25 พ.ย. 2023 เวลา 05:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

พื้นฐานเทรด Forex : มือใหม่ต้องรู้อะไรบ้าง?

1. ศัพท์ Forex
การเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในการทำธุรกรรม Forex คือการเข้าใจศัพท์ที่เกี่ยวข้องกับตลาดนี้อย่างถูกต้อง นอกจากคำศัพท์ทั่วไป เช่น ซื้อ-ขาย หรือ กำไร-ขาดทุน คุณควรทราบถึงคำศัพท์ Forex ที่เป็นพื้นฐาน เพื่อให้คุณสามารถเข้าใจความหมายของข้อมูลทางการเงินในตลาดนี้ได้ดีขึ้น
2. โปรแกรมเทรด Forex
เมื่อคุณรู้จักกับศัพท์ที่ใช้ในตลาด Forex ได้แล้ว ขั้นตอนถัดไปคือการทราบถึงการใช้โปรแกรมเทรด Forex ซึ่งเป็นขั้นตอนสำคัญในการทำกำไร ควรทำความเข้าใจในการใช้แพลตฟอร์มที่คุณเลือกที่จะทำธุรกรรม
ในโลกการเทรด Forex ทุกวันนี้ การทราบถึงโปรแกรมการเทรดที่มีคุณภาพเป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพื่อให้คุณสามารถทำกำไรได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากความเข้าใจในศัพท์ทางเศรษฐศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการเทรด Forex แล้ว เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับโปรแกรมที่สำคัญและวิธีการส่งคำสั่งซื้อขายในตลาดนี้
  • แพลตฟอร์มการเทรด
  • การส่งคำสั่งซื้อขาย
  • การจัดการรายการเทรด
  • การใช้เครื่องมือวิเคราะห์
3. วิธีคำนวณกำไร-ขาดทุน
การคำนวณกำไรและขาดทุนเป็นส่วนสำคัญในการเป็นนักเทรดที่ประสบความสำเร็จ คุณต้องรู้วิธีทำความเข้าใจกับกำไรที่คุณสามารถทำได้ และการจัดการขาดทุนในกรณีที่ตลาดเคลื่อนไหวไม่ตามที่คุณคาดหวัง
3.1 คำนวณกำไร
3.1.1 สูตรคำนวณกำไร
ในกรณีที่คุณซื้อ (Long Position): กำไร=(ราคาปิด−ราคาเปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรมกำไร=(ราคาปิด−ราคาเปิด)×ปริมาณการทำกำไร
สำหรับการขาย (Short Position): กำไร=(ราคาเปิด−ราคาปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรมกำไร=(ราคาเปิด−ราคาปิด)×ปริมาณการทำกำไร
3.1.2 ตัวอย่างการคำนวณกำไร
คุณทำธุรกรรมคู่สกุลเงิน EUR/USD โดยซื้อที่ราคา 1.2000 และขายที่ราคา 1.2050 และท่านมีปริมาณการทำธุรกรรม 1,000 หน่วย กำไร=(1.2050−1.2000)×1,000=50หน่วยเงินตราหลังหักค่าสเปรดแล้ว
กำไร=(1.2050−1.2000)×1,000=50หน่วยเงินตราหลังหักค่าสเปรดแล้ว
3.2 คำนวณขาดทุน
3.2.1 สูตรคำนวณขาดทุน
ในกรณีที่คุณซื้อ (Long Position): ขาดทุน=(ราคาปิด−ราคาเปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรมขาดทุน=(ราคาปิด−ราคาเปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรม
สำหรับการขาย (Short Position): ขาดทุน=(ราคาเปิด−ราคาปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรมขาดทุน=(ราคาเปิด−ราคาปิด)×ปริมาณการทำธุรกรรม
3.2.2 ตัวอย่างการคำนวณขาดทุน
ถ้าคุณทำธุรกรรมคู่สกุลเงิน USD/JPY โดยซื้อที่ราคา 110.00 และขายที่ราคา 109.50 และท่านมีปริมาณการทำธุรกรรม 500 หน่วย ขาดทุน=(110.00−109.50)×500=250หน่วยเงินตราหลังหักค่าสเปรดแล้ว
ขาดทุน=(110.00−109.50)×500=250หน่วยเงินตราหลังหักค่าสเปรดแล้ว
3.3 การจัดการกำไร-ขาดทุน
การจัดการกำไร-ขาดทุนเป็นส่วนสำคัญของการเทรด เพื่อควบคุมความเสี่ยง คุณสามารถใช้ Stop Loss เพื่อกำหนดระดับที่คุณยอมรับการขาดทุนได้ และ Take Profit เพื่อกำหนดระดับกำไรที่คุณต้องการ
4. ไทม์เฟรมและกราฟ Forex
การเลือกไทม์เฟรมที่เหมาะสมเป็นปัจจัยที่สำคัญที่จะทำให้การวิเคราะห์กราฟ Forex เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ในแพลตฟอร์ม MT5, คุณสามารถเลือกกราฟที่ต้องการในรูปแบบที่หลากหลาย ได้แก่ กราฟแท่งเทียน, กราฟเส้น, และกราฟบาร์ชาร์ท ซึ่งแต่ละรูปแบบนั้นมีข้อดีและข้อเสียต่างๆ ซึ่งคุณสามารถเลือกตามความต้องการและสะดวกสบายของคุณได้
4.1 กราฟแท่งเทียน (Candlestick Chart)
กราฟแท่งเทียนเป็นรูปแบบที่มีความนิยมสูงในการวิเคราะห์ Forex และมีข้อดีมากมาย แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดไม่ใช่รูปแบบของกราฟ แต่เป็น “ไทม์เฟรม” หรือช่วงเวลาที่คุณเลือก
4.2 กราฟเส้น (Line Chart)
กราฟเส้นเป็นรูปแบบที่แสดงราคาที่เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ซึ่งมีความเรียบง่ายและชัดเจน มักนิยมในการแสดงราคาที่ถูกบันทึกลงในระยะเวลาที่ยาวนาน
4.3 กราฟบาร์ชาร์ท (Bar Chart)
กราฟบาร์ชาร์ทเป็นรูปแบบที่แสดงข้อมูลด้วยบาร์แท่งแต่ละตัว โดยแต่ละบาร์จะแสดงราคาเปิด, ปิด, สูงสุด, และต่ำสุด ซึ่งช่วยในการวิเคราะห์ทิศทางของตลาดได้อย่างชัดเจน
4.4 ไทม์เฟรม (Timeframe)
นอกจากรูปแบบกราฟ, สิ่งที่มีผลมากที่สุดในการทำธุรกรรม Forex คือ “ไทม์เฟรม” หรือช่วงเวลาที่คุณเลือกทำการวิเคราะห์ มีหลายระดับขึ้นอยู่กับการทำธุรกรรมของคุณ
4.5 ระดับไทม์เฟรม
  • ไทม์เฟรม Intraday: ตั้งแต่ H1 ลงมา หรือกราฟ 5 นาที – 1 ชั่วโมง
  • ไทม์เฟรมระยะสั้น: กราฟ H4 หรือ 4 ชั่วโมง
  • ไทม์เฟรมระยะกลาง: กราฟ D1 หรือกราฟรายวัน
  • ไทม์เฟรมระยะยาว: กราฟ W1, MN (กราฟรายสัปดาห์, รายเดือน)
การเลือกระดับไทม์เฟรมที่เหมาะสมกับรูปแบบการเทรดของคุณจะช่วยให้คุณมีการวิเคราะห์ที่ถูกต้องและเป็นประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โฆษณา