Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
เรื่องเล่าของเราเอง
•
ติดตาม
18 พ.ย. 2023 เวลา 09:36 • นิยาย เรื่องสั้น
ชีวิตบัดซบที่คิดว่าไม่มีจริง EP.13 พักฟื้น
หลังจากนั่นก็รออยู่อีกพักนึงหมอก็เดินมาบอกกับเราว่า “ผมดูแล้วเส้นเลือดที่ตีบน่าจะเป็นเส้นเลือดที่วิ่งขึ้นไปสมองด้านซ้าย ตอนนี้อาจจะไม่ต้องทำบันลูนเส้นเลือด
หลังจากที่เราต้องเข้าไปตรวจโรคที่โรงพยาบาลไปพร้อมกันกันนักโทษ พอไปถึงพยาบาลสอบถามอาการของเราว่ามีอาการอย่างไรบ้าง เราตอบพยาบาลว่าเรารู้สึกชาครึ่งตัวซีกขวาและเริ่มบังคับน้ำลายไม่ให้ออกจากปากได้ พยาบาลพาเรามาพบหมอ หมอสั่งพยาบาลให้พาเราไปเอ๊กซเรย์กับซีทีสแกนในทันที หลังจากที่เราเอ็กซเรย์กับซีทีสแกนเสร็จแล้ว พยาบาลพาเรามานอนดูอาการ เรานอนอยู่พักหนึ่งแล้วหมอเข้ามาหาเราแล้วบอกกับเราว่า “คุณเป็นเส้นเลือดในสมองตีบนะครับ” เราถามกลับทันทีว่า “แล้วผมจะเป็นยังไงบ้างครับละผมต้องทำตัวอย่างไร”
หมอถามเราต่อว่า”คุณดื่มสุรามามั้ยในคืนก่อนหน้านี้” เราตอบว่า “ไม่ครับเพราะผมกลับไปหาแฟนมา แล้วมาเข้าเวรในวันต่อมาเลย” หมอบอกว่า “คุณไปรักษาตัวก่อนแล้วกันแล้วค่อยมาว่ากันต่อนะว่าจะเอาอย่างไงกับคุณดี”
วันแรกที่นอนที่โรงพยาบาล เรานอนในห้องรวมที่คนไข้นอนกันเรียงราย ซึ่งตอนนี้แขนข้างขวาของเราใช้ไม่ได้โดยสิ้นเชิง เวลากินข้าวต้องใช้มือข้างซ้ายในการหยิบช้อนกินเราค่อยๆตักกินทีละคำทีละคำแบบช้าๆ เวลาที่มองซ้ายมองขวามีแต่ญาติผู้ป่วยหลายคนเข้ามาเยียม ทำให้เราคิดถึงงพ่อขึ้นมาในทันทีตอนนั้นเราก็ได้แค่คิดในใจอยากให้พ่อมาเยี่ยมเราเหมือนที่ญาติผู้ป่วยอื่น ๆบ้าง เพราะพ่อเป็นญาติคนสุดท้ายในชีวิตเรา
วันรุ่งขึ้นหมอเจ้าของไข้มาเยี่ยมดูอาการและถามเราว่าเป็นอย่างไรบ้าง เราได้ตอบกลับไปว่า “แขนและขาข้างขวายังคงไม่มีแรงอยู่เหมือนเดิม หมอเจ้าของไข้จึงสั่งให้พยาบาลพาตัวเราไปอัลต้าซาว์น เราถูกเข็นไปที่ห้องอัลต้าซาว์นและรออยู่พักนึง จนหมอเดินทางมาถึงและพาเราเข้าไปในห้องเพื่อตรวจดูว่าเส้นเลือดเส้นไหนตีบ หลังจากนั่นก็รออยู่อีกพักนึงหมอก็เดินมาบอกกับเราว่า “ผมดูแล้วเส้นเลือดที่ตีบน่าจะเป็นเส้นเลือดที่วิ่งขึ้นไปสมองด้านซ้าย
ตอนนี้อาจจะไม่ต้องทำบันลูนเส้นเลือดแต่ต้องกินยาไปก่อนหากในอนาคตไม่ดีขึ้นอาจจะต้องทำบันลูนเส้นเลือดเส้นนี้นะครับ” เราได้แต่ฟังและคิดตามและตอบหมอไปว่า “ครับ”
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/png-images/hospital-check-ct-man_1663049.html
วันต่อมาพยาบาลย้ายเรามานอนด้านนอกห้องเพราะเห็นอาการเราไม่หนักมากอีกทั้งเตียงด้านในเต็มล้นออกมาถึงทางเดิน ทำให้เราต้องนอนด้านนอกเพราะเลือกไม่ได้ ถัดจากห้องที่เรานอนเป็นหวอดของผู้ต้องขังที่ป่วย ซึ่งเราต้องเดินไปดูอยู่เรื่อย ๆจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นเจ้าหน้าที่และใครเป็นผู้ต้องขังเพราะใส่ชุดเดียวกันจนแยกไม่ออก มันเป็นเรื่องตลกร้ายที่เรานึกทีไรก็แอบขำในใจทุกที
ตกเย็นในวันนั้นพี่ที่เป็นหัวหน้าฝ่ายที่เป็นคนบอกให้เรารีบมาหาหมอมาเยี่ยมเราและนำน้ำผลไม้และผลไม้หลายชนิดมาฝากเรา และบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงงานนะมีคนทำแทนอยู่แล้วดูแลร่างกายตัวเองให้ดีก่อนแล้วค่อยกลับมาทำงานใหม่ คำพูดนี้มันทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาพอสมควรอย่างน้อยก็ยังมีคนที่เห็นใจและมาเยี่ยมอาการของเราบ้าง หลังจากพี่เขากลับไปทำให้เรานึกถึงพ่อขึ้นมาอีกครั้งเราหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วโทรหาเมียพ่อเราในทันที
เราโทรได้สักพักเมียของพ่อเรารับโทรศัพท์ถามทันทีว่า “มีอะไร” เราตอบกลับไปว่า “ตอนนี้เราอยู่โรงพยาบาล เส้นเลือดสอมงตีบ ขาและแขนขวาไม่มีความรู้สึก อยากให้พ่อมาเยี่ยมเราหน่อยได้มั้ย” เขาตอบกลับมาทันที “พ่อไม่ว่างหรอกติดงาน และอีกอย่างไกลด้วยคงไม่สะดวกไปเยี่ยมหรอก” เราได้ยินแบบนั้นทำให้ความรู้สึกมันอัดแน่นไปหมดพูดอะไรไม่ออกได้แต่ตอบกลับไปว่า “อย่างนั้นไม่เป็นไรครับ” แล้วก็วางโทรศัพท์ทันที
ขอบคุณถาพ : https://th.pikbest.com/png-images/suffering-unhappy-man-suffer-from-depression-and-loneliness_6578344.html
หลังจากที่วางโทรศัพท์เราหันไปมองรอบ ๆเห็นญาติคนไข้แต่เตียงนั่งคุยกันปลอบใจกันยิ้มให้กันแต่มีเตียงเราเตียงเดียวที่ไม่มีใคร เราคอยๆลุกและเดินออกมาจากตรงนั้นพร้อมเสาน้ำเกลือที่ติดตัวอยู่และความรู้สึกที่โดดเดี่ยวอย่างบอกไม่ถูก เราค่อยๆเดินไปด้านข้างตึกที่มีทางลาดสำหรับเข็นเตียงขึ้น เวลานั้นเป็นเวลาประมาณ 2 ทุ่มกว่าๆน่าจะได้เราควักบุหรี่ออกมาสูบทั้ง ๆที่หมอห้าม และมองไปยังตึกฝั่งตรงข้ามที่มีไฟส่องสะท้อนกับผนังตึกขึ้นมาแล้วครุ่นคิดอยู่ในใจว่า “นี่เราไม่เป็นที่ต้องการของใครแล้วจริง ๆใช่มั้ย
ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆคงไม่ต้องทำเพื่อเอาใจใครอีกต่อไปแล้วอย่ามาหาว่าเราเห็นแก่ตัวก็แล้วกัน” แล้วน้ำตาก็ปริ่มไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เราได้แค่ปาดน้ำตาและสูดลมหายใจเข้าลึกๆและบอกกับตัวเองว่า “เราจะต้องหายและต้องมีชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่นี้ให้ได้ เรากลับไปที่เตียงและพยายามข่มตานอนให้หลับและทั้ง ๆที่ความคิดเรามันทั้งน้อยใจและเสียใจกับการกระทำของคนที่ให้กำเหนิดเรามา แต่ชั่งมันวันหนึ่งพ่อต้องเห็นค่าในตัวเรามันต้องมีวันนั้น
วันต่อมาหลังจากกินอาหารเช้าที่โรงพยาบาลจัดให้เสร็จพยาบาลก็เดินมาเอายาให้เรากินพร้อมทั้งใส่ยาบางชนิดไปในน้ำเกลือความรู้สึกคือว่ามันร้อนวาบตั้งแต่แขนไปทั้งตัวแล้วก็ง่วงมากเรานอนทั้งวันเป็นเวลาแบบนี้อยู่ประมาณ 5 วันได้และหมอเจ้าของไข้ก็มาหาเราอีกในวันที่ 6 ของการรักษาตัวแล้วก็ถามคำถามเดิมกับเราว่า “เป็นอย่างไรบ้างวันนี้” เราตอบว่า “วันนี้รู้สึกมีแรงมากขึ้นแต่ยังไม่ปกติเหมือนอย่างที่เคยเป็นครับ” หมอบอกเราว่า “ถ้าอย่างนั้นวันนี้กลับบ้านได้นะ
กลับไปพักฟื้นที่บ้านจนกว่าจะหายดีหมอจะให้พักรักษาตัว 3 เดือนแล้วกลับมาประเมิณกันใหม่ในวันที่หมอนัดนะ” เราได้ยินอย่างนั้นสิ่งแรกที่เราคิดคือ “เราจะเอายังไงกับชีวิตเราดี จะไปพักฟื้นที่ไหนไปอยู่กับใคร” เรานั่งรออยู่พักใหญ่ๆพยาบาลเดินมาพร้อมเอกสารและใบรับยาและให้เราเปลี่ยนชุดกลับได้ เราเปลี่ยนเป็นชุดในวันที่เราใส่มาและโทรกลับไปที่เรือนจำให้พี่ๆเขามารับเรากลับไปเรือนจำหน่อย พี่เขาแจ้งว่ารับยาเสร็จแล้วนั่งรออยู่ก่อนนะเดี๋ยวเขาไปรับช่วงบ่ายๆซึ่งในวันนั้นเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์อีกด้วย
เราเดินไปที่ห้องรับยาเขาประกาศชื่อเราเข้าไปรับยาเราตกใจมากว่าทำไมยาเราถึงได้เยอะขนาดนี้เอาเป็นว่าหอบเป็นกระสอบใบย่อมๆเลยกว่าได้ เรารอพี่เขามารับในช่วงบ่ายจนถึงบ่าย 3 โมงเย็นรอจนเบื่อเลย เพราะเรารอตั้งแต่10โมงเช้า พอเรากลับไปถึงเรือนจำก็เย็นพอสมควรประมาณ 4 โมงเย็นหน่อยๆเกือบๆ 4 โมงครึ่ง แทบจะไม่มีใครอยู่แล้วเพราะเลิกงานกันหมดแถมเป็นวันศุกร์สุดสัปดาห์ ผู้คุมที่เหลือต้องเข้าเวรยามทำให้เราต้องขับรถกลับบ้านเอง “ทำยังไงดี”
เราคิดแล้วก็ตัดสินใจว่า “เอาว่ะ...เราต้องทำได้” เราค่อยๆสตาร์ทรถและใส่เกียร์ค่อยใช้แรงของขาข้างขวาที่มีเหยียบคันเร่ง “เห้ย...เราทำได้เว้ย..!!!” เราค่อยขับรถวนไปวนมาเพื่อให้เกิดความเคยชินกับอาการของเราในตอนนี้ และก็ขับกลับไปบ้านพักเพื่อเก็บของใช้ส่วนตัวและเก็บข้าวของที่ยังไม่ได้เก็บในตอนก่อนที่จะป่วยจนเรียบร้อย และพักผ่อนเพื่อจะเตรียมตัวขับรถไปหาปริมในวันรุ่งขึ้น เราตัดสินใจกลับไปพักฟื้นร่างกายตัวเองที่ชลบุรีบ้านเกิดและปริมก็อยู่ที่นั่นด้วย
อาจจะช่วยเหลือเราได้บ้างไม่มากก็น้อย แต่ในใจเราคิดเสมอว่าเราไม่ได้เป็นอะไรมากเท่าไหร่หรอกเดี๋ยวก็หาย วันรุ่งขึ้นเราเก็บข้าวของขึ้นรถและค่อยๆขับจากบ้านพักเรือนจำออกมาแล้วค่อยขับกลับไปที่ชลบุรี ขับไปเรื่อยๆพอเหนื่อยก็หยุดพักเรียกได้ว่านานมากกว่าจะถึงที่หมาย อย่างเราเคยขับอยู่ประมาณ 2 ชั่วโมงก็กลายเป็น 4 – 5 ชั่วโมง จนถึงที่หมายปริมเห็นเราตกใจมากแล้วถามเราว่า “ขับรถมาได้ยังไงเนี้ย” เราก็ตอบว่า “ก็ขับมาเรื่อยๆแหละ”
พอถึงที่พักเราเข้าพักผ่อนยอมรับว่าเหนื่อยจริงๆในวันนั้นแต่ก็ยังดีที่ถึงที่หมายและไม่เกิดอุบัติเหตุเสียก่อน พอมาถึงเราปรึกษากับปริมทันที่ว่าหมอให้เราหยุดพักฟื้น 3 เดือนจะเอายังไงดีจะไปพักที่ไหน ตอนนั้นชีวิตเราเหลือปริมคนเดียวและไม่มีที่ไห้เราไปอีกด้วยจะให้กลับไปหาพ่อคงไม่ได้แน่นอน แต่การจะอยู่กับปริมก็ติดว่าลูกของปริมจะมาหาเพราะว่าปิดเทอม เราจะทำอย่างไร และจะเอายังไงกับชีวิตดี เรานั่งคิดอยู่นานก็นึกถึงพี่ที่เป็นญาติคนหนึ่งเป็นโสดและอยู่คนเดียวที่พัทยา
เราลองโทรไปปรึกษาและขออาศัยเขาอยู่ก่อนก็แล้วกัน เราโทรไปหาพี่เขาและเล่าเรื่องที่เราป่วยให้พี่เขาฟังพร้อมทั้งขอไปพักฟื้นที่บ้านเขาจะได้มั้ย เขาตอบรับทันทีว่ามาได้เลยไม่ต้องห่วงเพราะเขาเคยเป็น อสม.หมู่บ้านอยู่พอมีเวลาดูแลเราได้บ้าง
เราขับรถไปบ้านพี่ที่พัทยาในวันรุ่งขึ้นและอยู่ที่บ้านพี่เขาได้เกือบเดือน พี่เขาดูแลเราดีแต่พอเราอยู่นาน ๆ เข้าสายตาของพี่ที่เราไปอยู่ด้วยก็เริ่มเปลี่ยนไปจนเราสัมผัสได้ทันที อาจเพราะเราเป็นภาระของเขาและอยู่นานเกินไป และการมาเยี่ยมของปริมที่ต้องมาหาที่พัทยาซึ่งเป็นระยะทางค่อนข้างไกลและไม่ค่อยสะดวก ที่สำคัญที่สุดลูกของปริม กลับบ้านไปแล้วเราเลยตัดสินใจกลับไปอยู่กับปริมดีกว่าเพื่อความสบายใจของทุกคนรวมทั้งตัวเราด้วย...
ขอบคุณภาพ : https://th.pikbest.com/backgrounds/seaside-summer-beach-with-starfish%2C-shells%2C-coral-on-sandbar-and-blur-sea-background_1782001.html
จบ. EP.13
EP.14 การกลับไปเริ่มงานใหม่หลังจากที่ป่วย มันเริ่มที่จะมีความขัดแย้งกันทั้งพวกที่มีอำนาจและพวกที่อยากจะขึ้นไปมีอำนาจ ทำให้คนตัวเล็กๆแบบเราต้องเดือดร้อนไปด้วย และยังมีความเรื่องราวของเหล่าพวกลูกน้องที่ก่อเรื่องก่อราวไม่เว้นแต่ละวันอีกด้วย...
ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามครับ..
ขอบคุณภาพปก :
https://th.pikbest.com/png-images/patient-bed-design-elements-photo_9231868.html
เรื่องเล่า
นักเขียน
1 บันทึก
2
3
1
2
3
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย