำ Martech มาช่วยในการทำงานด้านการขาย และ การทำ E-commerce ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน เช่น ระบบหยิบใส่ตะกร้าในร้านค้าออนไลน์ หรือ ระบบซอฟต์แวร์ที่ช่วยดูแลการขายสินค้าและบริการบน E-commerce Platform อย่าง CabinetM เป็นต้น
6. Collaboration and Management
เป็นอีกหนึ่งในประเภทของ Martech ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ซึ่งเป็นการนำ Martech มาช่วยในกระบวนการและขั้นตอนการทำงาน ทำให้ Work Flow ราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น การใช้เทคโนโลยีบนแฟลตฟอร์มต่าง ๆ ที่ช่วยให้ทีมสามารถสื่อสารและเชื่อมต่อกันได้ดียิ่งขึ้น แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ด้วยกันก็ตาม อย่าง MANAWORK, Slack, Airtable และ อื่น ๆ อีกมากมาย
ซึ่งการนำ Martech ประเภท Collaboration and Management ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ทีมสามารถสื่อสารกันง่ายขึ้น แต่ยังสามารถนำมาใช้เพื่อติดตาม Task งานต่าง ๆ เพื่อป้องกันการตกหล่น ไปจนถึงการดูภาพรวมของงานและการประเมินประสิทธิภาพการทำงานของทีมได้อีกด้วย
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
