30 พ.ย. 2023 เวลา 00:00 • หนังสือ

ไหนๆ ก็เหนื่อยแล้ว จัดหนักไปเลย

มีหลายคอมเมนต์น่าสนใจในโพสต์ก่อน : https://www.blockdit.com/posts/655e28722b1b3652640ff3df
ขอคอมเมนต์มั่ง
คำถาม 1 นักเขียนมีเยอะอยู่แล้ว ทำไมมาแย่งกันทำอาชีพนี้ ยากก็ยาก ไส้แห้งอีกต่างหาก ปล่อยให้คนในวงการทำไปไม่ดีหรือ
ตอบ ถ้าเราไม่ทำงาน ก. เพราะมันยากหรือคนทำเยอะ โลกนี้จะเหลืออีกกี่งานให้เราทำ
1
งานไหนก็ตาม ถ้าทำไม่ดีก็ไม่รอดทั้งนั้น ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ยากง่ายหรือคนเยอะคนน้อย แต่อยู่ที่ทำได้ดีหรือเปล่า
1
ทุกวงการทุกอาชีพเป็นไปตามหลักของดาร์วิน คนที่ฝีมือด้อยกว่า ก็หลุดหายไปเอง คนทำก๋วยจั๊บอาจมีหลายร้อยคน คนทำก๋วยจั๊บไม่อร่อยก็จะหลุดหายไปเอง
1
งานเขียนเป็นงานช่าง ต้องฝึก ทำลวกๆ ก็ได้งานลวกๆ ทำงานดี ก็จะมีคนอย่างน้อยกลุ่มหนึ่งที่เห็น และกลุ่มนี้จะเลี้ยงเราให้รอด
แต่จุดที่สำคัญกว่า 'งานยาก-คนเยอะ' คือ เราทำอาชีพที่เรารัก ไม่ใช่เพราะมันง่าย หรือจ่ายดี แต่เพราะเรารักเราชอบ ในสายงานเขียน ถ้าไม่รักงานที่ทำ ยากมากที่จะสร้างงานดี
1
ผมเชื่อว่าทำอะไรก็ได้ แต่ทุ่มสุดตัว ทำให้ดีที่สุด ฝึกให้ดีที่สุด ถ้าดีจริง เก่งจริง ก็ไปรอด
1
คำถาม 2 หากอยากเป็นนักเขียน ควรตั้งเป้าเป็นนักเขียนชั้นเลิศ หรือแค่เขียนพออ่านรู้เรื่อง ตั้งเป้าให้คนอ่านชอบก็พอ
ตอบ แล้วแต่คน อยากทำแบบไหนก็ทำไป แต่จากประสบการณ์ของผม ฝึกเป็นนักเขียนชั้นดีหรือชั้นไม่ค่อยดี ก็เหนื่อยเหมือนกัน ต่อให้เขียนเรื่องแย่ๆ ขายหากิน เขียนไปสักยี่สิบปี ก็พัฒนาเหมือนกัน
อาบน้ำแบบสะอาดหรือไม่ค่อยสะอาด ก็ตัวเปียกเหมือนกัน
ไหนๆ ก็ตัวเปียกแล้ว ขัดถูอีกหน่อยไม่ดีกว่าหรือ
1
ดังนั้นตั้งใจเป้าสูงไปเลย (ไปบุรีรัมย์หรือขอนแก่นก็ได้)
พัฒนาแบบถูกหลัก ไม่เหนื่อยมากกว่ากันหรอก แต่ผลลัพธ์คุ้มกว่า เพราะคราวนี้ต่อให้เขียนเรื่องแย่ๆ ขายหากิน ก็ทำได้เร็วกว่า แม่นยำกว่า
ผมชอบคำของนักกอล์ฟมืออาชีพคนหนึ่งหลายสิบปีมาแล้ว (จำชื่อไม่ได้) เขาบอกว่าเขาเก่งเพราะเขาฝึกหวดท่ายากที่สุดก่อน พอเป็นท่ายากแล้ว ที่เหลือก็ง่าย (HA HA)
2
โฆษณา