งานแต่งอินเดียมีอะไรบ้าง ทำไมแต่งกันหลายวัน ตอนที่สอง
ฟังก์ชันแรกของวันที่สอง งานแต่งแบบไทย ที่เราคนไทยคุ้นเคยกันอยู่แล้ว
สวัสดีเพื่อนๆ ผู้อ่านทุกท่าน วันนี้เราจะมาว่ากันต่อถึงการจัดงานแต่งในวันที่สอง ซึ่งเราวางแผนจัดงานพิธีไทยช่วงเช้า โดยพิธีไทยเราทำตามขั้นตอนทุกอย่างยกเว้นแห่ขันหมาก อย่าที่ได้แจ้งไว้ในบทความช่วงแรกว่า เราไม่ได้ใช้ออแกไนซ์ เราจึงตัดขั้นตอนนี้ไป เพราะเรามีแขกซึ่งเป็นคนอินเดียส่วนหนึ่งก็สามารถเข้าใจแค่ภาษาฮินดีเท่านั้น และพิธีแห่ขันหมากก็ใช้เวลาในการเซ็ทคน และจัดเตรียมขบวนนานพอสมควร จากประสบการณ์ที่เห็นงานคนอื่นมา
องค์ประกอบอีส่วนหนึ่งที่สวยงามและเพิ่มสีสันให้กับงานแต่งไทยคือ เพื่อนบ่าวสาวซึ่งเรามีเพื่อนเจ้าสาว 12 คน ถือว่าเยอะมาก เพื่อนเจ้าบ่าว 6 คน มีทั้งเพื่อนคนไทยและอินเดีย ในความพิเศษที่เราภูมิใจเสนอ คือ ชุดเพื่อนเจ้าสาวที่เราออกแบบเอง และประหยัดงบมาก เรียกว่าถ้าเช่าชุดมาให้เพื่อนๆ ก็หลายตังอยู่ แต่ชุดนี้เราออกแบบ สั่งซื้อจาก Shopee แล้วมามิกซ์กัน ให้เพื่อนๆใส่กลับบ้านได้เลยไม่ต้องคืนชุด ในส่วนชุดเพื่อนเจ้าสาว เราจะมาแชร์ให้ฟังว่าหมดงบไปเท่าไหร ใช้อะไรบ้าง ราคาต่อชุดเท่าไหร
ในส่วนงานไทยเราเสร็จพิธีก็เกือบๆเที่ยง เตรียมตัวอีกทีสำหรับพิธีถัดไปก็ประมาณบ่ายสอง เรียกกว่าอาหารไม่ตกถึงท้อง พิธีบ่ายแทบเป็นลม เพราะชุดหนักมาก
ฟังก์ชันที่สอง ของวันที่สอง งานแต่งแบบอินเดีย หรือที่เรียกว่า พิธีรอบกองไฟ
พิธีรอบกองไฟ เป็นพิธีสำคัญในการแต่งงานแบบ ฮินดู เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายๆคน คงเคยได้ยิน ได้เห็นมาบ้าง ในส่วนนี้เราก็หาจัดเตรียมคนทำพิธีที่อยู่ในเมืองไทย โดยทางพ่อแม่สามีจะเป็นคนคุยรายละเอียดทางพิธีกับทางคนทำพิธีก่อนเลือก บางคนแจ้งราคามาเลย แต่บางคนจะให้เราจ่ายตามศัทธาถือเป็นการทำบุญ เหมือนใส่ซองพระตามพิธีของบ้านเรา
ในส่วนนี้รายละเอียดการจัดเตรียมหลักๆ คือคนทำพิธี ซุ้ม ดอกไม้ ชุดแต่งงานที่เห็นในภาพ คือ เราซื้อสั่งตัดจากพาหุรัต ราคาเดี๋ยวเราจะมาเล่าให้ฟังตอนที่ สรุปรวมงบประมาณการจัดงานว่าเราต้องเตรียมบ้าง ราคาเท่าไหรบ้าง มาว่ากันต่อในเรื่องของขั้นตอนพิธีที่เราทำในงานแต่งแบบอินเดีย
1.ขบวนแห่ ในขบวนแห่นี้จะเป็นส่วนของเจ้าบ่าวเท่านั้น เราก็นั่งรอสวยๆ ในห้องไปก่อน รอเขาเรียกแล้วค่อยออกมา ขบวนแห่นี้ มีลักษณะคล้ายขบวนแห่ขันหมากไทย ส่วนใหญ่เจ้าบ่าวจะขี่ม้าเข้าไปในงาน แต่ของเราเจ้าบ่าวขี่คอเพื่อน อารมณ์เหมือนแห่นาค เราลองติดต่อเช่าม้าแล้วก่อนหน้านี้ แต่ค่อนข้างยุ่งยาก อย่างที่บอกไปตอนต้นว่าเราไม่มีออแกไนซ์ เลยต้องตัดส่วนที่ทำให้เสียเวลาหรือใช้ทรัพยากรมากเกินไปออก
และหลังจากนั้นเจ้าบ่าวก็จะไปรอที่ลานพิธีหรือสุ้ม รอนนี้ก็จะฝั่งเจ้าเดินออกมาสวยๆ กับชุดที่หนักอึ้งจบแทบเป็นลมด้วยอากาศเมืองไทย ในเวลาบ่ายสามโมง ในระหว่างที่เจ้าสาวเดินไปที่เจ้าบ่าวนั้นก็จะมีซุ้มดอกไม้สี่เหลี่ยมคลุมเหนือศรีษะเจ้าสาว โดยจะมีญาติพี่ชาย หรือน้องชายของฝั่งเจ้าสาว สี่คน ถือซุ้มทั้งสี่ด้านเดินไปพร้อมกับเจ้าสาว และเจ้าบ่าวจะมารับช่วงต่อพาเจ้าสาวเดินเข้าพิธี ในส่วนของเรานั้นจะเข้าทำพิธีคนเดียวก่อนเจ้าบ่าวก็ต้องนั่งรอไปก่อนในระหว่างนี้
2.พิธีงานชัยมาลา หลังเสร็จพิธีของเจ้าสาวแล้ว ก็จะเริ่มพิธีงานชัยมาลา คือการที่เจ้าบ่าวและเจ้าสาวแลกมาลัยคล้องคอ และระหว่างพิธี ครอบครัวและญาติของทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน เป็นสัญลักษณ์ว่าทั้งสองฝ่ายได้เกี่ยวดองเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วเรียบร้อย
3.การให้ของขวัญ อันที่จริงถ้าเป็ตามพิธีดั้งเดมคือ การแลกของขวัญตามธรรมเนียมดั้งเดิมของฮินดู โดยแลกเสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่ของเราไม่ได้แลกอะไร ของเราจะข้ามไปที่แม่เจ้าบ่าวจะให้สร้อยกับเจ้าสาว เป็นการบ่งบอกว่ารับลูกสะใภ้เข้าครอบครัว
4.พิธีรอบกองไฟ หรือพิธีปุโรหิต คือ พราหมณ์จะทำพิธีสวดบูชาไฟ และให้พรกับคู่บ่าวสาว โดยในพิธีจะมีขั้นตอนต่างมากมาย ซึ่งเจ้าบ่าวจะทำการแต้มซินดูกลางหน้าผากเจ้าสาว สวมสร้อยคอที่มีลักษณะเป็นเม็ดสีดำเล็กๆ และสร้อยข้อเท้าทั้งสองข้าง กำไรสีแดง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเสมือนการแสดงความเป็นเจ้างของในตัวเจ้าสาวว่าแต่งงานมีสามีแล้ว
โดยหลังแต่งงานก็จะต้องแต้มซินดูและสวมสร้อยตลอดเวลา (เป็นกายึดถือมาแต่สมัยโบราณ ปัจจุปันหนุ่มสาวสมัยใหม่บางคนก็ไม่ได้ยึดถือสิ่งเหล่านี้) มาว่ากันต่อหลังเสร็จพิธีที่กล่าวมา คู่บ่าวสาวจะต้องจูงมือกันเดินรอบกองไฟ 7 รอบพร้อมกล่าวคำมั่นสัญญา เป็นภาษาฮินดู เราก็ว่าตามเขาไปมีคนนำพูด จากนั้นพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายจะให้พรกับคู่บ่าวสาว พ่อเจ้าสาวยื่นมือลูกเจ้าสาวให้เจ้าบ่าว ถือว่าเป็นการยกลูกสาวให้แล้ว
พิธีนี้ถือเป็นพิธีที่ศักสิทธ์ และมีมนต์ขลังน่าขนลุกอยู่เหมือนกัน ทำให้รู้สึกว่าการแต่งงานเป็นเรื่องที่ศักสิทธิ์ ที่จะทำให้การครองคู่ อยู่เย็น เป็นสุข แต่ปัจจัยสำคัญคือคนสองคน ต้องรักและเข้าใจกัน รู้จักที่จะให้อภัย และให้โอกาส ซึ่งก็มาพร้อมกับการปรับตัวของทั้งสองฝ่าย
ฟังก์ชันสุดท้าย ในวันที่สอง งานเลี้ยงฉลองแต่งงาน Reception dinner
ว่าด้วยงานเลี้ยงฉลอง แน่นอนอยู่แล้วว่าหัวใจสำคัญคือ อาหาร เพราะแขกที่มาต้องมาก่วมรับประทานอาหารในงานเลี้ยงฉลอง งานนี้เราเลยเลือกจัดอาหารแบบบุ๊ฟเฟ่ เพราะเรามีทั้งแขกไทยและอินเดีย ที่สำคัญแขกอินเดียส่วนหนึ่งเป็นมังสวิรัต และเรื่องอาหาร คือหนึ่งในโจทย์ที่ยากของการจัดงานแต่ง เพราะอาหารเป็นเรื่องละเอียดอ่อนของวัฒนธรรมอินเดีย ซึ่งต้องบอกว่าเราโชคดีในการตัดสินใจเปลี่ยนเชฟ และเจอเชฟคนนี้ในาทีสุดท้าย
ก่อนงานแต่งแค่สามสัปดาห์ ทำให้แขกที่มาในงานชื่นชอบ และต่างชมในรสชาติของอาหาร บรรยากาศ และการตกแต่งสถานตั้งแต่วันแรก จนถึงวันที่สอง ทุกคนต่างกลับไปด้วยความประทับใจและความสนุกสนานของบรรยากาศในงาน ที่อบอุ่น เรียกว่าคนไทยเต้นอินเดียกันเอวสบัด สนุกสนาน
นี้เป็นแค่รายละเอียดฟังก์ชั่นงาน เดี๋ยวเราจะมาสรุปค่าใช้จ่ายและรีวิว สถานที่จัดงาน อาหาร การจัดตกแต่งสถานที่ การตัดชุดแต่งงานอินเดีย และอื่นๆอีกมากมายที่นึกออก ....เออ งานแต่งเรายังไม่จบนะ นี่แต่งที่ไทย เราจะต้องบิมมาจัดงานเลี้ยงฉลองแต่งงานที่อินเดียอีกรอบ เดี๋ยวจะมาเล่าบรรยากาศ และสถานที่ให้เพื่อนๆได้อ่านกันต่อนะ รอนะ...เดี๋ยวมาเล่าให้ฟัง
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
